‘โตโยต้า ครบรอบ 60 ปี ปลูกป่า 600,000 ต้น’ โครงการดีๆ ที่มุ่งสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน

จากสถานการณ์ภาวะโลกร้อนในปัจจุบันที่มีแนวโน้มจะทวีคูณความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นั้น มีสาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเกิดจากการกระบวนการผลิตพลังงาน สินค้า และอาหาร การใช้พลังงานในอาคารบ้านเรือน การขนส่ง ฯลฯ ภาวะดังกล่าวสร้างผลกระทบมากมายต่อสิ่งแวดล้อมและมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปหากเราไม่ลงมือเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ถึงเวลาแล้วที่เราต้องฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มกำลัง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จึงผนึกกำลังร่วมกับกรมป่าไม้และพันธมิตรทางธุรกิจทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ปลูกป่า 600,000 ต้น เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน ในโครงการ ‘โตโยต้า ครบรอบ 60 ปี ปลูกป่า 600,000 ต้น’

โตโยต้าได้วางแผนปลูกป่าภายในพื้นที่ของโรงงานโตโยต้า เริ่มจาก 200,000 ต้น และจะขยายการดำเนินงานสู่พื้นที่ภายนอกอีก 400,000 ต้น รวมทั้งสิ้น 600,000 ต้น โดยตั้งเป้าหมายร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น กรมป่าไม้ และพันธมิตรทางธุรกิจว่าจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่อง

‘นอกจากกิจกรรมปลูกป่าแล้ว เรายังได้นำนวัตกรรมที่ทำให้กระบวนการผลิตในโรงงานมีประสิทธิภาพและใช้พลังงานน้อยที่สุดมาปรับใช้ โตโยต้าได้นำนวัตกรรม Servo Robot มาใช้ในการประกอบและผลิตชิ้นส่วน และนำนวัตกรรม Dry Boost มาใช้ในกระบวนการผลิตสีเพื่อลดการใช้สารทินเนอร์ หรือแม้กระทั่งการนำโซล่าร์เซลล์หรือพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาใช้เป็นพลังงานทดแทน อีกทั้งโตโยต้ายังยึดหลัก 3Rs ได้แก่ Reduce, Reuse และ Recycle ในกระบวนการผลิตอยู่เสมอ’ คุณสมคิด ประดิษฐ์กำจรชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า’

สำหรับการเริ่มต้นโครงการ ‘โตโยต้า ครบรอบ 60 ปี ปลูกป่า 600,000 ต้น’ นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ นายณพพลวรรฒ โสมณวัตร์ ผู้อำนวยการ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 สาขาปราจีนบุรี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของโตโยต้าและบริษัทในเครือฯ ผู้ผลิตชิ้นส่วน โตโยต้า ผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า พันธมิตรทางธุรกิจ และจิตอาสาโตโยต้า รวมกว่า 1,800 คน ร่วมเปิดโครงการดังกล่าว โดยเริ่มต้นจากการปลูกป่านิเวศเป็นจำนวน 18,000 ต้น ที่โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา

โครงการ ‘โตโยต้า ครบรอบ 60 ปี ปลูกป่า 600,000 ต้น’ มีจุดเริ่มต้นมาจากความต้องการเป็นท็อป 5 ของ ‘โรงงานแห่งความยั่งยืน’ อีกทั้งยังต้องการต่อยอดการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนจากโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมาของบริษัท นอกจากนี้ โตโยต้ายังต้องการตอบสนองนโยบายของบริษัทที่เน้นการเติบโตคู่สังคมและนึกถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก

โดยโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักคือการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและ  สนับสนุนโยบายภาครัฐในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยโรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ได้นำเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานต่ำมาใช้งานและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมและนำพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้วย และส่วนที่ 2 คือการเพิ่มการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งโตโยต้าได้ดำเนินการปลูกป่าบกและป่าชายเลนไปแล้วกว่า 2 ล้านต้น เพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 19,200 ตัน

การสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนของโตโยต้าประกอบไปด้วย 3 เสาหลัก เสาแรกคือการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเป็นสาเหตุของมลพิษและการใช้พลังงานทดแทน เช่น โตโยต้าได้นำนวัตกรรม ‘Servo Robot’ มาใช้ในการกระบวนการผลิตและประกอบชิ้นส่วนเพื่อลดการใช้พลังงานลง ในแผนกสีรถยนต์ก็มีการใช้นวัตกรรรมการพ่นสีโดยใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย ช่วยลดการใช้งานของทินเนอร์ซึ่งมีไอระเหยที่เป็นพิษ หรือแม้แต่การติดตั้งเตาเผาสารระเหย การใช้เครื่องกำเนิดพลังงาน ‘RTO Incinerator’ อีกทั้งยังมีการใช้ระบบกลไก ‘Karakuri’ ที่เน้นการใช้หลักกลศาสตร์แทนการใช้เครื่องจักรอีกด้วย

เสาที่สองคือการยึดหลัก 3RS ได้แก่ Reduce Reuse และ Recycle (ใช้น้อย ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่) ในส่วนของหลัก Reuse ในกระบวนการผลิตของโตโยต้าได้มีการนำพลังงานกลับมาใช้อยู่เสมอ นอกจากนี้โตโยต้ายังนำหลัก Reduce มาปรับใช้โดยนำเครื่องปั่นกระแสฟ้าโดยใช้พลังงานแก๊สมาใช้และนำพลังงานหมุนเวียนอย่างโซลาร์เซลล์มาใช้ในโรงงานเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ในส่วนของพลังงานโซลาร์เซลล์ โตโยต้าได้ผลิตพลังงานไปแล้วกว่า 24 เมกะวัตต์และมีเป้าหมายว่าจะผลิตให้ได้อีก 30 เมกกะวัตต์ รวมเป็น 60 เมกกะวัตต์ภายในปี 2568

เสาสุดท้ายคือการปลูกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม โตโยต้ามีนโยบายเปิดโอกาสให้พนักงานเสนอความคิดความเห็นด้านนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการการผลิตภายในโรงงานเพื่อสนับสนุนให้พวกเขามีส่วนร่วมในการสร้างความเป็นการทางคาร์บอนผ่านการดำเนินงานในทุกกระบวนการตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นพันธกิจที่สำคัญของบริษัท

สุดท้ายนี้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างสมดุลแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำและลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน

แล้วคุณล่ะ มีความตั้งใจที่จะเยียวยาโลกนี้จากภาวะโลกร้อนอย่างไรบ้าง มาร่วมแชร์กันได้เลย!