“แต่ก่อนหญิงค่อนข้างมีอีโก้สูงนะ แต่พออยู่วงการนี้ไปเรื่อยๆ มันสอนให้รู้ว่าเราต้องลดอีโก้ลง ยอมรับคำติชมให้มากขึ้น อย่าเอาตัวเองเป็นใหญ่ ต้องพัฒนา ต้องปรับแก้อยู่เรื่อยๆ” คุยกับ เจ้าของนามปากกา ‘หญิงฉกรรจ์’ นักเขียนนวนิยายวาย ผู้ดึงจุดเด่นของคาแรกเตอร์ตัวละครมัดใจนักอ่าน จนกลายมาเป็นจุดขายของตัวเอง

6 Min
736 Views
02 Mar 2024

การประสบความสำเร็จ คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนล้วนใฝ่ฝันถึงอยู่เสมอ ว่าในสักวันจะได้รับรางวัลตอบแทนให้กับความเพียรพยายามของเรา

และอย่างที่ใครหลายคนกล่าว “เริ่มต้นเร็วย่อมดีกว่า” แต่หากเริ่มต้นได้อย่างถูกทางและมีความสุขไปกับสิ่งที่ทำนั้น มันก็ดียิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่งในชีวิตเสียอีก

วันนี้ BrandThink มีโอกาสทำความรู้จักกับหญิงสาวผมยาว สวมเสื้อผ้าสีดำในสไตล์ Y2K เธอมาพร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยพลังความสดใส และพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า นักเขียนนวนิยาย คืออาชีพที่สามารถเลี้ยงชีพตัวเองได้ นี่คือความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของนักเขียนดาวรุ่งคนนี้

“สวัสดีทุกคนค่ะ เจ้าของนามปากกา หญิงฉกรรจ์ ตอนนี้มีผลงานอยู่ทั้งหมดประมาณ 7 เรื่องค่ะ” 

เธอแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มอันเป็นพลังบวก ก่อนจะเล่าย้อนกลับไปถึงเรื่องราวอันเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ

จุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากลองแต่งนวนิยายเกิดจากอะไร

ต้องบอกก่อนว่าหญิงเริ่มอ่านนิยายตั้งแต่อยู่มัธยมต้น แล้วก็ชอบอ่านมาเรื่อยๆ จนโต ช่วงหลังๆ หญิงมาสังเกตได้ว่าตัวเองเป็นคนเรื่องมาก บางเรื่องก็อ่านไม่จบไปต่อไม่ได้ คือเหมือนหาแนวให้ตัวเองยาก 

แล้วเวลาออกไปข้างนอก หญิงรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีอะไรในหัวเยอะ ก็เลยลองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่งลงแพลตฟอร์มนิยายออนไลน์ลงเล่นๆ ฟีลแต่งเอามันเฉยๆ ก่อน แต่พอวันหนึ่งผลตอบรับมันเกินคาดไปมาก เริ่มมีคนเข้ามาสนใจ เข้ามาอ่านมากขึ้น เลยพลอยทำให้เรางอกพล็อตเรื่องออกมาเรื่อยๆ เลยทีนี้ ก็เลยไหลมาจนถึงปัจจุบันเลยค่ะ 

แล้วอะไรคือเสน่ห์ของนวนิยายแนววาย (Boy Love) ที่ทำให้คุณตกหลุมรัก

ต้องบอกว่าเมื่อก่อนเราก็อ่านแนวชาย-หญิงนะ แต่รู้สึกว่าจะอินน้อยกว่านิยายวาย ย้อนกลับไป ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นเราเจอนิยายวายเรื่องหนึ่ง คิดว่าคนน่าจะรู้จักกันเยอะ พอลองกดอ่านดูปรากฏว่ามันสนุกมาก ขำแทบท้องแตกตั้งแต่ตอนแรกเลย พออ่านไปเรื่อยๆ เราก็มีคำถามว่า ทำไมมันฟินจังนะ แล้วหลังอ่านจบก็รู้เลยว่า นี่แหละนิยายที่เราตามหา คือมันอ่านแล้วสนุก ไม่ใช่แค่เรื่องเพศนะ แต่รวมไปถึงการดำเนินเรื่องด้วย 

ช่วยขยายคำว่า ‘ความอิน’ ในนวนิยายวายหน่อยว่า สิ่งไหนที่มันทัชใจใช่เลยสำหรับคุณ

หญิงคิดว่ามันคือนิสัยของตัวละคร การดำเนินเรื่อง พูดง่ายๆ ก็คือเส้นทางความรักของตัวละคร บอกก่อนว่านิยายวายมีหลายแนวมากซึ่งเสน่ห์ของเขาก็จะแตกต่างกันออกไป 

แน่นอนว่านิยายวายคือการสื่อสารความรักระหว่างผู้ชายสองคน แต่ในเรื่องมันก็มีบริบทของสังคม มุมมองของผู้ชายรักกัน ซึ่งหญิงมองว่ามันมีเสน่ห์ บางเรื่องเราชมเลยว่านักเขียนเรียบเรียงออกมาได้ดีจนมันดูสมจริงมากๆ 

จริงๆ ก็คงจะแล้วแต่ความชอบนะ แต่ถ้าจะให้อธิบายความรู้สึกก็ยากเหมือนกัน อาจต้องควักหัวใจออกมาเลยแหละถึงจะรู้ (หัวเราะ)

อินมาก ก็ย่อมชอบมาก นำมาสู่แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา?

อย่างที่บอกเลย หญิงเป็นคนมีอะไรในหัวเยอะ เราก็เลยเขียนออกมา พอเราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นักอ่านเราก็มีมากขึ้น และความสนุกของการแต่งคือการที่เรามีนักอ่านคอยพูดคุยด้วยนี่แหละ ได้ดูคนเล่นแฮชแท็กในทวิตเตอร์ นักอ่านรู้สึกรักตัวละคร แล้วมันทำให้หญิงรู้สึกสนุก มันคือแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากแต่งนิยายต่อไปเรื่อยๆ 

เมื่อคิดว่ามาถูกทางแล้ว ก็ส่งเรื่องแรกลงสนามไปเลย?

เรื่องแรกของหญิงก็คือ ‘อย่าขัดใจกรกัณฐ์’ ตอนนั้นเราชอบเคะ (ฝ่ายรับ) ควีนมากๆ คือคนหล่อ สูง 180 เซนติเมตร เดินสับๆ สายเฟียต ไม่ยอมใคร (หัวเราะ) แล้วตอนนั้นนิยายแนวนี้แทบหาไม่เจอเลย ดังนั้น แค่คิดว่าถ้าตัวละครของเราใส่สูท คงจะเท่และแซ่บสะบัดน่าดู พอแต่งออกมาแล้วนักอ่านก็ชอบกันมากๆ

แล้วอะไรที่คิดว่านี่แหละคือเสน่ห์ของนวนิยายเรา ที่ทำให้นักอ่านชื่นชอบกันมากขนาดนี้

ทุกวันนี้ก็ยังหาอยู่เลยค่ะ (หัวเราะ) หญิงก็ยังไม่แน่ใจ แต่ถ้าให้เดาคิดว่าน่าจะเป็นคาแรกเตอร์ของตัวละคร จุดเด่นคือหญิงสามารถรักษาคาแรกเตอร์ตัวละครได้ดี นักอ่านจะชอบพูดว่า รู้เลยพูดแบบนี้คาแรกเตอร์ของใคร ถ้าทำแบบนี้ต้องเป็นตัวละครตัวนี้แน่ๆ ก็เลยรู้สึกว่านี่คือจุดแข็งและเสน่ห์ในนิยายเรา

จากเรื่องแรกจนมาถึงตอนนี้ ประมาณ 3 ปีได้ คิดว่าตัวเองอยู่ในจุดไหนแล้ว 

ตอนแรกหญิงไม่คิดเลยว่าเราจะไปถึงจุดไหน แค่มีความสุขกับสิ่งที่ทำ เมื่อก่อนหญิงจะชอบหาเวลาว่างมาแต่งนิยาย พอได้ทำไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าชอบ

ตอนเรียนเคยไปฝึกงานแล้วรู้สึกเหมือนถูกควบคุม ซึ่งหญิงรู้สึกไม่ชอบกับการที่ต้องตื่นเช้า แล้วตอนนั้นเราให้ความสำคัญกับการแต่งนิยายมาก แบบบางวันมีเวลานิดเดียวก็จะแต่งอยู่ดี 

พอมาถึงตอนนี้หญิงคิดว่าทำสำเร็จทุกอย่างแล้วจริงๆ ค่ะ อย่างแรกเลยคือหญิงมีรายได้จากการเขียนนิยายที่หาเลี้ยงครอบครัวได้ สามารถยกระดับฐานะทางบ้านได้ ซึ่งตอนนี้ดีขึ้นมากๆ คนรอบข้างก็มองเราในมุมมองที่ต่างไปจากเมื่อก่อน 

อย่างที่สองคือ ตัวละครของหญิงเป็นที่รักของนักอ่าน ไม่ต้องรักมากก็ได้ แต่เห็นอะไรสักอย่างแล้วนึกถึงกันมันก็โอเคแล้ว เช่นเรื่อง ‘สู่อ้อมกอดของราชา’ พระเอกของเราชื่อ ‘ราชา’ คือเวลานักอ่านไปเห็นพวกป้าย ราชาปลาเผา ราชาข้าวต้ม เขาก็จะนึกถึงเราโดยอัตโนมัติแล้วนำมาแซวกัน (หัวเราะ)

แล้วส่วนมากนักอ่านจะชอบขอว่า คุณหญิงช่วยเอาตัวละครมาอวยพรงานวันเกิดให้หน่อย ช่วยเอาพวกเขามาคุยด้วยหน่อย คือนักอ่านนึกถึงตัวละครที่เราสร้างตลอด ซึ่งหญิงมองว่านี่แหละ มันสำเร็จแล้ว  

อีกอย่างก็คือ คอมมิก (comic) ก็กำลังจะได้ถูกนำไปปรับแต่ง อย่างเรื่องล่าสุดคือ ‘ขอจับหน่อยจ๋าย’ ที่จะทำเป็นคอมมิกตอนพิเศษ ก็เลยรู้สึกว่ามันสำเร็จไปหมดแล้วค่ะ หลังจากนี้คือการประคองตรงนี้ให้ดีต่อไป 

มีด้านที่รู้สึกเต็มเติมแล้ว แต่ในฐานะนักสร้างสรรค์ทุกคน ก็ต้องมีวันที่รู้สึกนอยด์ๆ บ้าง ช่วงที่ ‘เขียนงานไม่ออก’ คุณรับมือกับช่วงเวลานั้นอย่างไร 

 

หญิงตันบ่อยมากนะ (หัวเราะ) บางทีนอนมองเพดานแล้วก็จ้องแบบว่า เฮ้อ! ฉันเกิดมาทำไมนะ แต่งนิยายเรื่องนี้ไปทำไม บางทีไม่รู้ว่าจะพาตัวละครไปทางไหนต่อ 

เพราะหญิงมีนิสัยชอบวางพล็อตไว้หลวมๆ ไม่ได้ทำทรีตเมนต์ให้แน่น พอถึงวันที่ต้องอัปงานแต่ยังไม่มีเนื้อหาให้นักอ่านเลย คือมันตันมาก จนพักหลังๆ ก็เริ่มปรับตัวว่าต้องเขียนตุนไว้เยอะๆ ถึงวันจะได้อัปทีเดียว มีเวลาแก้ไขด้วย 

ส่วนวิธีรับมือ คือการนอนค่ะ แก้ปัญหาด้วยการนอนอย่างเดียว คิดไม่ออกก็นอน คิดไม่ออกก็กิน 

แล้วนอกจากด้านรายได้ที่ค่อนข้างมั่นคงแล้ว ความสุขอื่นที่ได้จากการเขียนนวนิยายคืออะไร

บางทีหญิงจะได้รับจดหมายที่นักอ่านส่งมาให้ หรือเขาส่งข้อความหลังไมค์มาหาเรา ว่าวันนี้รู้สึกแย่มากๆ แต่ได้นิยายของหญิงช่วยชีวิตเอาไว้ ขอบคุณที่อัปเดตนิยายให้ได้อ่าน ซึ่งหญิงรู้สึกว่าวันนั้นที่ได้รับข้อความเหล่านี้คือวันที่ดีของหญิงเลย หญิงรู้สึกว่าเราได้สร้างความสุขและประโยชน์ให้คนอื่น

แน่นอนว่ามีคนรักก็ย่อมมีคนวิจารณ์ คุณรู้สึกว่าวงการนี้สอนอะไรคุณบ้าง หรือกระทั่งช่วยให้พัฒนาตัวเองหรือลดอีโก้ลงอย่างไรบ้างไหม

 

แต่ก่อนหญิงค่อนข้างมีอีโก้สูงนะ แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ วงการนี้มันสอนให้หญิงรู้ว่าเราต้องลดอีโก้ลง ยอมรับคำติชมให้มากขึ้น อย่าเอาตัวเองเป็นใหญ่ ต้องพัฒนา ต้องปรับแก้อยู่เรื่อยๆ

 

คนที่เขาไม่ชอบ… ส่วนมากจะถูกติว่าเรื่องดูวนลูป สถานการณ์เดิมๆ บางคนก็บอกว่า แต่งมาเรื่องแรกดีจัง หลังๆ เริ่มถอยลงคลอง ถ้าอันไหนคือคำติเตือนที่เป็นประโยชน์หญิงก็เก็บมา 

ถ้าอย่างนั้น ขอถามว่าตอนนี้อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับอาชีพนักเขียน

หญิงว่ามันยากทุกอย่างเลย ยากตั้งแต่งัดตัวเองออกมาจากเตียงไปนั่งหน้าคอมว่าจะแต่งอะไร แล้วส่วนตัวในฐานะนักเขียนเองก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น และที่ยากที่สุดคือ จะทำอย่างไรให้นักอ่านเห็นนิยายของเรา ต้องต่อสู้เหมือนทำสงครามเลย ยากที่สุดคือทำยังไงให้นิยายแมส แต่ยากขั้นกว่าคืองัดตัวเองออกมาเขียน (หัวเราะ)

เมื่อก่อนอาชีพนักเขียนนวนิยาย มักถูกมองว่าเป็นพวกไส้แห้ง ดูไม่มั่นคง สำหรับคุณแล้วมีมุมมองอย่างไรต่อทัศนคติเหล่านี้ 

 

หญิงมองว่ามันคือความคิดแบบเก่ามากกว่า ปัจจุบันเป็นยุคเทคโนโลยี นักเขียนเข้าหานักอ่านได้เยอะ มีนิยายหลากหลายแนวให้เลือกสรร ที่สำคัญคือเราต้องปรับมุมมองใหม่ว่านักเขียนไม่ใช่อาชีพที่ไส้แห้ง 

ถ้าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จเขาสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้เลยนะ หากมาถูกทาง หญิงเคยเจอคนที่ทำได้เดือนละเกือบล้าน แน่นอนว่ามันไปต่อได้ หญิงพิสูจน์มาแล้วว่ามันเป็นอาชีพที่ทำรายได้ได้ดีอาชีพหนึ่งเลยนะ 

ในแง่ที่มาของรายได้ ย่อมมาจากการเผยแพร่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทว่ายิ่งได้มาก ก็ยิ่งแลกมาด้วยการหักเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างสูงเลยใช่ไหม 

สำหรับตัวหญิงมีสองความคิดเห็นนะ อย่างแรกเลยก็คิดว่าคงสมเหตุสมผล เพราะเขาเอารายได้ที่หักจากเราไปไปพัฒนาแพลตฟอร์ม มันเป็นสัญญาที่มีการตกลงกันอยู่แล้ว 

แต่อีกความคิดหนึ่งคือ หักเยอะไปหรือเปล่านะ เพราะบางทีแพลตฟอร์มก็ไม่เสถียรเลย เอะอะก็ล่ม อย่างนักเขียนบางคนถูกหักเปอร์เซ็นต์ 5-6 หลักต่อเดือน ซึ่งมันเยอะมาก น่าจะเอาไปพัฒนาแพลตฟอร์มได้เยอะ 

ฉะนั้น ในฐานะคนทำงานกับแพลตฟอร์มนิยายก็อยากขอให้ทำให้มันเสถียร จัดการให้เป็นระบบ เพราะตอนนี้ประเด็นนี้กลายเป็นปัญหาที่นักเขียนพูดถึงกันเยอะ หญิงก็พยายามเป็นกลางที่สุด แม้ปัญหานี้อาจจะยังไม่หายไปแต่อยากให้มันน้อยลง 

ในฐานะนักเขียนคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการเขียนนวนิยายวาย อยากจะเห็นพัฒนาการหรือมีมุมมองต่อวงการนี้อย่างไรบ้าง

หญิงคิดว่ามีนักเขียนอีกหลายคนที่คิดพล็อตได้ล้ำมาก เขียนได้สนุกและเก่งกว่าหญิงเยอะ ก็อยากให้ผลงานเขาไปต่อได้ไกลในต่างประเทศ

อยากให้มีคนมาผลักดันตรงนี้เยอะๆ อยากให้มีการแปลเป็นภาษาต่างประเทศบ้าง มีการทำคอมมิกเยอะๆ แล้วผลักดันออกไปสู่ตลาดนิยายในต่างประเทศ มีแพลตฟอร์มที่ส่งเสริมมากขึ้น อยากให้คนที่เก่งๆ เขาได้รับแสงได้เฉิดฉาย

อยากฝากอะไรถึงเหล่านักอ่านและเพื่อนร่วมวงการไหม

 

สำหรับนักอ่านก็อยากบอกว่า “หญิงรักนักอ่านนะต๊ะ” ซึ่งเป็นคำพูดที่หญิงพูดอยู่เสมอ ขอบคุณที่สนับสนุนกันมาตลอด ขอบคุณที่คอยตักเตือน สอนให้เติบโต ใครยังไม่ได้อ่านก็มาเข้าด้อมด้วยกันเยอะๆ นะคะ (ยิ้ม)

 

ส่วนสำหรับเพื่อนนักเขียนด้วยกัน หญิงอยากบอกว่าอยากเขียนอะไรเขียนเลย ลงมือทำไปเลย ขอแค่ว่าสิ่งที่เขียนไม่สนับสนุนให้เกิดความบิดเบี้ยวในสังคม ไม่สนับสนุนอะไรที่ผิดศีลธรรม หรือมองเรื่องที่มันไม่ปกติให้กลายเป็นเรื่องปกติ ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตเยอะขึ้น 

 

อาชีพนักเขียนเป็นอาชีพที่ใช้หัวใจในการทำงาน ถ้าสุขภาพเราดีงานก็จะดีไปด้วย อย่ากดดัน รักตัวเองให้มากๆ นะ ไตร่ตรองให้มากขึ้น หญิงเชื่อว่าสักวันจะมีคนชอบนิยายของเรา อาจจะต้องใช้เวลาแล้วแต่คน แต่เชื่อว่าสุดท้ายเราทุกคนจะถูกค้นพบในที่สุด 

ผลงานทั้ง 7 เล่มของ ‘หญิงฉกรรจ์’

  1. นายท่านกับภรรยาไม่ถูกกัน
  2. จะจีบคุณเขม
  3. สู่อ้อมกอดของราชา
  4. เชาส์จะไม่รัก
  5. ในปกครองธีร์วรา
  6. อย่าขัดใจกรกัณฐ์
  7. ขอจับหน่อยจ๋าย

สามารถติดตามผลงานได้ที่

X: @yingrakpchanin