3 Min

รู้ไหม ตอนนี้ทิเบตกำลังปวดหัวกับ ‘หมาทิเบตันมาสทิฟฟ์จรจัด’ ที่เร่ร่อนอยู่เป็นแสนตัว

3 Min
14826 Views
06 Jan 2021

ปัญหาหมาจรจัดเป็นปัญหาในสังคมเมืองที่โตไวเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งโดยทั่วๆ ไปหน้าตาของ “หมาจรจัด” ก็คือ “หมาบ้าน” พันทางทั่วๆ ไปนี่แหละ ซึ่งหมาจรจัดก็มักจะหน้าตาแบบนี้ทั่วโลก

แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้าง เพราะในบริเวณที่ราบสูงทิเบต “หมาจรจัด” ไม่ได้หน้าตาแบบหมาบ้านทั่วๆ ไป แต่มันคือหมา ‘ทิเบตันมาสทิฟฟ์’ พันธุ์แท้ เรียกได้ว่าหมาจรจัดในแถบนี้เกิน 95% เป็นหมาพันธุ์นี้ และมีจำนวนเป็นแสนตัวที่เร่ร่อนอยู่

ชายชาวทิเบตกับหมาทิเบตันมาสติฟฟ์ | Wikipedia

1.

ถ้าใครเคยเห็นหมาพันธุ์นี้แบบเป็นๆ ก็คงจะรู้ว่าตัวมันใหญ่เบ้อเร่อเท่อเลย ตัวใหญ่พีกๆ คือหนักเกือบร้อยกิโลกรัม
ยืนสองขาก็สูงพอๆ กับคน

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหมาพันธุ์ใหญ่ที่สุด ซึ่งพันธุ์นี้ก็ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ใจดีแบบ ‘อลาสกัน มาลามิวท์’ ด้วย พวกมันดุพอสมควร เพราะพื้นฐานเป็นหมาใช้เลี้ยงแกะ

ความดุของพวกมันและธรรมชาติของหมาที่อยู่เป็นฝูงทำให้พวกมันสามารถแย่งอาหารเสือดาวหิมะได้สบายๆ หรือกระทั่งหมีก็ต้องหนีพวกมันที่อยู่กันเป็นฝูง เรียกได้ว่าพวกมันคือจุดยอดสุดของห่วงโซ่อาหารในที่ราบสูงทิเบต และมันก็ไม่ได้แค่แย่งอาหารพวกสัตว์ป่าจนระบบนิเวศเริ่มรวนเท่านั้น แต่พวกมันตัวใหญ่และต้องกินเยอะ บางทีบรรดา ‘ทิเบตันมาสทิฟฟ์จรจัด’ ก็เลยเถิดมากินเป็ดไก่ของชาวบ้านตอนไม่มีอะไรกิน ซึ่งสร้างปัญหาให้ชาวบ้านทิเบตไม่น้อย

แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมหมาจรจัดแถวทิเบตคือพันธุ์นี้?

ขนาดของทิเบตัน มาสติฟฟ์เมื่อเทียบกับคน | Reddit

2.

ต้องเล่าย้อนไปก่อนว่าตอนสมัยช่วงปลายๆ ทศวรรษ 1990’s จนถึงทศวรรษ 2000’s สังคมจีนเปลี่ยนไปมาก เกิดเศรษฐีใหม่มากมาย

และสิ่งหนึ่งที่เศรษฐีใหม่ชาวจีนมองว่าเป็น #ของมันต้องมี ในการแสดงฐานะของเศรษฐีก็คือ ‘หมาทิเบตันมาสทิฟฟ์’ ซึ่งคนจีนค่อนข้างเชื่อว่าเป็นหมาพันธุ์ที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ในอดีต และบางคนเชื่อด้วยซ้ำว่าพวกมันสืบเชื้อสายมาจากสิงโต

กระแสความนิยมในหมาทิเบตันมาสทิฟฟ์ทำให้คนแถบทิเบตฮิตทำฟาร์มหมาพันธุ์นี้กันมากเพราะแถวทิเบตค่อนข้างจะยากจนและไม่มีสินค้าอะไรขายจีน พอราคาหมาพันธุ์นี้สูง ฟาร์มก็ยิ่งเปิด ช่วงพีกๆ มีฟาร์มเฉพาะหมาพันธุ์นี้ถึง 3,000 แห่งเลยทีเดียว

และช่วงที่พีกสุดของราคาหมาพันธุ์นี้ก็คือปี 2014 ที่ลูกหมาพันธุ์นี้แบบขนทองขายในราคา 12 ล้านหยวน (ประมาณ 60 ล้านบาท) โดยคราวนั้นก็เป็นข่าวไปทั่วโลก เพราะเป็นสถิติการซื้อขายหมาที่แพงที่สุดแล้ว

อย่างไรก็ดี กระแสความนิยมของหมาพันธุ์นี้ก็ค่อยๆ ตกลงไป การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนค่อนข่างอิ่มตัว ไม่ได้โตเร็วแบบในอดีต และเศรษฐีใหม่ๆ ก็เริ่มไม่นิยมหมาพันธุ์นี้แล้ว เพราะมันเป็นหมาพันธุ์ที่ไม่สะดวกเลยที่จะเลี้ยงในเมือง และนี่ยังไม่นับว่าพวกมันกินจุอีกด้วย

ผลของความนิยมที่หดหายไปก็คือราคาของทิเบตันมาสทิฟฟ์ในปี 2020 ตกลงมาเหลือประมาณตัวละ 50,000 บาท ซึ่งก็ถือว่าแพงแล้ว แต่ปัญหาที่มากกว่านั้นก็คือ แม้จะราคาเท่านี้ ความต้องการของตลาดก็มีไม่พอจำนวนหมาที่เพาะกันมา
และ “ต้นทุน” การเลี้ยงก็สูงมาก

เพราะพวกมันกินจุตั้งแต่เล็กๆ ผลก็คือฟาร์มปิดไปประมาณ 2,000 แห่งจาก 3,000 แห่ง และพวกทิเบตันมาสทิฟฟ์จรจัดส่วนหนึ่งก็เกิดจากฟาร์มเอาไปทิ้ง อีกส่วนก็เกิดจากคนเลี้ยงนั้นเลี้ยงไม่ไหวเลยเอาไปทิ้ง

ทิเบตันมาสติฟฟ์ที่สถานพักพิง | SCMP

3.

นี่แหละครับ ผ่านไปไม่กี่ปีที่พวกมันถูกทิ้งเป็นหมาข้างถนน พวกมันก็ขยายพันธุ์ไปเป็นแสนตัว เรียกได้ว่า “จับตอน” กันแทบไม่หวาดไม่ไหว และเป็นปัญหามากๆ ดังที่กล่าวมา

ทีนี้ อาจมีคำถามตลกๆ ว่า ทำไมไม่ “จับกิน” ซะล่ะ เพราะได้ชื่อว่า “คนจีน” ก็กินอะไรทุกอย่างอยู่แล้ว อะไรที่มีมากไปแล้วกินได้ มันไม่ควรจะเป็นปัญหาของคนจีน

ตรงนี้เป็นปัญหาทางวัฒนธรรมจริงๆ เพราะคนทิเบตไม่ใช่คนจากมณฑลกวางสีที่จัดเทศกาล “กินหมา” ทุกปี คนจีนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ “กินหมา” กันแล้วทุกวันนี้ และสำหรับ ‘หมาทิเบตันมาสทิฟฟ์’ นั้นคนทิเบตเชื่อว่ามันเป็นหมาศักดิ์สิทธิ์ด้วย ก็เลยตัด “ทางออก” แบบ “จับกิน” ไปได้เลย เพราะคนท้องถิ่นเขาไม่กินกัน

และก็อย่าคิดว่ามันง่ายดังที่เล่าแต่แรก พวกมันอยู่กันเป็นฝูงและดุมาก ระดับหมียังต้องหนี ดังนั้นไม่ต้องไปคิดว่าจะจับพวกมันกินง่ายๆ เลยครับ ซี้ซั้วเข้าไปนี่ เราอาจจะกลายเป็นอาหารของพวกมันแทน

อ้างอิง:

  • SCMP. Tibetan mastiff dogs ravaging wildlife, mauling people, and spreading disease in China after collapse of pet market.http://bit.ly/3hnbmeY