ในช่วงชีวิตหนึ่ง น่าจะมีสักครั้งที่เราต้องเจอกับคนที่คิดว่าตัวเอง ‘ฉลาดกว่าคนอื่น’ หรือไม่ก็อาจจะเจอคนที่แสดงความคิดเห็นราวกับตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกๆ เรื่องโดยอ้างอิงข้อมูลข่าวสารในแต่ละวัน ก่อนที่เราจะพบว่าคนคนนั้นไม่ได้ฉลาดกว่าใคร แต่อาจจะมีความมั่นใจที่เกินความรู้ความสามารถของตัวเองไปมาก และเรื่องแบบนี้มีคำอธิบายได้หลายอย่าง
มีอาการของโรคหลงตัวเอง
เคิร์ก ฮอนดะ (Kirk Honda) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยซีแอตเทิล ในสหรัฐอเมริกา พูดถึงเรื่องนี้ในสื่ออเมริกันที่ตั้งคำถามว่า ทำไมถึงมีคนที่เชื่อหรือคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นอยู่เสมอ ซึ่งเขามองว่านี่อาจเป็นตัวบ่งชี้อาการของคนที่เป็นโรคหลงตัวเอง (Narcissistic personality disorder) ที่เป็นความผิดปกติด้านบุคลิกภาพอย่างหนึ่ง
คนที่มีอาการนี้มักจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในเรื่องต่างๆ และไม่ยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์หรือความเห็นต่างจากใครเลย แต่ที่จริงแล้วสาเหตุของปมนี้เกิดจากความไม่มั่นใจและไม่เคารพในตัวเอง จึงเกิดกลไกทางจิตใจที่จะกดข่มคนรอบข้างให้รู้สึกแย่หรือด้อยกว่าตัวเอง ทำให้คนเหล่านี้โอ้อวดว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถหรือมีสถานะที่ดีกว่าคนอื่นๆ โดยไม่ยอมให้ใครตั้งคำถาม เพื่อจะปกปิดความรู้สึกไม่มั่นคงทางใจของตัวเอง
เพราะ ‘รู้น้อย’ แต่เข้าใจว่าตัวเอง ‘รู้มาก’
สาเหตุที่ 2 ที่ทำให้คนบางคนรู้สึกว่าตัวเองฉลาดและออกความเห็นในเรื่องต่างๆ เหมือนกับตัวเองเป็นผู้รอบรู้ในทุกด้าน เป็นเพราะคนกลุ่มนี้ ‘ไม่รู้’ ว่าตัวเองไม่ได้มีความรู้เชิงลึกที่แท้จริงในเรื่องใดเลย แต่อาศัยว่ารู้เรื่องพื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ บางอย่าง จึงเข้าใจว่าตัวเองรู้ทุกอย่างแล้ว และเกิดความเชื่อมั่นซึ่งสวนทางกับความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง จนมีพฤติกรรมที่มักจะถูกคนเรียกว่า ‘อวดฉลาด’ อยู่เป็นประจำ
คนที่รู้น้อยแต่คิดว่าตัวเองรู้มากจนเกิดความมั่นใจผิดๆ ถูกอธิบายด้วยทฤษฎีทางจิตวิทยาดันนิง–ครูเกอร์ (Dunning-Kruger Effect) ซึ่งเป็นการสรุปผลจากการทดลองของ เดวิด ดันนิง (David Dunning) และ จัสติน ครูเกอร์ (Justin Kruger) ที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างในปี 1999 และพบพฤติกรรมอย่างหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นอย่างเป็นแบบแผนในกลุ่มคนที่ ‘รู้น้อยที่สุด’ เพราะได้คะแนนต่ำสุดในการทดสอบวัดผลทางด้านภาษา อารมณ์ขัน และการใช้ตรรกะ ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ใช้ในการชี้วัดความสามารถทางปัญญา
คนที่คิดว่าตัวเองทำคะแนนได้ดีที่สุด แท้จริงคือกลุ่มคนที่ทำคะแนนในการทดสอบต่างๆ ได้น้อยที่สุด จนเกิดข้อสรุปว่าคนกลุ่มนี้ ‘ไม่รู้’ ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้นั้นตื้นเขิน หรือไม่ก็เป็นเพียงมายาคติที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง ทั้งยังมีผลข้างเคียงเพราะคนกลุ่มนี้จะไม่ยอมรับฟังข้อเท็จจริงอื่นๆ ที่จะมาหักล้างสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นความจริง หรือเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง
ฉลาดกว่าจริงๆ จนไม่ไว้ใจใครเลย
กรณีสุดท้ายคือ คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นนั้น ‘ฉลาดกว่า’ จริงๆ แต่การคิดและเชื่อมั่นแบบนี้ไม่ได้เป็นผลดีกับคนรอบข้างสักเท่าไร เพราะ ปีเตอร์ กอร์ดอน (Peter Gordon) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ให้สัมภาษณ์กับ Vice ว่า คนที่ฉลาดกว่าคนอื่นในทุกๆ เรื่องนั้น ‘ไม่มีอยู่จริง’ เพราะอาจจะฉลาดกว่าแค่ในบางเรื่องเท่านั้น และความคิด (หรือความเชื่อ) ว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น จะทำลายสุขภาพจิตของคนที่คิดหรือเชื่ออย่างนั้นไปเรื่อยๆ โดยที่เจ้าตัวเองก็อาจจะไม่รู้
คนที่ฉลาดหรือเชี่ยวชาญในบางด้านมากกว่าคนอื่นจึงมักจะลงเอยที่การ ‘ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง’ เพราะไม่ไว้ใจหรือไม่เชื่อใจว่าคนอื่นๆ จะทำได้ดีเท่ากับตัวเอง ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่ดีต่อการบริหารจัดการความสัมพันธ์ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงานก็ตามที
ด้วยเหตุนี้จึงมีคำแนะนำถึงคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น ให้ลองทบทวนพฤติกรรมและความสามารถของตัวเองอย่างจริงจังอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้มีอาการหลงตัวเองหรือคิดว่าตัวเองเก่งเกินจริง และในกรณีที่พบว่าตัวเอง ‘ฉลาดกว่า’ ในบางด้านจริงๆ ก็ควรจะทำความเข้าใจว่าคนอื่นๆ รอบตัวอาจเจอกับปัญหาหรือมีข้อจำกัดบางอย่างในชีวิต ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าใจหรือรับรู้บางเรื่องได้เท่าเรา ซึ่งทางแก้ไม่ได้อยู่ที่การเข้าไปจัดการกับสิ่งต่างๆ เอง แต่ควรให้คำแนะนำหรือฝึกฝนคนที่ยังขาดทักษะ ให้เข้าใจและเกิดการเรียนรู้หรือพัฒนาด้วยตัวของเขาเอง
อ้างอิง
- Vice. Is Everyone Around You Dumb? https://bit.ly/3Y4lrSo
- IFLScience. Why Idiots Think They’re Smart: Dunning On The Dunning–Kruger Effect. https://bit.ly/3RtyASp