เซียนหรั่ง เดอะมูฟวี่ ตอน แหล่งเพื่อนรัก ‘ปิดตา’ ธิปไตย ในโครงสร้างสังคมมืดบอด

2 Min
6126 Views
12 May 2023

เมื่อพูดถึง ‘ไทบ้านเดอะซีรีส์’ ทุกคนย่อมรู้ดีว่าสร้างปรากฏการณ์มากมายให้วงการหนังไทยยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสตูดิโอหนังอิสระที่เติบโตอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องหวังพึ่งพาสตูดิโอใหญ่ ไปจนถึงการสร้างจักรวาลความบันเทิงครบวงจรจนสร้างฐานแฟนคลับได้อย่างมหาศาล พร้อมยกระดับชั้นของหนังอีสานให้ไปไกลโดยไม่ทิ้งตัวตนและรากเหง้าความเป็นอีสาน ดังนั้นการมาของ ‘เซียนหรั่ง’ จึงเป็นหนึ่งในผลิตผลชั้นดีที่สามารถต่อยอดจนกลายเป็นความแข็งแกร่งอีกชั้นของไทบ้านเดอะซีรีส์อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่มากกว่ากระแสความโด่งดัง จุดเด่นสำคัญของจักรวาลไทบ้าน คือการสร้างมุมมองใหม่ให้กับหนังอีสาน ที่ไม่เพียงสามารถสร้างภาษาใหม่ๆ ให้กับภาพยนตร์อีสานที่ถูกจำกัดเพียงความฮาม่วนเถิดเทิงเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนภาพของคนอีสานยุคใหม่ได้อย่างแนบเนียนอีกด้วย

หนัง ‘เซียนหรั่ง เดอะมูฟวี่’ เล่าเรื่องของกลุ่มเพื่อนซี้ที่วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากเมาเหล้าขาว วันๆ ถูกเผาผลาญไปกับการจับปูปลากาไก่เอามาทำกับข้าวกิน รวมไปถึงกิจกรรมที่ไม่เป็นโล้เป็นพายจนเป็นที่เอือมระอาแก่ผู้พบเห็น จนกระทั่ง ‘บิว’ หนึ่งในแก๊งกำลังเผชิญวิบากกรรมในชีวิตครั้งสำคัญ เมื่อพิษของเหล้าขาวกำลังค่อยๆ กัดกร่อนประสาทตาอย่างช้าๆ และมันกำลังพาให้เขาพบกับความมืดบอดจนมองไม่เห็นในที่สุด สิ่งเดียวที่เขาขอจากเพื่อนๆ ที่ไม่เอาอ่าวของเขา คือการขอมองเห็นทะเลเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทุกสิ่งที่เขาเห็นนั้นจะมืดดำ มันคงไม่ยาก หากภูมิลำเนาของเขาไม่ได้อยู่ในที่ราบสูงที่ทะเลไหลมาไม่ถึง และพวกเขาเองก็ไม่เคยไปไหนไกลจากถิ่นฐานที่อาศัยอยู่สักครั้งเดียว

หนังพาตัวเองไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จากหนังตลกเฮฮาชายเป็นใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนโหมดจากหนังตลกมุกชนมุก สู่การเป็นหนัง Road Movie ที่สาดใส่สถานการณ์สุดทุลักทุเลของกลุ่มคนที่ไม่เอาไหนเพื่อพาให้เพื่อนรักได้บรรลุเป้าหมายเป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางมุกตลกของแต่ละคาแรกเตอร์ที่พร้อมให้คนดูได้รักและพร้อมเอาใจช่วยได้อย่างสุดกำลัง ก่อนจะตบท้ายด้วยเรื่องสุดสะเทือนใจในชะตากรรมของบิวที่คาดเดาไม่ยากว่ามันจะลงเอยทางไหน

นอกจากความประทับใจในมิตรภาพ และการเรียนรู้ชีวิต ที่ถือเป็นไฟต์บังคับของหนัง Road Movie แล้ว ความมืดบอดของบิวก็สะท้อนให้เห็นความอับจนหนทางของคนมืดแปดด้านที่พยายามคลำหาแสงสว่างให้กับชีวิตตัวเองด้วย ท่ามกลางสังคมคนชายขอบที่ความต้องการอันแรงกล้าอาจจะเป็นเรื่องแสนน่าขันของใครต่อใคร แต่กลับยิ่งใหญ่สำหรับตัวบิว ผู้เป็นตัวแทนของความเหลื่อมล้ำของสังคมชายขอบได้โดยไม่พยายามจะขยี้ใดๆ ทั้งนั้น

นอกจากนั้น คาแรกเตอร์ ชายเป็นใหญ่ ในจักรวาลไทบ้าน ก็ถูกขับเน้นให้เห็นหลุมพรางของความเป็นชายแท้ ที่จมจ่ออยู่ในวังวนและกิจกรรมภาคบังคับไม่กี่อย่าง จุดพลิกผันอันมืดบอด สอนให้บิวและเพื่อนๆ ได้เรียนรู้ชีวิตไม่ใช่น้อย มันอาจจะเป็นบทลงโทษที่ทั้งสาสม และทั้งน่าสงสาร เมื่อพบว่าความกล้ำกลืนนี้ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างทางสังคมอันผุกร่อน และลงท้ายด้วยการยอมรับชะตากรรมอย่างเลี่ยงไม่ได้

สังเกตได้อย่างหนึ่ง คือตัวละครสำคัญของเรื่อง นั่นคือรถตู้ที่พวกเขาใช้เพื่อออกเดินทางนั้น ในตอนแรกมันถูกแปะสติกเกอร์คำว่า ‘สุข ทุกข์ เป็นเรื่องธรรมดา’ จนคำว่า ‘สุข’ ค่อยๆ หลุดล่อนและจางหายไปตามสถานการณ์พลิกผัน

การถูกกดทับซ้ำซาก ของคนชายขอบที่ความเจริญเดินทางไปไม่ถึง ไม่ต่างกับตาที่ถูกปิดจนมืดดำไร้หนทาง ความแปลกแยกอาจจะเรียกร้อยยิ้มและเสียงหัวเราะได้อย่างลื่นไหล แต่สุดท้ายเมื่อเขาต้องรับชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การก้มหน้ารับความมืดบอดก็เป็นดั่งคำสาปที่พวกเขาต้องเผชิญ ไม่ต่างกับการถูกปิดตาให้กล้ำกลืนอยู่กับชะตากรรมอันโหดร้ายเพียงเดียวดาย

ยิ่งบทสรุปของหนังที่เพื่อนๆ ต่างปลอบประโลมบิวให้ยิ้มรับกับโชคชะตาและสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้าง ยิ่งแสดงให้เห็นความกล้ำกลืนของชาวบ้านตาดำๆ ที่ต้องทนรับความมืดบอดนี้ไปตลอดชีวิตอย่างน่าเศร้าใจ แม้หนังจะไม่พยายามที่จะตัดสินอะไรใดๆ รวมไปถึงเลือกที่จะไม่เรียกร้องอะไร แต่ภาพสุดท้ายของหนังที่ทุกคนพร้อมหน้ากับ ‘มื้อที่สุขที่สุด’ ก็ชวนให้รู้สึกจุกไม่น้อยกับชะตากรรมอันแสนเศร้านี้