คำว่า ‘แม่’ ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ? เมื่อแฟนคลับไทยแทนตัวเองว่าแม่ และนักกีฬาจีนบอกว่า ‘ไม่ชอบแบบนี้’
แต่ไหนแต่ไรมา คนไทยคุ้นเคยกับการใช้คำว่า ‘แม่’ ในบริบทที่หลากหลาย แต่พอแฟนคลับชาวไทยใช้คำนี้แทนตัวเองกับนักกีฬาวอลเลย์บอลชาวจีนก็กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที สื่อไทยและจีนจึงต้องนำเรื่องนี้มาขยายต่อเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดซ้ำรอย
ดราม่าเรื่องนี้เกี่ยวกับ ‘หลี่ หย่งเจิน’ (Li Yong Zhen) นักวอลเลย์บอลชายดาวรุ่งชาวจีน หนึ่งในนักกีฬาที่มาเข้าร่วมการแข่งขัน AVC Cup 2022 ซึ่งจัดที่จังหวัดนครปฐม จึงมีแฟนคลับชาวไทยตามไปชูป้ายเชียร์หลี่ในนัดที่ทีมจีนแข่งกับบาห์เรน เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคลิปเหตุการณ์ตอนที่หลี่พูดกับแฟนคลับชาวไทยว่า “I don’t like this.” พร้อมกับชี้ไปที่โปสเตอร์ซึ่งเป็นคำอวยพรเขาในภาษาจีน จนเกิดคำถามตามมาว่าหลี่ไม่พอใจเรื่องอะไร ซึ่งสื่อจีน New QQ และเฟซบุ๊คเพจ ‘ไทยคำจีนคำ’ จึงอธิบายคล้ายๆ กันว่า การที่แฟนคลับชาวไทยเรียกแทนตัวเองว่า ‘แม่’ ในป้ายเชียร์ เป็นสิ่งที่คนจีนส่วนใหญ่ ‘ไม่นิยม’ ทำแบบนี้กัน
เพจไทยคำจีนคำ อธิบายว่า “คำว่า ‘แม่’ สำหรับชาวเอเชียนั้นยิ่งใหญ่ลึกซึ้ง โดยเฉพาะสำหรับคนจีน
“มาหมะ 妈妈 Māma (แล้วแต่การออกเสียง) นั้นแปลว่า ‘แม่’ (ของตัวเอง) ไม่ใช่คำที่จะนำมาล้อเล่นได้
“ชูป้ายแบบนั้น นักกีฬาจีนไม่มีทางเข้าใจเลยว่าคำว่า ‘แม่’ ในเคสนี้ หมายถึงเหล่าแฟนคลับเรียกตัวเองเป็นแม่ เพราะบริบททางวัฒนธรรมมันต่างกัน
“ในกรณีนี้ เชื่อว่าความผิดพลาดอาจเกิดจากการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือเว็บไซต์ช่วยแปลภาษา”
ผู้ใช้เฟซบุ๊คชาวไทยที่ได้รับรู้ข้อมูลนี้ก็แสดงความเห็นแตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่บอกว่าดีแล้วที่มีคนชี้แจงให้ฟัง จะได้ไม่ทำอะไรที่อาจกลายเป็นชนวนขัดแย้งในอนาคต แต่บางส่วนก็มองว่า การใช้คำว่าแม่ในภาษาไทย (และในวัฒนธรรม) มีทั้งใช้เพื่อแสดงความเคารพและแสดงความสนิทสนม และกรณีนี้แฟนคลับของหลี่ก็น่าจะแทนตัวเองในฐานะ ‘แม่ยก’ ที่ชื่นชอบนักกีฬาคนเก่ง จึงไม่น่าจะเป็นประเด็นที่รุนแรงอะไร
ขณะที่เว็บไซต์ New QQ ของจีน รายงานว่า สิ่งที่หลี่ทำกับแฟนคลับชาวไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์เหมือนกันว่าออกจะใจร้ายเกินไปหน่อย เพราะเป็นเรื่องของความแตกต่างทางวัฒนธรรม และคนที่ชูป้ายก็เป็นแฟนคลับที่มาเชียร์เขาทั้งนั้น แต่ก็มีคนบอกว่าหลี่ทำแบบนี้ ‘ถูกต้องแล้ว’ โดยย้ำว่าถ้ามีคนที่เข้าใจผิดก็ควรอธิบายหรือแก้ไขให้เข้าใจตรงกัน
แต่อีกประเด็นที่ New QQ ชี้ว่า ‘น่าเป็นห่วง’ ยิ่งกว่าเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรม คือการที่กองเชียร์ปฏิบัติต่อนักกีฬาเหมือน ‘แฟนคลับ’ ปฏิบัติกับศิลปินไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ โดยสื่อจีนมองว่า สองอาชีพนี้แตกต่างกันอย่างมาก เพราะนักกีฬาต้องพุ่งเป้าไปที่การแข่งขัน และการใส่ใจหรือเอาใจ ‘แฟนคลับ’ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของนักกีฬา
อย่างไรก็ดี การรวมตัวเป็น ‘แฟนคลับ’ ติดตามชื่นชมคนดังในแวดวงต่างๆ ก็ไม่ใช่เรื่องของความคลั่งไคล้จนไร้เหตุผลเหมือนอย่างที่สังคมไทยยุคหนึ่ง ‘แปะฉลาก’ คนกลุ่มนี้ เพราะกระแสความนิยมต่อวงไอดอลหรือเซเลบริตี้ในหลายประเทศทั่วโลกสามารถต่อยอดเป็นแรงขับเคลื่อนไปสู่ประเด็นสำคัญอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรม รวมถึงการเรียกร้องความเป็นธรรมทางสังคม เช่น กรณีแฟนคลับวงบอยแบนด์เกาหลีสนับสนุนการต่อสู้เรียกร้องสิทธิคนผิวดำในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
ในยุคที่คนรุ่นใหม่จำนวนมากเรียกตัวเองว่า ‘พลเมืองโลก’ ทำให้แนวคิดชาตินิยมถูกท้าทาย แต่บางครั้งความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความเชื่อ อาจเป็นชนวนเหตุให้คนผิดใจกันได้ง่ายๆ แต่ถ้าเราพยายามเรียนรู้กันใหม่ว่าสิ่งที่คุ้นชินเป็นปกติในประเทศหนึ่ง อาจไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไปในประเทศอื่น ก็คงไม่กลายเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตอะไรนัก
อ้างอิง
- Facebook. ไทยคำจีนคำ. https://bit.ly/3QEzhqG
- New.QQ. 拒绝饭圈文化!李咏臻向泰国球迷解释中泰差别!球迷应理性追星!https://bit.ly/3JPwSqY