“บัตรเครดิตมีคุณอนันต์ มีโทษมหันต์” ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยสอนผมไว้แบบนี้ ตอนที่ได้ยินครั้งแรกก็รู้สึกว่าฟังแล้วคล้องจองดี แต่คิดไปคิดมาผมเริ่มสงสัยว่านี่มันบัตรเครดิตหรือยารักษาโรคกันแน่ ถึงมีทั้งคุณและโทษอะไรขนาดนั้น
เมื่อเติบโตขึ้นในวัยเริ่มสมัครบัตรเครดิต มิตรสหายหลายท่านก็มักจะชักชวนและแนะนำว่าให้ทำเยอะๆ หลายใบสิ เพราะว่ามีโปรโมชั่น ได้ของแถม แถมการมีบัตรเครดิตหลายใบก็ดูเป็นคนมีเครดิตดีอีกด้วยนะ (อะไรของมันวะ) แต่ด้วยความขี้เกียจเซ็นและส่งเอกสาร ทำให้ผมตัดสินใจมีบัตรเครดิตเพียงแค่ใบสองใบเท่านั้น
แต่หลังจากนั้น กาลเวลาผ่านไปรวดเร็วราวกับยุคโมเด็ม 56K เปลี่ยนผ่านสู่ยุค Hi-speed Internet มิตรสหายที่ชักชวนสมัครบัตรเครดิตในตอนนั้น บางท่านกลับกลายเป็นคนมีเครดิตจริงๆ แต่เป็นการติดเครดิตบูโรแทน
และนั่นจึงเป็นที่มาของความหลอนของผมที่กลัวว่าตัวเองจะเป็นหนี้บัตรเครดิตเข้าสักวัน จนทำให้ผมคิดค้นวิธีของตัวเองขึ้นมา (จริงๆ ก็เอามาจากหลายคนผสมกันนั่นแหละ) เพื่อให้ตัวเองไม่มีวันเป็นหนี้เกินตัว แม้ว่าจะมีบัตรเครดิตหลายใบก็ตาม แถมยังได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีอีกด้วย
เอาล่ะ… เกริ่นมาตั้งนาน เรามาดูวิธีการทั้ง 3 ข้อกันเลยดีกว่า เริ่มจากข้อแรก คือ…
1.
เปิดบัญชีธนาคารไว้จ่ายบัตรเครดิต อ่านแล้วอย่าเพิ่งงงนะครับ ความหมายของมันคือ เปิดบัญชีธนาคารใหม่ไว้หนึ่งบัญชี และทุกครั้งที่เรามีการใช้จ่าย (รูดบัตร) ก็ให้โอนเงินจำนวนเท่ากันไว้ในบัญชีนี้ เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเกินตัว ซึ่งตรงนี้จะทำให้เราสบายใจว่า มีเงินจ่ายบัตรได้เต็มจำนวนทุกเดือนแน่ๆ (ก็แกโอนเงินเข้าบัญชีไว้แล้วนี่หว่า)
ส่วนถ้าหากใครคิดว่าจะผ่อน 0% ต้องโอนเงินแบบไหน ผมมักจะแนะนำให้วางแผนควบคู่กับการทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อดูสภาพคล่องของตัวเองก่อน หรือไม่ก็เก็บเงินเข้าบัญชีนี้ล่วงหน้าไว้ทุกเดือน เพื่อเตรียมไว้สำหรับจ่ายหนี้ 0% กี่เดือนก็ว่ากันไป จะได้ไม่ต้องกังวลใจกับเรื่องนี้
2.
บัตรแต่ละใบแยกตามการใช้งาน ในกรณีที่มีบัตรเครดิตหลายใบ เราจะเห็นว่าแต่ละใบมีโปรโมชั่นที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ต่างกัน ถ้าเรารู้จักไลฟ์สไตล์ของตัวเอง (ใครมันจะไม่รู้วะ) ก็ลองแบ่งบัตรใช้งานแตกต่างกันไป เพื่อให้เราควบคุมยอดการใช้จ่ายได้ และสามารถได้ประโยชน์จากโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อประหยัดเงินอีกด้วย เช่น บัตรนี้ไว้เติมน้ำมัน บัตรนี้ไว้ซื้อของออนไลน์ บัตรนี้ไว้ทานอาหาร ฯลฯ
3.
แต้มที่สะสมไว้ สามารถแลกมาบริจาคมาลดหย่อนภาษีได้อีกต่อ สำหรับข้อนี้ใครหลายคนอาจจะงงๆ ว่ามันมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันแบบไหน ผมสรุปง่ายๆ ว่า บัตรเครดิตที่เราใช้งานนั้น มันจะมีแต้มบัตรที่สะสมตามการใช้งาน และสามารถนำแต้ม (คะแนนสะสม) ไปแลกของรางวัลได้ ซึ่งหนึ่งในรางวัลที่หลายธนาคารมีให้ คือ การแลกเป็นเงินบริจาค (เช่น 1,000 แต้มเป็นเงินบริจาค 100 บาท) และเงินบริจาคส่วนนี้เนี่ย สามารถเอามาลดหย่อนภาษีได้อีกต่อหนึ่ง เพียงแค่เราเช็กก่อนว่า หน่วยงานที่บริจาคนั้นสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ไหม ถ้าได้ก็ใส่ข้อมูลการบริจาคให้ครบถ้วนครับ หลังจากนั้นเราจะได้หลักฐานส่งมาทางไปรษณีย์ให้เก็บไว้ลดหย่อนตอนยื่นภาษีปลายปีอีกต่อหนึ่ง
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า ทำไมต้องคิดและทำอะไรให้ซับซ้อนขนาดนี้ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกแบบนี้ก็แปลว่าการบริหารจัดการแบบนี้ไม่เหมาะกับคุณครับ ลองหาสไตล์หรือวิธีการที่เหมาะกันไป
แต่ถ้าหากใครอ่านแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจและลองทำตาม ผมก็อยากบอกว่ามันมีข้อดีหลายอย่างแฝงอยู่ ทั้งการรู้ข้อมูลตัวเอง บริหารจัดการเงินคงเหลือ ได้ส่วนลด ได้ลดหย่อนภาษี ฯลฯ แต่มันต้องแลกมาด้วยการใส่ใจและวุ่นวายกับรายละเอียดชีวิตสักเล็กน้อยนั่นแหละครับ
โดยส่วนตัวผมมองว่ามันเป็นเกมบริหารจัดการเงินที่น่าสนุก และป้องกันการเป็นหนี้ท่วมได้อีกต่อหนึ่ง จึงอยากเอามาแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันครับ
ลองเอาไปปรับใช้ดูกันนะครับ…