กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในทศวรรษ 2000 ยุคที่คนส่วนใหญ่เริ่มเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ยุคนั้นยังไม่มีใครมีสมาร์ทโฟน ไม่มีใครรู้จัก Facebook หรอก
ส่วน Hi5 น่ะเหรอ มีแต่วัยรุ่นโลกที่สามที่เล่นกัน ‘คนคูลๆ’ ในโลกทุกคนในยุคนั้นต้องมีโพรไฟล์บนแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Myspace
ใช่ Myspace คือ Facebook (หรือ TikTok กันนะ?) ของคนเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งยุคนั้น ถ้าใครได้เล่น Myspace คุณก็จะพบว่าถ้าสมัครไปแล้ว ‘เพื่อนคนแรก’ ของคุณจะเป็นไอ้หนุ่มเสื้อขาวชื่อว่า ทอม แอนเดอร์สัน (Tom Anderson) ซึ่งทุกคนก็จะงงว่าทอมเป็นใคร และบางคนก็คงไม่รู้จนย้ายมาเล่น Facebook ว่าตาทอมนี่แหละ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ Myspace
ว่าแต่ทำไมกล่าวถึง Myspace กันตอนนี้? ก็ต้องถามกลับว่าทำไมจะไม่กล่าวถึงทอมกับ Myspace ตอนนี้กันล่ะ? เพราะนี่คือยามที่ Facebook มีนโยบายเปลี่ยนแปลงตัวเองจนไม่รู้จะมีจุดยืนตรงไหน พร้อมๆ กับมีสารพัดนโยบายราวกับว่าจะขับไล่ผู้ที่ใช้งานมากว่า 10 ปีออกไปให้พ้นๆ ก็ต้องมีคนคิดถึงพี่ทอมกันบ้างแหละว่าเขาไปทำอะไรอยู่ตอนนี้
ว่าแต่เรารู้จักพี่ทอมกับ Myspace กันดีรึยัง?
เพื่อไม่ให้บทความนี้เป็นบทความชีวประวัติพี่ทอมจนเกินไป เราก็อยากจะเล่าว่าพี่ทอมเป็นคน Gen X เน้นๆ เกิดปี 1970 เป็นรุ่นๆ เดียวกับ อีลอน มัสก์ เลย แกโตมาเป็น ‘แฮกเกอร์’ ในช่วงวัยรุ่นในยุค 1980s นี่แหละ และเก่งระดับแฮกธนาคารได้เลย (แต่ดีที่ช่วงนั้น FBI ไม่ได้ซีเรียส แกเลยรอด) และพอช่วง 1990s พี่ทอมเข้ามหาวิทยาลัย พี่ทอมก็ได้ร่ำเรียนทั้งด้านวรรณคดีและภาพยนตร์ที่สถาบันในแคลิฟอร์เนีย ก่อนจะจบมาเป็นโปรแกรมเมอร์และนักโฆษณาปนๆ กันไป ซึ่งช่วงนี้พี่ทอมก็ได้รวบรวมทั้งทุนและสมัครพรรคพวกก่อนจะมาตั้ง Myspace ในปี 2003 ในวัย 33 ปี
Myspace ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และในช่วงปี 2005-2009 เขาก็ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุด ก่อน Facebook จะแซงไปในที่สุด และนี่ทำให้คนฮิปๆ ที่เล่นอินเทอร์เน็ตช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 2000 ไม่มีใครไม่รู้จัก Myspace ของพี่ทอม
ว่าแต่พี่ทอมหายไปไหนล่ะ?
คืออันนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า ในปี 2005 ปีที่ Myspace ขึ้นอันดับ 1 ของโลกโซเชียล พี่ทอมได้ขายบริษัทไปให้ News Corp ซึ่งก็คือบริษัทสื่อใหญ่ของอเมริกา (มันคือเครือ Fox อันเดียวกับ Fox News และ 20th Century Fox น่ะแหละ) แต่พี่ทอมก็ยังได้นั่งเป็นผู้บริหารอยู่ เนื่องจากเจ้าของใหม่เขาก็ยังเชื่อมือพี่ทอมที่ปั้น Myspace มาเป็นเว็บโซเชียลอันดับ 1 ได้ในที่สุด
การนั่งเป็นผู้บริหารของพี่ทอมนั้นน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญให้ Myspace ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรให้ผู้ใช้ต้องเวียนหัว แต่นั่นก็เป็นเหตุผลให้ทาง News Corp ที่เป็น ‘เจ้าของ’ Myspace ไล่พี่ทอมออกในที่สุดในปี 2009 เมื่อ Facebook สามารถเอาชนะ Myspace ได้อย่างสมบูรณ์
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ทาง News Corp มองว่าที่คนแห่ไปใช้ Facebook เพราะ Myspace ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเลย
แต่ก็นั่นแหละ ดังที่ตัวละคร ‘มนุษย์สองหน้า’ เคยกล่าวไว้ในหนัง Dark Knight ในปี 2008 ว่า “คุณจะตายอย่างวีรบุรุษ หรือคุณจะอยู่นานจนคุณกลายเป็นผู้ร้าย?” ซึ่งพี่ทอมจะได้ยินวลีนี้จากหนังหรือไม่เราก็ไม่รู้ แต่พี่แกเลือกจะ ‘ตาย’ อย่างวีรบุรุษมากกว่าจะดิ้นรนเปลี่ยน Myspace ให้เป็น Facebook (แบบที่พี่มาร์คกำลังเปลี่ยน Facebook ให้เป็น TikTok)
แล้วพี่ทอมหายไปไหนหลังจากนั้น? คือตอนที่โดนไล่ออกจากบริษัทที่ตั้งมากับมือ พี่ทอมแกอายุ 39 แล้ว มีเงินมากมายจากการขายบริษัท รวยแล้ว พอแล้ว ซึ่งผลก็คือ หลังจากนั้นแกก็ ‘เกษียณ’ น่ะสิ
พี่ทอมเดินทางท่องเที่ยวไปรอบโลก ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ และถ้าใครตามแกก็จะรู้ว่า ชีวิตหลัง Myspace แกแอคทีฟทั้งใน Instagram, Facebook และ Twitter มายาวนาน แต่ไม่ใช่ในฐานะมหาเศรษฐีนะ แต่ในฐานะของช่างภาพคนหนึ่งที่ชอบถ่ายวิวทิวทัศน์เท่านั้นเอง
ซึ่งถ้าตามแอคเคาท์ของแก ก็คงจะรู้ว่าหลังจากโพสต์อะไรมาเรื่อยๆ อยู่ดีๆ พี่ทอมก็หยุดโพสต์ดื้อๆ ไปในปี 2017 และถ้าดูแอคเคาท์ทวิตเตอร์ แกจะโผล่มาทำตาเลเซอร์แบบกวนๆ ชวนซื้อคริปโตฯ ตอนราคาตกช่วงกลางปี 2021 ก่อนจะหายไปอีก
และถ้าสงสัยว่าแกหายไปไหน คำตอบที่เป็นการ ‘เดา’ อย่างมีเหตุผลคือ แกอาจจะเบื่อโซเชียลแล้วก็ได้ เพราะนี่คือคนที่เล่นโซเชียลก่อนมี Facebook เสียอีก และปี 2022 นี่แกก็อายุ 52 แล้ว ให้แกเบื่อบ้างเถอะ เพราะเราจะคาดหวังให้พี่ทอมตามวัยรุ่นรุ่นลูกไปเต้นใน TikTok ต่อนี่ก็คงจะเกินไป เพราะคนรุ่นแกส่วนใหญ่ยังไม่เล่นกันเลย
ทั้งนี้ถ้าคิดถึงแกก็ลองไปตามแกได้ตามนี้ เผื่อสักวันแกจะกลับมา
Instagram: https://www.instagram.com/myspacetom/
Facebook: https://www.facebook.com/myspacetompersonal
Twitter: https://twitter.com/myspacetom
อ้างอิง
- The Sun. Where is Tom from MySpace now? https://bit.ly/3PYNXzX
- MTV. Remember Tom From Myspace? This Is What He’s Doing Now. https://bit.ly/3csAanP
- Wikipedia. Tom Anderson. https://bit.ly/3wHI1Vg