3 Min

เบื้องหลังภาพไวรัลหญิงปริศนา โผล่จากท่อระบายน้ำใจกลางกรุงมะนิลา สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของคนไร้บ้านในฟิลิปปินส์

3 Min
5 Views
19 Jun 2025

ภาพเหตุการณ์ที่หญิงคนหนึ่งคลานออกมาจากท่อระบายน้ำ ใจกลางย่านธุรกิจมากาติ ประเทศฟิลิปปินส์ กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว ซึ่งภาพนี้ถูกถ่ายโดยช่างภาพมือสมัครเล่นที่ชื่อว่า ‘วิลเลียม โรเบิร์ตส์’ (William Roberts) ขณะที่เขากำลังเดินกลับบ้าน

โรเบิร์ตส์เล่าว่า เขากำลังรอสัญญาณไฟข้ามถนน แล้วจู่ๆ ก็เห็นศีรษะโผล่ออกมาจากท่อระบายน้ำ ด้วยความบังเอิญที่เขากำลังถือกล้องอยู่พอดี จึงกดชัตเตอร์ทันที แล้วหญิงคนนั้นก็ค่อยๆ คลานออกมาจนกระทั่งวิ่งผ่านหน้าเขาไป

เมื่อโรเบิร์ตส์โพสต์ลง Reddit พร้อมตั้งคำถามว่าเคยมีใครเจออะไรแบบนี้บ้าง ภาพนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ทันที ภายในเวลาไม่นานก็มีคนเข้ามาแสดงความเห็นกว่าพันคอมเมนต์ และมีผู้ชมกว่า 10,000 ครั้ง ก่อนที่ภาพจะถูกแชร์ต่อไปใน Facebook

สื่อท้องถิ่นเรียกหญิงนิรนามรายนี้ว่า ‘โรส’ และตามหาตัวเธอจนพบ ต่อมากระทรวงสวัสดิการสังคมและการพัฒนา (DSWD) ก็ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 80,000 เปโซ (ประมาณ 51,000 บาท) และแต่งตั้งให้เธอเป็น ‘เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์กิตติมศักดิ์’ เพื่อช่วยให้เข้าถึงคนไร้บ้านรายอื่นๆ

แต่เบื้องหลังเรื่องราวสุดแปลกนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาคนไร้บ้านในฟิลิปปินส์ที่สังคมไม่เคยรู้มาก่อน เพราะโรสไม่ใช่เพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ใต้ดิน เธอเป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มคนไร้บ้านราว 15 คนที่อาศัยอยู่บริเวณท่อระบายน้ำใกล้ลำธาร ใกล้กับโรงพยาบาล Makati Medical Center ซึ่งจุดที่พวกเขาใช้ชีวิตกันนั้นอยู่ในบริเวณสวนพฤกษศาสตร์มากาติ และพวกเขาถูกเรียกว่า ‘มนุษย์ใต้ดิน’

จากการศึกษาขององค์กรพัฒนาเอกชน Joly Homes Foundation และ Association Soeur Emmanuelle Philippines, Inc. ในปี 2023 พบว่า มีคนไร้บ้านในฟิลิปปินส์ประมาณ 4.5 ล้านคน โดยในจำนวนนี้มากถึงสองในสามอาศัยอยู่ในเขตเมโทรมะนิลา และจากการระบาดของโควิด-19 ก็ทำให้สถานการณ์ของคนไร้บ้านยิ่งเลวร้ายลง เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ทำให้เกิดการว่างงาน นำไปสู่ความยากจนที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าทางรัฐบาลฟิลิปปินส์จะมีโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย แต่คนไร้บ้านจำนวนมาก เช่น กลุ่มที่อาศัยอยู่ใต้สะพานหรือในสุสาน กลับไม่สามารถเข้าถึงสิทธิเหล่านั้นได้ เนื่องจากพวกเขาถูกจัดว่าเป็น ‘คนเร่ร่อน’ ไม่ใช่ผู้บุกรุกพื้นที่อย่างไม่เป็นทางการตามเกณฑ์ของรัฐ ซึ่งทำให้พวกเขาถูกมองข้ามจากระบบช่วยเหลือของรัฐบาล

ทางด้านนักวิจัยด้านชุมชนคนจนเมือง มองว่าการช่วยเหลือโรสเป็นเพียงการแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้า แทนที่จะมองปัญหาเชิงโครงสร้าง เขายังชี้ให้เห็นว่ามีการล้อเลียนเรื่องที่โรสได้รับเงินช่วยเหลือ สะท้อนถึงทัศนคติที่มองคนจนว่าได้เปรียบ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขากลับไม่มีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจด้วยซ้ำ

อาร์วิน ดิมาลันตา (Arvin Dimalanta) ที่ปรึกษาจากองค์กร Inklusibo เห็นด้วยว่า กรณีของโรสสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาคนไร้บ้านที่ยังไม่เคยถูกพูดถึงอย่างจริงจัง แม้รัฐบาลจะมีแผนช่วยเหลือ แต่ปัญหามันซับซ้อนกว่านั้นมาก เขาตั้งข้อสังเกตว่า ประเทศฟิลิปปินส์ยังไม่มีแม้แต่ศูนย์พักพิงสำหรับคนไร้บ้าน และเรียกร้องให้หน่วยงานท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เช่น จัดหาที่พักชั่วคราวหรือช่วยให้คนไร้บ้านเข้าถึงงานได้

ดิมาลันตาเสนอว่า สิ่งสำคัญคือการนิยามคำว่า ‘คนไร้บ้าน’ ให้ชัดเจนและเป็นมาตรฐาน เพราะหากรัฐยังไม่มีเกณฑ์ที่ชัดเจน คนจำนวนมากจะยังคงตกหล่นจากระบบ เขามองว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนความเหลื่อมล้ำได้อย่างชัดเจน เพราะมากาติถือเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการเงินของประเทศ มีสำนักงานใหญ่ของธนาคาร บริษัทข้ามชาติ ห้างสรรพสินค้าหรู เป็นย่านที่อยู่อาศัยของชนชั้นกลางถึงระดับสูงอยู่จำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกัน ใต้ผิวเมืองที่ดูเจริญรุ่งเรืองเหล่านี้ ยังมีกลุ่มคนที่ไม่มีแม้แต่ที่อยู่อาศัยถาวร ต้องใช้ท่อระบายน้ำและพื้นที่สาธารณะเป็นที่หลบภัยจากสายตาสังคม

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของโรสเผยให้เห็นถึงความเปราะบางของกลุ่มคนชายขอบในสังคม และตอกย้ำความจำเป็นที่รัฐบาลต้องมีนโยบายที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้ เพื่อแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านอย่างยั่งยืน

อ้างอิง: