เกิดเป็นชาย แต่ก็อาจตั้งท้องได้? แพทย์อินเดียเตรียมปลูกถ่ายมดลูก ให้ ‘ผู้หญิงข้ามเพศ’ ครั้งแรกในโลก
ทุกวันนี้ความเป็นเพศมันลื่นไหลมากๆ นิยามของสิ่งที่เรียกว่า ‘ผู้หญิง’ เปลี่ยนไป เพราะขบวนการผู้หญิงข้ามเพศ (Trans Women) ก็พยายามเรียกร้องให้เรียก ‘หญิงแท้’ ว่า ‘คนที่มีช่องคลอด’ แทน เพราะสำหรับกลุ่มทรานส์ การเป็นผู้หญิงไม่จำเป็นต้องมีอวัยวะเพศหญิง
ไอเดียแบบนี้ลุกลามขนาดที่วารสารการแพทย์ระดับท็อปของโลก อย่าง The Lancet ถึงกับต้อง ‘ระวัง’ และเลือกใช้คำว่า ‘ร่างกายที่มีช่องคลอด’ แทน ในวารสารฉบับหนึ่งในปี 2021 และส่งผลให้ ‘ทัวร์ลง’ เลย เพราะในชุมชนวิทยาศาสตร์ ผู้หญิงก็คือผู้หญิง คือคนที่มีอวัยวะเพศหญิงแต่กำเนิด และการใช้คำว่า ‘ร่างกายที่มีช่องคลอด’ คือการลดทอนผู้หญิงเป็นแค่ช่องคลอด (ซึ่งเอาซีเรียส ในทางวิทยาศาสตร์ อวัยวะเพศหญิงมันซับซ้อนกว่านั้น)
ก็เรียกได้ว่า แม้ว่าฝ่ายทรานส์จะชอบกับการใช้คำแบบนี้ แต่ฝ่ายที่ไม่ใช่ทรานส์ก็ต่อต้านอย่างรุนแรง ถึงกับ ‘ทัวร์ลง’ วารสารทางการแพทย์ระดับท็อปของโลก
แต่จริงๆ อะไรแบบนี้อาจกำลังเปลี่ยนไป เพราะแพทย์อินเดียกำลังจะผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อให้ผู้หญิงทรานส์มีช่องคลอดและมดลูกเป็นคนแรกของโลก
หลายคนอาจมีคำถามว่าเป็นไปได้จริงหรือ?
ที่จริงมนุษย์คนแรกของโลกที่ได้รับการปลูกถ่ายมดลูกคือผู้หญิงทรานส์ที่ชื่อ ลิลี เอลเบ (Lili Elbe) โดยเขาได้รับการปลูกถ่ายในปี 1931 แต่เสียชีวิตหลังจากการปลูกถ่ายเพียง 3 เดือนเพราะติดเชื้อ เขาเลยไม่นับว่าเป็นการปลูกถ่ายที่สำเร็จด้วยดี
หลังจากนั้นก็เป็นเวลายาวนานมากที่คนไม่พยายามปลูกถ่ายมดลูกกัน เพราะมันอันตราย แต่พอศตวรรษที่ 21 วิทยาการทางการแพทย์ละเอียดขึ้น การปลูกถ่ายแบบนี้ก็เริ่มขึ้นอีก โดยมีการทำใน ‘ผู้หญิงแท้’ สำเร็จมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทารกหญิงที่พิการเกิดมาไม่มีมดลูก หรือจะเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาด้านมดลูก และได้รับการปลูกถ่ายมดลูกใหม่ จนสามารถมีลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัยได้ในปี 2014
พูดง่ายๆ คือสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า ‘มดลูกที่ได้รับการปลูกถ่าย’ สามารถตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรออกมาได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้นสถานีต่อไปที่เป็นความท้าทายทางการแพทย์ ก็คือการให้คนที่เป็นผู้ชายโดยกำเนิดสามารถมีมดลูกและมีลูกได้แบบพวก ‘คนที่มีช่องคลอด’ โดยกำเนิด โดยแพทย์ที่ประกาศจะก้าวข้ามพรมแดนทางการแพทย์นี้คือศัลยแพทย์ชาวอินเดีย
แล้วทำไมต้องอินเดีย? หลายคนอาจไม่รู้ ณ ขณะนี้ ไทยไม่ใช่ประเทศที่คนบินมาแปลงเพศเป็นอันดับ 1 แล้ว ไทยแพ้ให้อินเดีย ส่วนหนึ่งก็เพราะโควิด แต่อีกส่วนก็คือ อินเดียน่าจะมีคลินิกแปลงเพศเยอะกว่าไทยมากด้วยขนาดประเทศ และบริการในอินเดียก็ถูกกว่าที่อื่นระดับที่คุ้มค่าถ้าจะบินมาแปลงเพศสำหรับคน ‘งบน้อย’
ถ้าถามว่าจะเอามดลูกมาจากไหน? ในสื่อที่ลงข่าวนี้ (Mirror และ IFLS) เขาไม่ได้บอก แต่จริงๆ แล้วมี 2 วิธี คือเอามดลูกมาจากผู้หญิงที่จะแปลงเพศเป็นผู้ชายข้ามเพศ หรือเอามดลูกจากผู้เสียชีวิตที่ ‘บริจาคอวัยวะ’
บางคนก็อาจจะบอกว่ามันน่าจะยากมาก เพราะต้องไปหาผู้หญิงที่แปลงเป็นชาย หรือคนที่บริจาคมดลูกให้คนอื่น แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าในอินเดีย ‘ตลาดค้าอวัยวะเถื่อน’ นั้นใหญ่โตสุดๆ ดังนั้นจริงๆ ก็อาจจะไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรที่จะหา ‘มดลูก’ มาปลูกถ่ายให้ลูกค้าที่มีเงินพอ
แต่ความท้าทายก็มีอีกเยอะ เพราะในรายละเอียด ผู้หญิงข้ามเพศที่ปลูกถ่ายมดลูกต้องพักฟื้นนาน และต้องได้รับการดูแลและบำบัดด้วยฮอร์โมนต่อเนื่อง พร้อมกันนั้น ถ้าจะมีลูก ก็ต้องมีการเพิ่มฮอร์โมนและหลายๆ อย่างเข้าไป และสุดท้าย ผู้หญิงข้ามเพศก็อาจคลอดลูกเองไม่ได้ เพราะกระดูกเชิงกรานแคบกว่าผู้หญิงโดยกำเนิด ต้องผ่าออก
หรือจะพูดง่ายๆ กระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่ปลูกถ่ายยันมีลูก ‘โคตรจะเสี่ยงตาย’
แต่ถ้าใครทำสำเร็จ ประวัติศาสตร์ก็จะจารึกไว้ว่าเป็นผู้หญิงข้ามเพศคนแรกของโลกที่สามารถจะมีมดลูกและคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย และนี่ก็คือก้าวใหม่ที่ใหญ่มากๆ ของมนุษยชาติ
ซึ่งเดิมพันมันสูงขนาดนี้ ก็ไม่แปลกอะไรที่คนจะกล้าเสี่ยง
เพราะสุดท้าย แค่ถ้าการปลูกถ่ายสำเร็จด้วยดี เราก็คงจะเรียกผู้หญิงโดยกำเนิดว่า ‘คนที่มีช่องคลอด’ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
อ้างอิง
- Mirror. Doctor planning risky womb transplant to allow transgender woman to carry a baby. https://bit.ly/3G3hTr
- The Sydney Morning Herald. Why people are up in arms about The Lancet’s ‘bodies with vaginas’ cover.https://bit.ly/3NnxhBu
- IFLS. Surgeon Is Planning To Transplant A Uterus Into A Transgender Woman. https://bit.ly/3wx00g9