เวลาของ ‘โลมาวากีต้า’ กำลังเหลือน้อยลงทุกขณะ หลังทศวรรษที่ผ่านมา ประชากรของสัตว์เลี้ยงลูกนมในทะเลที่เล็กที่สุดลดลงมากถึง 99 เปอร์เซ็นต์ นาทีนี้ชีวิตที่ยังมีลมหายใจเหลืออยู่ไม่ถึง 10 ตัว
เหตุผลหลักเหตุผลเดียวที่ทำให้จำนวนโลมาสายพันธุ์นี้ลดลงอย่างรวดเร็ว มาจากการทำประมงที่เพิ่มมากขึ้นในแถบอ่าวเม็กซิโก ถิ่นที่อยู่อาศัยเพียงแห่งเดียว และซากทั้งหมดที่พบล้วนต่างเกี่ยวพันกับอวนจับปลาแทบทั้งสิ้น
‘วากีต้า’ เป็นโลมาขนาดเล็ก ตัวโตเต็มวัยจะมีขนาด 1.2 – 1.5 เมตร น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เป็นโลมาเฉพาะถิ่นที่ไม่พบที่ไหนในโลกอีกนอกจากชายฝั่งเม็กซิโก
ชื่อวากีต้าเป็นคำในภาษาสเปนมีความหมายว่า ‘วัวน้อย’ เพราะมีคนเห็นว่าหน้าตาของวากีต้าละม้ายคล้ายกับวัวเด็ก นอกจากนี้ ยังมีชื่อเล่นว่า ‘ซินญอริต้าแห่งท้องทะเล’ และ ‘แพนด้าแห่งมหาสมุทร’ เพราะมีวงแหวนสีดำรอบดวงตากับริมฝีปากเป็นสีดำโดดเด่น ราวกับกำลังยิ้มอยู่ตลอดเวลา
พวกมันใช้ชีวิตด้วยกินปลาและหมึก (ควบคุมจำนวนสัตว์น้ำ) ในขณะเดียวกันตัวมันเองก็เป็นอาหารให้กับฉลาม
ด้วยความที่เป็นสายพันธุ์เฉพาะถิ่น บวกกับเป็นสายพันธุ์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่วิวัฒนาการมานาน วากีต้าจึงไม่ค่อยมีญาติที่ใกล้เคียงกับสายพันธุ์อื่นมากนัก ถือเป็นสายพันธุ์เฉพาะที่หาสายพันธุ์อื่นมาทดแทนไม่ได้
ดังที่กล่าวไปแต่ตั้งต้น เหตุผลหลักที่ทำให้วาตีก้าสูญพันธุ์มาจากการทำประมง โดยละแวกที่โลมาวากีต้าใช้เป็นบ้านพักพิงซ้อนทับกับสัตว์เศรษฐกิจหลายชนิด
ยิ่งไปกว่านั้น การจับสัตว์น้ำบริเวณดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายสัตว์น้ำที่ผิดกฎหมาย อย่างปลาตาตัวบา (ปลาจวดเม็กซิกัน) ซึ่งเป็นปลาใกล้สูญพันธุ์ โดยมีตลาดรับซื้ออยู่ในทวีปเอเชีย ตามความเชื่อว่าปลาชนิดดังกล่าวมีสรรพคุณทางยาสามารถรักษาโรคได้
ตามข้อมูลการสำรวจประชากร พบว่าในปี 1997 มีโลมาวากีต้าเหลืออยู่ประมาณกว่า 500 ตัว ก่อนจะลดลงมาเหลือครึ่งหนึ่งในปี 2008 และลดลงอย่างต่อเนื่อง จนเหลือไม่ถึง 20 ตัวในปี 2018
กระทั่งตามในปี 2019 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับโลมาชนิดนี้ ให้ข้อมูลว่าโลมาวากีต้าอาจเหลืออยู่ไม่ถึง 9 ตัว
แม้ตัวเลขที่ว่าจะเป็นรู้กันทางสาธารณะ แต่ที่ผ่านมาทางการเม็กซิโกไม่ยอมรับว่าสถานะของโลมาวากีต้าสุ่มเสี่ยงจะสูญพันธุ์จริง มาตรการด้านงานอนุรักษ์จึงเป็นไปอย่างล่าช้า หรือแม้แต่ในช่วงเวลาที่ลงมือปฏิบัติก็ขาดความรัดกุม
ปัจจุบันมีหลายประเทศพยายามกดดันเม็กซิโกให้หันมาเอาจริงเอาจังกับการอนุรักษ์และเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย โดยประเทศภาคีในสนธิสัญญาไซเตสประกาศจะคว่ำบาตรสินค้าจากเม็กซิโกหากรัฐบาลยังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
ล่าสุด สหรัฐอเมริกาได้ประกาศคว่ำบาตรอุตสาหกรรมอาหารทะเลของเม็กซิโก รวมถึงการห้ามนำเข้าอาหารทะเลที่จากการใช้อวนจับปลาในพื้นที่อนุรักษ์วากีต้า โดยทางสหรัฐฯ ยังได้หยุดนำเข้ากุ้งที่จับมาจากเม็กซิโกทั้งหมด
ภายใต้ความหวังอันริบหรี่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปว่า วากีต้าจะรอดอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
อ้างอิง
- The Guardian. The tiny vaquita porpoise now numbers less than 10. Can they be saved? https://bit.ly/3v7DVpm
- NRDC. Holding Mexico Accountable for Vaquita Extinction. https://on.nrdc.org/2Q2gAmZ
- IUCN. Vaquita. https://bit.ly/3mMKKXi