3 Min

เกิดเป็นชาย แต่ก็อาจตั้งท้องได้? แพทย์อินเดียเตรียมปลูกถ่ายมดลูก ให้ ‘ผู้หญิงข้ามเพศ’ ครั้งแรกในโลก

3 Min
791 Views
31 May 2022

ทุกวันนี้ความเป็นเพศมันลื่นไหลมากๆ นิยามของสิ่งที่เรียกว่าผู้หญิงเปลี่ยนไป เพราะขบวนการผู้หญิงข้ามเพศ (Trans Women) ก็พยายามเรียกร้องให้เรียกหญิงแท้ว่าคนที่มีช่องคลอดแทน เพราะสำหรับกลุ่มทรานส์ การเป็นผู้หญิงไม่จำเป็นต้องมีอวัยวะเพศหญิง

ไอเดียแบบนี้ลุกลามขนาดที่วารสารการแพทย์ระดับท็อปของโลก อย่าง The Lancet ถึงกับต้องระวังและเลือกใช้คำว่าร่างกายที่มีช่องคลอดแทน ในวารสารฉบับหนึ่งในปี 2021 และส่งผลให้ทัวร์ลงเลย เพราะในชุมชนวิทยาศาสตร์ ผู้หญิงก็คือผู้หญิง คือคนที่มีอวัยวะเพศหญิงแต่กำเนิด และการใช้คำว่าร่างกายที่มีช่องคลอดคือการลดทอนผู้หญิงเป็นแค่ช่องคลอด (ซึ่งเอาซีเรียส ในทางวิทยาศาสตร์ อวัยวะเพศหญิงมันซับซ้อนกว่านั้น)

ก็เรียกได้ว่า แม้ว่าฝ่ายทรานส์จะชอบกับการใช้คำแบบนี้ แต่ฝ่ายที่ไม่ใช่ทรานส์ก็ต่อต้านอย่างรุนแรง ถึงกับทัวร์ลงวารสารทางการแพทย์ระดับท็อปของโลก

แต่จริงๆ อะไรแบบนี้อาจกำลังเปลี่ยนไป เพราะแพทย์อินเดียกำลังจะผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อให้ผู้หญิงทรานส์มีช่องคลอดและมดลูกเป็นคนแรกของโลก

หลายคนอาจมีคำถามว่าเป็นไปได้จริงหรือ?

ที่จริงมนุษย์คนแรกของโลกที่ได้รับการปลูกถ่ายมดลูกคือผู้หญิงทรานส์ที่ชื่อ ลิลี เอลเบ (Lili Elbe) โดยเขาได้รับการปลูกถ่ายในปี 1931 แต่เสียชีวิตหลังจากการปลูกถ่ายเพียง 3 เดือนเพราะติดเชื้อ เขาเลยไม่นับว่าเป็นการปลูกถ่ายที่สำเร็จด้วยดี

หลังจากนั้นก็เป็นเวลายาวนานมากที่คนไม่พยายามปลูกถ่ายมดลูกกัน เพราะมันอันตราย แต่พอศตวรรษที่ 21 วิทยาการทางการแพทย์ละเอียดขึ้น การปลูกถ่ายแบบนี้ก็เริ่มขึ้นอีก โดยมีการทำในผู้หญิงแท้สำเร็จมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทารกหญิงที่พิการเกิดมาไม่มีมดลูก หรือจะเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาด้านมดลูก และได้รับการปลูกถ่ายมดลูกใหม่ จนสามารถมีลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัยได้ในปี 2014

พูดง่ายๆ คือสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่ามดลูกที่ได้รับการปลูกถ่ายสามารถตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรออกมาได้อย่างปลอดภัย

ดังนั้นสถานีต่อไปที่เป็นความท้าทายทางการแพทย์ ก็คือการให้คนที่เป็นผู้ชายโดยกำเนิดสามารถมีมดลูกและมีลูกได้แบบพวกคนที่มีช่องคลอดโดยกำเนิด โดยแพทย์ที่ประกาศจะก้าวข้ามพรมแดนทางการแพทย์นี้คือศัลยแพทย์ชาวอินเดีย

แล้วทำไมต้องอินเดีย? หลายคนอาจไม่รู้ ณ ขณะนี้ ไทยไม่ใช่ประเทศที่คนบินมาแปลงเพศเป็นอันดับ 1 แล้ว ไทยแพ้ให้อินเดีย ส่วนหนึ่งก็เพราะโควิด แต่อีกส่วนก็คือ อินเดียน่าจะมีคลินิกแปลงเพศเยอะกว่าไทยมากด้วยขนาดประเทศ และบริการในอินเดียก็ถูกกว่าที่อื่นระดับที่คุ้มค่าถ้าจะบินมาแปลงเพศสำหรับคนงบน้อย

ถ้าถามว่าจะเอามดลูกมาจากไหน? ในสื่อที่ลงข่าวนี้ (Mirror และ IFLS) เขาไม่ได้บอก แต่จริงๆ แล้วมี 2 วิธี คือเอามดลูกมาจากผู้หญิงที่จะแปลงเพศเป็นผู้ชายข้ามเพศ หรือเอามดลูกจากผู้เสียชีวิตที่บริจาคอวัยวะ 

บางคนก็อาจจะบอกว่ามันน่าจะยากมาก เพราะต้องไปหาผู้หญิงที่แปลงเป็นชาย หรือคนที่บริจาคมดลูกให้คนอื่น แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าในอินเดียตลาดค้าอวัยวะเถื่อนนั้นใหญ่โตสุดๆ ดังนั้นจริงๆ ก็อาจจะไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรที่จะหามดลูกมาปลูกถ่ายให้ลูกค้าที่มีเงินพอ

แต่ความท้าทายก็มีอีกเยอะ เพราะในรายละเอียด ผู้หญิงข้ามเพศที่ปลูกถ่ายมดลูกต้องพักฟื้นนาน และต้องได้รับการดูแลและบำบัดด้วยฮอร์โมนต่อเนื่อง พร้อมกันนั้น ถ้าจะมีลูก ก็ต้องมีการเพิ่มฮอร์โมนและหลายๆ อย่างเข้าไป และสุดท้าย ผู้หญิงข้ามเพศก็อาจคลอดลูกเองไม่ได้ เพราะกระดูกเชิงกรานแคบกว่าผู้หญิงโดยกำเนิด ต้องผ่าออก

หรือจะพูดง่ายๆ กระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่ปลูกถ่ายยันมีลูกโคตรจะเสี่ยงตาย

แต่ถ้าใครทำสำเร็จ ประวัติศาสตร์ก็จะจารึกไว้ว่าเป็นผู้หญิงข้ามเพศคนแรกของโลกที่สามารถจะมีมดลูกและคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย และนี่ก็คือก้าวใหม่ที่ใหญ่มากๆ ของมนุษยชาติ

ซึ่งเดิมพันมันสูงขนาดนี้ ก็ไม่แปลกอะไรที่คนจะกล้าเสี่ยง

เพราะสุดท้าย แค่ถ้าการปลูกถ่ายสำเร็จด้วยดี เราก็คงจะเรียกผู้หญิงโดยกำเนิดว่าคนที่มีช่องคลอดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

อ้างอิง

  • Mirror. Doctor planning risky womb transplant to allow transgender woman to carry a baby. https://bit.ly/3G3hTr
  • The Sydney Morning Herald. Why people are up in arms about The Lancet’s ‘bodies with vaginas’ cover.https://bit.ly/3NnxhBu
  • IFLS. Surgeon Is Planning To Transplant A Uterus Into A Transgender Woman. https://bit.ly/3wx00g9