2 Min

รู้ไหม หมาป่าดุร้ายน้อยกว่าหมาข้างถนน และวิวัฒนาการของหมาที่เรารู้มาอาจผิดทั้งหมด

2 Min
2092 Views
23 Feb 2022

หลายหมื่นปีมาแล้ว มีหมาป่าที่เข้าไปใกล้แคมป์ของมนุษย์เพื่อแอบกินอาหาร มนุษย์เห็นพฤติกรรมของมันก็เลยให้อาหารจนมันยอมเป็นมิตรกับมนุษย์ และกลายมาเป็น ‘หมาบ้าน’ ตัวแรก หลังจากนั้นก็มีหมาป่าตัวอื่นทำตาม มนุษย์ก็เริ่มจับพวกมันมาผสมพันธุ์กันและคัดเอาตัวลูกที่ ‘ดุน้อย’ ที่สุดมา แล้วพอผ่านมาเป็นหลายพันหลายหมื่นรุ่น หมาป่าก็เริ่มหน้าตาเปลี่ยนไป แววตาอ้อนขึ้น หูตูบลง หางก็ขดงอขึ้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือมันเป็น ‘หมาบ้าน’ ที่เรารู้จัก

นี่คือ ‘ตำนาน’ ของต้นกำเนิดหมาบ้าน ที่บรรดานักชีววิทยาวิวัฒนาการต่างเล่าขานต่อกันมา

ว่าแต่มันจริงเหรอ?

เอาจริงๆ แล้ว มีงานวิจัยจำนวนไม่น้อยที่แย้งความคิดนี้ เช่นงานวิจัยที่ลงไปศึกษาฝูงหมาป่าเทียบกับฝูงหมาข้างถนน ก่อนพบว่าจริงๆ พวกหมาป่านั้นมีความก้าวร้าวรุนแรงภายในกลุ่มน้อยกว่าพวกหมาข้างถนนมาก ยังไม่นับว่าพวกหมาป่ามักจะมีพฤติกรรมช่วยเหลือกันมาตลอด หรือพูดง่ายๆ มีความ ‘เห็นแก่ตัว’ น้อยกว่าพวกหมาข้างถนน 

ถ้าจะดูง่ายๆ ก็คือ พวกหมาข้างถนนจะหวงอาหารตัวเองมากๆ ถึงขนาดกัดเพื่อนร่วมฝูงที่เข้ามาคุกคามอาหารได้ง่ายๆ ในขณะที่หมาป่าในฝูงจะมีการแบ่งอาหารอย่างเป็นระบบ จะไม่มีการกัดกันเพื่อแย่งอาหาร

นี่เป็นหลักฐานบางส่วนว่าพวกหมาป่าตามธรรมชาติไม่ได้มีความก้าวร้าวอย่างที่เราเข้าใจกันในจินตนาการที่ถูกตอกย้ำจากเรื่องเล่าและป็อปคัลเจอร์สารพัด จริงๆ ถ้าไปดูสถิติการจู่โจมมนุษย์ของหมาป่า จะพบว่าส่วนใหญ่หมาป่าที่โจมตีมนุษย์คือหมาเป็นโรคพิษสุนัขบ้า หรือถ้าโจมตีโดยไม่เป็นพิษสุนัขบ้า แทบจะเหตุผลเดียวที่จะโจมตีก็คือมันหิวจริงๆ

กล่าวโดยทั่วไป หมาป่าตามธรรมชาติจะไม่ยุ่งกับมนุษย์หรอก เพราะมัน ‘กลัว’ มนุษย์ เช่นเดียวกับสัตว์ป่าอื่นๆ แต่พวกหมาข้างถนน ถ้าเราเข้าไปในถิ่นมัน ก็แน่นอนว่าจะโดนมันยกพวกรุมกัดได้ง่ายๆ

แค่นี้อาจยังไม่ชัดพอว่าหมาป่าดุน้อยกว่าหมาบ้าน เขาจึงมีการทดลองด้วยการนำหมาป่ามาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กเพื่อเปรียบเทียบกับการเลี้ยงหมาบ้าน ผลวิจัยคือ ถ้าเลี้ยงหมาป่าแบบหมาบ้าน มันก็จะเป็นหมาบ้าน ฟังคำสั่งมนุษย์ได้และไม่กัด ซึ่งถ้ามันจะ ‘ดุ’ กว่าในแง่ของการ ‘กัดคนเลี้ยง’ มันจะดุกว่านิดหน่อยแบบไม่มีนัยสำคัญทางสถิตินัก

และที่น่าสนใจก็คือ มันหมายความว่าความสามารถในการ ‘รับคำสั่งจากมนุษย์’ นั้นมีมาตั้งแต่หมาป่าแล้ว และหมาบ้านก็ไม่ได้ ‘วิวัฒนาการ’ อะไรเพิ่มเท่าไรเลยในแง่การสื่อสารกับมนุษย์

ทีนี้ในภาพรวมเราจะเห็นเลยว่า ไปๆ มาๆ หมาป่าไม่ได้นิสัยใจคอต่างจากหมาบ้านอย่างที่เราเข้าใจกันมาตลอด คือมันไม่ได้ ‘ไม่เป็นมิตรกับมนุษย์’ แบบในตำนาน เพราะการทดลองไม่น้อย (รวมถึงพวกคนเลี้ยงหมาป่า) ก็พร้อมจะบอกเราว่า หมาป่าเหล่านี้ ถ้าเลี้ยงแบบหมาบ้าน มันก็จะเป็นหมาบ้าน และในทางกลับกัน ถ้า ‘หมาบ้าน’ ไม่เคยถูกเลี้ยงโดยมนุษย์เลยเฉกเช่นหมาข้างถนน มันก็จะ ‘ไม่เป็นมิตรกับมนุษย์’ ไม่ต่างจากหมาป่าตามธรรมชาติ

แล้วแบบนี้มันไม่ต่างเลยเหรอ? เขาก็มีผลการทดลองอีกว่า จริงๆ แม้ว่าหมาป่ากับหมาบ้านจะฝึกได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างกันจริงๆ คือ ‘ปฏิกิริยา’ เวลาโดนมนุษย์กดดัน เพราะในขณะที่หมาบ้านมักจะส่งเสียงขู่ แต่หมาป่าจะหนีไปจากพื้นที่ตรงนั้นเลย

พูดง่ายๆ คือ หมาบ้านเสียอีกที่ไม่ ‘กลัว’ มนุษย์และพร้อมจะท้าทายมนุษย์ตลอดเวลา ส่วนหมาป่า ด้วยความเป็นสัตว์ป่ามันยังมีความ ‘กลัว’ มนุษย์อยู่

ทั้งหมดนี้จึงทำให้ได้ทฤษฎีใหม่ว่า หรือจริงๆ แล้ว สิ่งที่เกิดในกระบวนการวิวัฒนาการมันไม่ใช่การลด ‘ความก้าวร้าวรุนแรง’ ของหมาป่าแบบที่เราเข้าใจกันมาตลอด แต่เป็นการลด ‘ความกลัว’ ที่มีต่อมนุษย์ต่างหากที่ทำให้หมาบ้านเป็นหมาบ้านที่เรารู้จักกันทุกวันนี้

หรือพูดง่ายๆ หมาบ้านไม่ใช่ ‘หมาป่าที่ไม่ดุร้าย’ อย่างที่เข้าใจ แต่พวกมันแค่เป็น ‘หมาป่าที่ไม่กลัวมนุษย์’ ต่างหาก

อ้างอิง