7 Min

มากกว่ากลิ่นหอม แต่เป็น ‘Second Skin’ ‘The O.B.A’ แบรนด์น้ำหอมสัญชาติไทย ที่เชื่อว่ากลิ่นสามารถสื่อสารความเป็นตัวตนได้

7 Min
162 Views
31 Jan 2025

กลิ่นหอมไม่ได้เป็นเพียงแค่สัมผัสที่รับรู้ผ่านประสาทรับกลิ่น แต่มันคือ ความทรงจำ ความรู้สึก และอารมณ์ที่ถูกบันทึกไว้ในอากาศ บางครั้งกลิ่นเพียงหนึ่งเดียวสามารถพาเราย้อนเวลากลับไปสู่อดีต ชวนให้นึกถึงสถานที่ที่เคยไป หรือทำให้เราหลงใหลในตัวตนของใครบางคนได้ 

BrandThink ชวนทุกคนมารู้จักกับ The O.B.A แบรนด์น้ำหอมและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายที่ถือกำเนิดขึ้นจาก ‘ความหลงใหลในศิลปะแห่งกลิ่น’ ของ 4 พาร์ตเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ได้แก่ พีรกันต์ สมบัติเลิศตระกูล (โอ), อนพัทย์ ธนากิจปฐมพงศ์ (ออโต้), หทัยภัทร กมลวิศิษฎ์ (ซี) และ ภาคภูมิ มิตรานนท์ (หมอแบงค์)

ที่ต้องการสร้างสรรค์น้ำหอมที่มีเอกลักษณ์ ไม่ใช่แค่การเลือกกลิ่นที่ดี แต่เป็นการรังสรรค์กลิ่นที่บอกเล่าเรื่องราว ทุกหยดของน้ำหอม ทุกผลิตภัณฑ์ในคอลเลกชัน ล้วนได้รับแรงบันดาลใจจาก ประสบการณ์ การเดินทาง และความทรงจำส่วนตัวของคนทั้งสี่

ตามไปดูเบื้องหลังของน้ำหอมทุกขวดที่บอกเล่าเรื่องราวของแสงแดดยามเช้าในป่าไม้ฮิโนกิ กลิ่นอายของค่ำคืนที่อบอวลไปด้วยเครื่องหนังและแสงเทียน หรือความรู้สึกอิสระของสายลมทะเลที่พัดผ่านในวันหยุดพักผ่อน ทุกกลิ่นไม่ได้เป็นเพียง ‘น้ำหอม’ แต่เป็น ‘ภาพจำที่สัมผัสได้’ 

สิ่งที่ทำให้ The O.B.A แตกต่างคือ แนวคิดที่มองว่าน้ำหอมเป็นเหมือน ‘Second skin’ หรือกลิ่นที่เสริมคาแรกเตอร์ของแต่ละคน โดยไม่ต้องตะโกนเสียงดัง แต่แฝงไปด้วยความโดดเด่นที่เป็นธรรมชาติ

ช่วยเล่าแรงบันดาลใจในการทำ The O.B.A ให้ฟังหน่อย

ออโต้: เริ่มต้นจากการชื่นชอบความหอมและกลิ่นที่มีความยูนีก เราหลงใหลใน Niche perfume และอยากสร้างแบรนด์ไทยที่เป็นจุดหมายใหม่สำหรับคนรักน้ำหอม ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือคนไทยเอง 

เราไม่ได้ตั้งใจให้แบรนด์ต้องสื่อถึงความเป็นไทยผ่านส่วนผสมแบบดั้งเดิมหรือความเป็นสปาไทย แต่เน้นไปที่ความเป็นสากล โดยทุกกลิ่นที่เราครีเอทจะมีความยูนีกในตัวเอง ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว กลิ่นของเราจะไม่ฉุนจนเกินไป แต่เสริมคาแรกเตอร์ของผู้ใช้ในแบบที่ไม่ต้องตะโกนออกมา

เพราะฉะนั้นน้ำหอมของเราจึงเน้นความซับซ้อนของกลิ่น เราออกแบบ Note ให้มีความลึกซึ้ง เช่น การนำพิสตาชิโอมาผสมกับกลิ่นหนังกลับ เพื่อสร้างมิติที่ไม่ซ้ำใคร น้ำหอมจึงกลายเป็นเสมือน ‘ผิวชั้นที่สอง’ ของผู้ใช้

แล้วทำไมถึงตั้งชื่อแบรนด์ว่า The O.B.A. 

ออโต้: ชื่อแบรนด์ของเรามีความหมายในทุกตัวอักษร

O (Olfactive): สื่อถึงเรื่องราวของกลิ่นที่เป็นแกนหลักของทุกผลิตภัณฑ์ ทั้งน้ำหอมและ Body care ในอนาคตเรายังวางแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์ Home product เพราะเราเชื่อว่ากลิ่นสามารถเล่าเรื่องราวและสะท้อนความทรงจำได้

B (Beguile): เพิ่มความน่าหลงใหล เราอยากให้คนหลงใหลในการดูแลตัวเองอย่างพิถีพิถันมากขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้แค่หอม แต่ยังมีส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย หรือฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ

A (Appeal): เป็นเสน่ห์ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและดึงดูดใจคนรอบข้าง เราอยากให้ผลิตภัณฑ์ของเราช่วยเสริมบุคลิกและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้

ผลิตภัณฑ์แรกของแบรนด์คือ ‘น้ำหอม’ คุณมีหลักในการออกแบบกลิ่นจากอะไรบ้าง

หมอแบงค์: มาจากประสบการณ์ส่วนตัวและการเดินทางของพวกเรา อย่างผมชอบไปญี่ปุ่นตั้งแต่เด็ก สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดคือกลิ่นไม้ฮิโนกิ (Hinoki) ที่พบในวัดหรือปราสาทญี่ปุ่น กลิ่นนี้ติดอยู่ในความทรงจำของผม เราจึงใช้กลิ่นฮิโนกิเป็นแรงบันดาลใจหลักและสร้างสรรค์เป็นกลิ่น HINODE

ออโต้: HINODE เป็นกลิ่นซิกเนเจอร์ของเรา โดยเราเบลนด์กลิ่นไม้ฮิโนกิกับส่วนผสมของเบอร์รีเพื่อให้กลิ่นมีความพอดีและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ไม่หนักเกินไป โดยทุกกลิ่นที่เลือกมา เราเลือกกลิ่นที่เน้นความธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะมากได้

เพราะเชื่อว่ากลิ่นจากธรรมชาติมีพลังในการส่งต่ออารมณ์ได้ดีกว่ากลิ่นสังเคราะห์ เราเลยเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติให้มากที่สุด เพราะกลิ่นเหล่านี้ช่วยสร้างความสงบ ผ่อนคลาย และดึงอารมณ์ความรู้สึกได้ลึกซึ้ง เหมือนเวลาที่เราสูดกลิ่นหอมจาก Aromatherapy ที่ช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ได้โดยไม่ต้องพยายาม

หมอแบงค์: แล้วเราก็ตั้งใจออกแบบให้เป็น ‘กลิ่นที่คุณอยากเข้าใกล้’ ไม่ใช่กลิ่นที่ฉุนจนต้องรีบเบือนหน้าหนี หลายครั้งเวลาเราไปลองน้ำหอม บางกลิ่นแรงจนต้องรีบเอาจมูกออก แต่ของเราเป็นแบบตรงกันข้าม คือยิ่งดม ยิ่งอยากค้นหาว่ามันคือกลิ่นอะไร จนต้องโน้มเข้าไปดมใกล้ๆ นี่เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกกลิ่นมีเสน่ห์ และแต่ละคนจะมี ‘กลิ่นที่ใช่’ สำหรับตัวเอง

อย่างกลิ่น HINODE ปรากฏในทุกไลน์ของ Body care เช่นเดียวกับน้ำหอม เพื่อให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายและความทรงจำของการเดินทาง

ออโต้: ทุกกลิ่นสะท้อนความชอบและประสบการณ์ส่วนตัว อย่างเราที่ชอบพิสตาชิโอ เลยนำกลิ่นพิสตาชิโอมาผสมกับหนังกลับเพื่อเพิ่มความน่าสนใจที่แตกต่างลงไป เราตั้งโจทย์ให้น้ำหอมสร้างกลิ่นที่ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ และเมื่อผู้ใช้ได้สัมผัส กลิ่นก็จะพาเขาย้อนกลับไปยังความทรงจำของตัวเอง เช่นเดียวกับที่เรามีความทรงจำพิเศษกับกลิ่นเหล่านี้

นอกจากนี้ชื่อของน้ำหอมทุกตัว เช่น HINODE, LIKO, ALB, PARV ได้รับแรงบันดาลใจจากชื่อเด็กผู้ชายและผู้หญิง

ฟังแล้วอยากรู้จักเด็กทั้งสี่คนเลย แนะนำให้หน่อยได้ไหม

ออโต้และหมอแบงค์: HINODE เด็กผู้ชายที่ดูเรียบร้อย แต่มีอะไรในตัวเอง เป็นกลิ่นสัมผัสแห่งป่า และแสงธรรมชาติที่เงียบสงบที่พาคุณไปสัมผัสความลึกลับของป่าลึก ความบริสุทธิ์ของแสงเช้า และความเงียบสงบที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยหมอกจางๆ

LIKO เด็กผู้ชายที่ซุกซนหน่อย มีความเย้ายวนหน่อยๆ เป็นกลิ่นอำพันส่องประกายทอง กับความลึกลับของราตรี ที่ชวนให้คุณดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของค่ำคืนสุดหรู ผสมกลิ่นเครื่องหนัง ให้สัมผัสที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ตราตรึงไม่รู้ลืม

ALB ตัวแทนของคุณหนู ผู้ใส่ใจในทุกรายละเอียด เป็นกลิ่นแสงแดดอุ่น และความสงบแห่งฤดูใบไม้ผลิ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้สีขาว พร้อมสายลมเย็นที่พัดผ่าน ทำให้ทุกวินาทีที่สูดดมเต็มไปด้วยความสงบ อบอุ่น 

ส่วน PARV ผู้หญิงหวานแต่ไม่เลี่ยน เป็นกลิ่นความสุขของวันพักผ่อน ท่ามกลางสายลมทะเล เพิ่มความหอมละมุนของพิสตาชิโอและหนังกลับ ชวนให้คุณผ่อนคลายและปล่อยตัวไปกับช่วงเวลาที่แสนพิเศษ

เคยได้ยินมาว่า น้ำหอมจะมีการสร้างกลิ่นแบบแยกเพศชาย-หญิง สำหรับ The O.B.A. เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์น้ำหอมที่เป็น Unisex เลยหรือเปล่า

ออโต้: เวลาออกแบบน้ำหอม Unisex ก็จริง แต่มันไม่สามารถทำให้ชาย 50 หญิง 50 ได้ บางกลิ่นอาจมีความเอนเอียงไปทางความ Masculine หรือ Feminine เล็กน้อย แต่สุดท้ายมันไม่มีถูกผิด เรามองว่าการเลือกใช้น้ำหอมขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวมากกว่า

หมอแบงค์: ในปี 2025 นี้ ผมมองว่าเพศไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป น้ำหอมก็เช่นกัน มันไร้เพศ ทุกคนมีความเป็นตัวเองที่ต่างกัน

แล้วสำหรับ Body Product มีแนวคิดอย่างไร 

ออโต้: ด้วยความที่ตัวเราใช้ผลิตภัณฑ์มาเยอะ เวลาจะทำผลิตภัณฑ์ออกมาเรารู้ว่าโจทย์ที่เราอยากส่งต่อคืออะไร และรู้ว่าความรู้สึกในการใช้ประโยชน์คืออะไร และสิ่งสำคัญคือเราพยายามสร้าง routine ให้ครบตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งตอนนี้ออกมาแล้ว 7 รายการ มี Shower gel, Shampoo, Handwash, Body oil, Body lotion, Scrub และ Intimate wash

โดยที่แต่ละผลิตภัณฑ์แม้ว่าจะเป็นกลิ่น HINODE เหมือนกัน แต่ส่วนประกอบข้างในมันเฉพาะเจาะจงสำหรับฟังก์ชันของผลิตภัณฑ์นั้นๆ เช่น แชมพูใส่ Amino acid กับ Organic chamomile ที่จะช่วยซ่อมแซมเวลาเส้นผมโดนทำร้ายจากแสง UV หรือมลพิษต่างๆ จะช่วยซ่อมแซมรากผม เส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ตัวที่เป็น Intimate wash เราครีเอทขึ้นมาสำหรับ Unisex ส่วนผสมที่ใส่เข้าไปมีงานวิจัยว่าช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดและขจัดกลิ่นต่างๆ

หมอแบงค์: แล้วก็ Body oil ถือเป็นไฮไลต์ เพราะตอนนี้ขึ้นแท่นใกล้อันดับหนึ่งสินค้าขายดีของแบรนด์แล้ว ผมเป็นสาย Body oil อยู่แล้ว เวลาไปนวดก็จะไม่ได้ใช้น้ำมันที่สปา ก็จะเอาของตัวเองไป สุดท้ายก็มีประสบการณ์ว่าออยล์ที่ดีควรจะเป็นอย่างไร ถ้าใช้ที่บ้านก็ต้องซึมเร็ว แต่ถ้าใช้ที่สปาก็ยังต้องสามารถนวดได้ ไม่ได้หายวับไปเลย เพราะฉะนั้นกว่าจะทำ Body oil เนื้อนี้ออกมาใช้เวลานานมาก

ออโต้: คอนเซ็ปต์คือเราอยากได้ Body oil ที่ใช้ที่บ้านก็ได้ หรือเอาไปใช้ที่สปาก็ได้ เพราะฉะนั้นเนื้อมันจะต้องอยู่ระหว่าง ไม่เหนอะเกินและไม่แห้งเกิน

เราใส่น้ำมันจากธรรมชาติในปริมาณสูง โดยเฉพาะ Nigella sativa oil หรือ Black cumin seed oil ที่ว่ากันว่า คลีโอพัตราใช้เพื่อคงความอ่อนเยาว์ตั้งแต่ยุคโบราณ นอกจากจะช่วยบำรุงผิวแล้ว ยังมีกลิ่นที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การใช้งานอีกด้วย 

หมอแบงค์: อีกตัวที่เพิ่งออกใหม่ก็คือ Scrub ที่เราใช้เวลาพัฒนาเยอะมาก เพราะต้องการให้เม็ดเกลือไม่บาดผิว ปกติสครับส่วนใหญ่จะเป็นแบบน้ำนม แต่ของเราเป็นสครับน้ำมัน ซึ่งให้สัมผัสที่แตกต่าง นวดแล้วไม่บาดผิว และยังมีน้ำมันที่ช่วยบำรุงผิวไปพร้อมกัน หลายคนใช้แล้วบอกว่าอาบน้ำเสร็จ ผิวยังนุ่มอยู่

ออโต้: เราคิดให้ครบไปจนถึงความอ่อนโยนของสูตร อย่างเช่น SLS (Sodium lauryl sulfate) ที่มักใช้ในแชมพูและสบู่ เราก็ไม่ใส่เลยเพราะอยากให้ผลิตภัณฑ์ของเราปลอดภัยและอ่อนโยนที่สุด

น่าสนใจที่แบรนด์ของคุณทำผลิตภัณฑ์ล้างจุดซ่อนเร้นด้วย (Intimate wash)

ออโต้: เรารู้สึกว่าไหนๆ เราก็ดูแลทุกส่วนในร่างกายแล้ว จุดซ่อนเร้นก็เป็นจุดที่สำคัญ มันจะต้องมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สำหรับตรงนั้น เราใช้สารสกัดจาก Parsley seed, Lactic acid ที่มีงานวิจัยว่าใช้ร่วมกันจะช่วยปรับค่า pH และลดการสะสมของแบคทีเรีย รวมถึงลดกลิ่น 

ปกติ Intimate wash ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบเนื้อเจล แต่เราทำให้เป็นเนื้อโฟม เวลาใช้ก็จะนุ่มนวลมากขึ้น ความรู้สึกระหว่างใช้ ความรู้สึกหลังใช้จะทิ้งความชุ่มชื่นไว้แค่ไหน ส่วนประกอบข้างในจะมีอะไร ช่วยเรื่องอะไร เห็นผลไหม อ่อนโยนหรือเปล่า เราคิดหมดเลย

ผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าว่าอย่างไรบ้าง 

ออโต้: ตลาดน้ำหอมแบรนด์ไทยโตขึ้นมาก และนั่นเป็นเรื่องดีมากๆ เพราะประเทศไทยเองก็มีรากฐานที่แข็งแกร่งเรื่องกลิ่นและการบำบัด คนเริ่มเปิดใจมากขึ้น ไม่ยึดติดว่าน้ำหอมต้องมาจากฝรั่งเศสเท่านั้น แต่เลือกสิ่งที่เข้ากับตัวเองได้

สำหรับแบรนด์ The O.B.A. เรารู้สึกว่าทุกคนชอบหมดเลย เราก็ภูมิใจเพราะสิ่งที่เราพยายามส่งต่อ ทุกคนชอบและเข้าใจ 

หมอแบงค์: เห็นชัดเลยว่า พอรู้ว่าเป็นแบรนด์ไทย คนกลับอยากสนับสนุน อย่างลูกค้าต่างชาติถามว่า “แบรนด์ไทยเหรอ” พอรู้ว่าใช่ก็ซื้อทันทีเหมือนพวกเขาอยากได้ของที่มาจากบ้านเรา 

คุณเล่าว่าเน้นใช้วัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิกเป็นหลัก แสดงว่าให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้วยใช่ไหม

ออโต้: เรามีแพลนที่จะทำโปรดักส์ที่รีฟิลได้ ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการที่พัฒนาอยู่ เพราะ Core DNA ของแบรนด์มีความธรรมชาติ และเราก็อยากจะเพิ่มความยั่งยืนให้กับผลิตภัณฑ์ของเรา

หอมแบงค์: เรียกว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องใส่ใจเรื่องนี้ คีย์หลักของเราเริ่มจากธรรมชาติ ดังนั้นเรื่องความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ก็เป็นโจทย์ที่ต้องทำงานกันต่อไป ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็ต้องตระหนักได้แล้วเช่นกัน 

ในฐานะเจ้าของแบรนด์ มีมุมมองต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมน้ำหอมไทยอย่างไร

ออโต้: ผมอยากเห็นความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบของแบรนด์ที่ทำผลิตภัณฑ์ออกมา บางแบรนด์อาจมาไวไปไว แต่เรามองถึงความยั่งยืนและปลอดภัย เพราะนี่คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกาย

หมอแบงค์: ผมอยากให้ทุกคนใส่ใจเรื่องส่วนผสมและคุณภาพมากขึ้น เพราะถ้าทุกแบรนด์ทำได้ มันจะยกระดับภาพลักษณ์สินค้าไทยโดยรวมไปด้วย 

สุดท้ายก่อนจบบทสนทนา สองพาร์ตเนอร์ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ ได้ฝากถึงผู้ที่หลงใหลในกลิ่น ให้ลองไปเชยชมกลิ่นแห่งความยูนีกแต่เข้าถึงได้ง่ายกันที่ช็อป The O.B.A ตั้งอยู่ที่ตึก Gaysorn Amarin ชั้น 2 

“อยากให้มาลอง เพราะเราพิถีพิถันในการรังสรรค์กลิ่นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์การดูแลตัวเอง รวมถึงกลิ่นที่ออกแบบมาอย่างยูนีก แต่ก็ไม่ได้เข้าถึงยากจนเกินไป อยากฝากแบรนด์ไทยแบรนด์หนึ่งที่ตั้งใจทำมากๆ อยากให้ทุกคนได้มาลอง” 

ช่องทางการติดต่อ : linktr.ee/theoba.official