3 Min

งดงาม (แค่) ในวรรณกรรม ‘วินนีเดอะพูห์’ ชีวิตจริง ‘คริสโตเฟอร์ โรบิน’ ปวดร้าวกว่าที่คิด

3 Min
582 Views
01 Feb 2022

Christopher Robin Milne l wikipedia

Winnie the Pooh and Pigle l The Guardian

ถ้าจะบอกว่า ‘วินนีเดอะพูห์’ เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ครองใจใครหลายคนทั่วโลกก็คงไม่ผิดความจริงเกินไปนัก เพราะนอกจากจะถูกแปลไปสิบกว่าภาษาทั่วโลก ยังถูกค่ายภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่อย่างดิสนีย์นำไปทำเป็นหนังและแอนิเมชันมาแล้วหลายภาคหลายตอน

ขณะเดียวกัน ปี 2022 นับเป็นอีกปีที่สำคัญและเกี่ยวเนื่องกับ ‘วินนีเดอะพูห์’ เพราะตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา ทั้งเนื้อหาและคาแรคเตอร์ที่เป็นภาพประกอบของหนังสือวินนีเดอะพูห์ฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก 14 ตุลาคม 1926 ได้กลายเป็น ‘สมบัติสาธารณะ’ (Public Domain) ในหลายประเทศทั่วโลก

ความหมายของการเป็นสมบัติสาธารณะ คือ เนื้อหาและคาแรคเตอร์ที่ปรากฏในวรรณกรรมเยาวชนฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกจะถูกนำไปทำซ้ำ ดัดแปลง ทั้งเพื่อการอ่านโดยส่วนตัวหรือนำไปใช้เชิงการค้าพาณิชย์ก็ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เพราะการคุ้มครองลิขสิทธิ์สิ้นสุดลงระหว่าง 50-70 ปี หลังจากเจ้าของผลงานเสียชีวิต โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศ

นอกจากนี้ วันที่ 31 มกราคมของทุกปียังเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของ เอ.เอ. มิลน์ (A. A. Milne) ซึ่งจากโลกนี้ไปตั้งแต่ปี 1956 แต่เขายังคงได้รับการยกย่องมาจนถึงทุกวันนี้ว่าเป็นผู้สร้างสรรค์หนังสือเด็กที่สร้างความสุขให้นักอ่านทั่วโลก นับจากยอดขายกว่า 50 ล้านฉบับทั่วโลก (จากการสำรวจข้อมูลเมื่อปี 2016 โดยสำนักข่าว The Guardian) และผลงานของเขาซึ่งถูกดิสนีย์นำไปสร้างเป็นการ์ตูนแอนิเมชันและภาพยนตร์ก็ขยายอาณาเขตจากวรรณกรรมไปสู่ภาพเคลื่อนไหวที่คนจดจำได้ดี

ชีวิตจริงของคริสโตเฟอร์ โรบิน มิลน์ และตัวตนที่ถูกกลืนหาย

ถ้าจะพูดถึงหมีพูห์และผองเพื่อนแล้วไม่เอ่ยถึงชื่อ ‘คริสโตเฟอร์ โรบิน’ (Christopher Robin) ก็คงไม่ได้ เพราะเด็กชายคนนี้คืออีกหนึ่งตัวละครสำคัญของเรื่อง ทั้งยังถูกตั้งชื่อตามลูกชายตัวจริงของ เอ.เอ. มิลน์ แต่ ‘คริสโตเฟอร์ โรบิน มิลน์’ (Christopher Robin Milne) อาจจะไม่ได้รักวรรณกรรมเรื่องนี้ของพ่อเขาอย่างสุดหัวใจเหมือนนักอ่านคนอื่นๆ และเขาเคยบอกว่าตัวเองมีชีวิตที่ ‘ขมขื่น’ เพราะความโด่งดังของวินนีเดอะพูห์ด้วยซ้ำ

คริสโตเฟอร์ โรบิน มิลน์ เคยให้สัมภาษณ์กับนักเขียนที่รวบรวมข้อมูลชีวประวัติของ เอ.เอ. มิลน์ว่า ชื่อเสียงและความมั่งคั่งที่พ่อของเขาได้รับจากหนังสือเล่มนี้ รวมถึงการที่เขาผู้เป็นลูก ถูกนำตัวไปออกงานและทำกิจกรรมโปรโมตหนังสือตั้งแต่เด็ก ทำให้ตัวตนของเขาถูกกลืนหายไป ทั้งยังต้องถูกเปรียบเทียบกับความยิ่งใหญ่ของพ่อเสมอๆ จนทำให้ความพยายามในชีวิตของเขาถูกด้อยค่าในสายตาของหลายคนที่เขาได้พบเจอ

เขาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่าตัวเขาในวัยเด็กมักถูกพาไปออกงานในฐานะ ‘ต้นแบบ’ ของคริสโตเฟอร์ โรบิน ที่ปรากฏในหนังสือวินนีเดอะพูห์ และได้รับรู้ว่านักอ่านจำนวนมากชื่นชอบผลงานของพ่อที่มีตัวละครชื่อเดียวกับเขา ซึ่งตอนแรกเขาก็รู้สึกมีความสุขและชื่นชอบวรรณกรรมเรื่องนี้ด้วย แต่ทุกอย่างค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อเขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และต้องเจอกับความคาดหวังหรือการด่วนสรุปของผู้คนที่มีต่อเขา โดยคนเหล่านั้นมักเชื่อตัวเองว่า ‘รู้จัก’ คริสโตเฟอร์ โรบิน ดีพอ ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลย

เมื่อโตขึ้นถึงวัยเข้าโรงเรียนประถม คริสโตเฟอร์ โรบิน มิลน์ ก็พบว่าความโด่งดังได้กลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ให้เขาถูกเพื่อนร่วมโรงเรียนกลั่นแกล้ง ทั้งเรื่องที่เขาถูกจับแต่งตัวเหมือนเด็กผู้หญิง และมีคนนำประโยคที่เขาเคยอ่านหนังสือออกงานมาล้อเลียนอยู่บ่อยๆ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อห่างเหินกันไปในตอนที่โตขึ้น เพราะพ่อมีชื่อเสียงและงานยุ่งจนไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันมากนัก ส่วนแม่ของเขาก็จะติดตามพ่อไปมากกว่าจะดูแลใส่ใจเขา แถมช่วงปีแรกๆ ของชีวิตวัยเด็กเขายังถูกแม่จับแต่งตัวเหมือนเด็กผู้หญิง และให้ไว้ผมยาวกว่าเด็กผู้ชายวัยเดียวกัน เพราะแม่เคยฝันอยากได้ลูกสาวอีกด้วย ทำให้เขาติดพี่เลี้ยงมากกว่าคนที่เป็นพ่อแม่แท้ๆ

ช่วงหนึ่งคริสโตเฟอร์ โรบิน บอกว่าเขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกพ่อ ‘เหยียบไหล่’ เพื่อก้าวไปรับผลประโยชน์ต่างๆ นานาจากชื่อเสียงของวินนีเดอะพูห์ แต่กลับเขาถูกผูกติดกับความคาดหวังของผู้คนที่คิดว่ารู้จักและคุ้นเคยกับคริสโตเฟอร์ โรบิน ที่เป็นตัวละครในหนังสือ ซึ่งไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขาเลย

แม้วินนีเดอะพูห์จะถูกยกย่องในฐานะวรรณกรรมที่พูดถึงมิตรภาพ ความรัก ความผูกพัน แต่สำหรับคริสโตเฟอร์ โรบิน มิลน์ เขาเพิ่งจะญาติดีกับวรรณกรรมเรื่องนี้ได้อีกครั้งก็ในบั้นปลายชีวิตที่ตัวเองผ่านเรื่องราวอะไรต่างๆ มาแล้วมากมาย เพราะเขาแตกหักกับพ่อแม่ช่วงวัยหนุ่ม แถมยังแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องที่ใกล้ชิดทางสายเลือด ทำให้ลูกสาวของเขาและคนรักมีอาการโรคสมองพิการเพราะดีเอ็นเอใกล้กันเกินไป จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาต้องกลับไปติดต่อกับครอบครัวเพื่อขอให้ช่วยเหลือเรื่องการดูแลลูกสาว

เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าที่จริงก็มีช่วงเวลาที่เขาภูมิใจที่ได้ใช้ชื่อเดียวกันกับตัวละครคริสโตเฟอร์ โรบิน และรู้สึกดีที่ไปไหนก็มีคนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่พอได้เข้าโรงเรียนเขาก็ยิ่งไม่ชอบคริสโตเฟอร์ โรบิน ที่เป็นตัวละครในวินนีเดอะพูห์มากขึ้นเรื่อยๆ 

“พ่อผมเคยตระหนักถึงเรื่องนี้ไหม ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” คริสโตเฟอร์ โรบิน มิลน์ บอกกับนักเขียนที่ไปสัมภาษณ์ไม่กี่ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 1996

อ้างอิง