ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ‘สูบวิตามิน’ เทรนด์ ‘สุขภาพ’ มาแรงในอเมริกา ทั้งที่ยังบอกไม่ได้ว่ามี ‘ประโยชน์’ หรือ ‘โทษ’
แม้ว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ จะเป็นที่โต้เถียงกันในระดับนานาชาติแค่ไหน ในประเทศที่ยังไม่มีกฎหมายห้ามชัดเจน มันก็เป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตสุดๆ เรียกได้ว่าฮิตมากในหมู่คนรุ่นใหม่ และตอนนี้สิ่งที่คนนำมาสูบผ่านบุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่ใช่สาร ‘นิโคติน’ แล้ว แต่เป็นสารพัดสาร รวมถึง ‘สารอาหาร’ ต่างๆ ด้วย
ไอเดียพื้นฐานของ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ คือการเอาสารต่างๆ ใส่น้ำมัน แล้วใช้บุหรี่ไฟฟ้าทำให้น้ำมัน ‘กลายเป็นไอ’ แล้วคนก็สูบสารพวกนั้นเข้าไปพร้อมกับไอ ซึ่งความต่างของมันกับบุหรี่มวนยาสูบแบบดั้งเดิมก็คือ ทั้งกระบวนการไม่มีการเผาไหม้ ทำให้เวลาสูบเข้าไปร่างกายไม่ได้รับ ‘น้ำมันดิน’ เข้าไปด้วยเหมือนบุหรี่ตามจารีต และนั่นทำให้ ‘ความเสี่ยง’ ด้านสุขภาพทั้งหลายที่เกี่ยวกับบุหรี่ ตั้งแต่ถุงลมโป่งพองยันมะเร็งปอด หายไปด้วย เพราะ ‘ตัวร้าย’ จริงๆ ของบุหรี่ไม่ใช่นิโคติน แต่เป็นพวกน้ำมันดินและสารสารพัดที่ถูกเผาไหม้อยู่ใน ‘ควัน’
ณ ปัจจุบัน บุหรี่ไฟฟ้าเริ่มกลายเป็นสิ่งที่เสพเพื่อให้ความบันเทิงโดยตัวของมันเองแล้ว เพราะไม่ได้เกี่ยวโยงกับส่วนประกอบในบุหรี่แบบเดิมๆ อีก นี่เลยทำให้ ‘น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า’ รุ่นใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องมีนิโคตินอีกต่อไป
แต่พอไม่มีนิโคตินก็อาจจะทำให้การสูบบุหรี่ไฟฟ้าดูไร้แก่นสารมาก บรรดาผู้ผลิตก็เลยเริ่มใส่ ‘สารอาหาร’ หรือบรรดาสารที่จำเป็นต่อร่างกายลงไปในน้ำมันแทน ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน C วิตามิน B12 หรือกระทั่งเมลาโทนิน
ทุกวันนี้คนจึงเริ่ม ‘สูบวิตามิน C’ กันแล้ว
มันแปลก แต่จริง…ซึ่งคำถามแรกที่ตามมาก็คือ มันปลอดภัยหรือไม่?
อันนี้อยากจะย้อนไปปี 2019 ก่อน ถ้าใครจำได้ เคยมีเคสที่คนเกิดภาวะ ‘ปอดบาดเจ็บเฉียบพลัน’ จากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพอค้นไปเขาก็พบว่ามันเกิดจากการที่มีสารวิตามิน E อะซีเตต ผสมอยู่ในน้ำมัน ซึ่งที่คนงงก็คือสารตัวนี้มันถูกใช้เป็นสารแต่งกลิ่นอาหารโดยปกติเลย คนก็เลยนึกว่าเอามา ‘สูบ’ ได้แบบเดียวกับ ‘กิน’
แน่นอนพอพบแล้วว่าสารตัวไหนมีปัญหา ผู้ผลิตก็เลิกใส่สารพวกนี้ลงไป คนก็ไม่ป่วยอีก แต่เคสนี้มันทำให้ตระหนักว่า เอาจริงๆ สารที่ ‘กินเข้าไปทางปาก’ แล้วไม่มีพิษภัยอะไร ถ้าเอามา ‘สูบ’ มันอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เพราะระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับและซึมซับสารต่างๆ ในแบบเดียวกับระบบทางเดินอาหาร หรือพูดง่ายๆ สิ่งที่กินเข้าไปทางปากแล้วไม่ระคายเคืองนั้น เราอาจรับเข้าไปทางจมูกแล้วระคายเคืองก็ได้
นี่ก็เลยนำมาสู่ ‘ปัญหา’ ของอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด คือในปัจจุบัน แม้แต่ในอเมริกาก็ยังไม่มีมาตรการกำกับดูแล ‘น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า’ แบบชัดเจน หรือพูดง่ายๆ สถานะในท้องตลาดมันเหมือน ‘อาหาร’ ซึ่งใครจะผลิตอะไรมาขายก็ได้ ไม่จำเป็นต้องพิสูจก่อนว่าถ้าบริโภคเข้าไปแล้วจะได้สารอาหารจริงหรือไม่ ขอแค่บริโภคไปแล้วไม่ทำให้ใครเจ็บป่วยหรือตายก็คือจบ ทางรัฐไม่มีสิทธิ์เข้าแทรกแซง และไม่มีสิทธิ์จะรู้ส่วนผสมด้วยซ้ำ ไม่ได้ต่างจากการที่พวกร้านอาหารไม่จำเป็นต้องแจ้ง ‘สูตรลับ’ ของอาหารตัวเองกับรัฐ
นี่ก็เลยนำมาสู่ ‘ปัญหา’ ว่าการ ‘สูบวิตามินต่างๆ’ เข้าไปแล้วปลอดภัยจริงหรือ? และเมื่อสูบแล้วทำให้วิตามินเข้าไปในร่างกายได้จริงๆ หรือไม่
คำตอบ คือ ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีงานวิจัยชัดเจนที่ตอบทั้งสองคำถามได้
เราไม่รู้ว่าการผสมวิตามินกับสารต่างๆ แล้วไปผ่านความร้อนระดับสูงจนเป็นไอ มันจะทำให้สารที่ผสมในน้ำมันแปลงสภาพจนเกิด ‘สารพิษ’ อะไรที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ และงานวิจัยต่างๆ ที่เทียบเคียงได้ ก็ดูจะชี้ไปในทางว่าการรับวิตามินเข้าไปโดยการ ‘สูบไอ’ ไม่น่าจะทำให้ร่างกายรับวิตามินเข้าไปได้เหมือนการกินและย่อยตามปกติทางระบบทางเดินอาหาร (ไม่ว่านั่นจะเป็นการรับผ่านอาหาร หรือวิตามินชนิดเม็ด)
พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าอยากได้วิตามินจริงๆ ‘การกิน’ เป็นแนวทางที่ถูกต้องกว่า ‘การสูบ’ แน่ๆ
แต่ในอีกด้าน ณ ตอนนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานชัดๆ เช่นกันว่าการ ‘สูบวิตามิน’ มันจะ ‘เป็นอันตราย’ ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว ดังนั้นทางการสหรัฐฯ จึงไม่มีอำนาจในการเข้าแทรกแซง เพราะสถานะมันยังต้องถือว่าเหมือน ‘อาหาร’ อย่างที่ว่ามา (ซึ่งต่างจากสถานะแบบ ‘ยา’ ที่ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบและควบคุมอย่างเข้มงวดว่ากินไปแล้วจะต้องไม่เป็นอันตราย และได้ผลทางการบำรุงหรือรักษาบรรเทา ก่อนจะออกสู่ท้องตลาดได้)
สุดท้ายเรื่องทั้งหมดมันก็กลับมาที่ ‘ความโกลาหล’ ของ ‘น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า’ ที่ถูกทำมาขายในรูปแบบหลากหลาย ทำให้บอกได้ยากว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ เพราะมันไม่ได้มีมาตรฐานเดียวให้เราพูดถึง การเสพบุหรี่ไฟฟ้าแบบรวมๆ จึงไม่ได้เหมือนกับบุหรี่ตามจารีต
เพราะแม้ว่าเราจะบอกได้ว่าสารพื้นฐานของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีอันตรายใดๆ แต่ประเด็นคือ พวกสารที่เสริมเข้ามาเพื่อเพิ่มรสชาติและสรรพคุณให้บุหรี่ไฟฟ้ามีรสชาติเฉพาะนั่นแหละที่ ‘อาจ’ เป็นอันตราย และกรณีอย่างวิตามิน E อะซีเตต ในปี 2019 ก็พิสูจน์แล้วว่า บางทีสารที่อยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ‘มีปัญหา’ มันก็คือสารแต่งกลิ่น–รสที่เรา ‘กิน’ กันได้ปกติโดยไม่เป็นไรนี่แหละ แค่เวลาเอาไป ‘สูบ’ มัน ‘เป็นพิษ’ เท่านั้นเอง
อ้างอิง
- The Conversation. Wellness vapes: what you need to know about vaping vitamins and other supplements. https://bit.ly/3PIY6AA