7 Min

เจาะลึกคอนเซ็ปต์ ‘คิดเผื่อทุกวินาที คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต’ ดึง Pain Point ลูกค้า สู่การพัฒนาต่อยอด กับประกันรถเปิดปิด แผนคุ้มครองนาน 2 ปี ครั้งแรกในไทย

7 Min
649 Views
07 Nov 2022

อย่างที่เราทราบกันดีว่า ตลาดประกันภัยนับว่าเป็นตลาดที่มีความเข้มข้นสูง มีการพัฒนาแข่งขัน รวมถึงสร้างสิ่งใหม่ๆ และมีเม็ดเงินมหาศาลที่ไหลเข้ามาสู่สังเวียนอยู่ตลอด แต่กุญแจสำคัญที่จะทำให้หลายๆแบรนด์ สามารถต่อสู้อยู่ในสมรภูมินี้ได้ อาจจะไม่ได้เป็นเพียงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือฟีเจอร์เจ๋งๆ เพียงอย่างเดียว แต่เป็นแนวคิดในการนำ  InsurTech  มาประยุกต์ใช้รวมกับ Customer Centric และ Innovation เข้าไว้ด้วยกัน 

รวมถึงไปการมองในแง่มุมของผู้บริโภคอยู่เสมอ ทั้งด้านประสบการณ์การทำประกันภัยที่ลูกค้าต้องเจอ และสิ่งที่ลูกค้าเองก็ยังนึกไม่ถึง  มีการรับฟังและมีการศึกษาอย่างเป็นรูปแบบ ทำให้เกิดความเข้าใจอย่างรอบด้าน และไม่ได้เพียงแค่ทำความรู้จักตัวตนของลูกค้าอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ยังมีการใช้ Design Thinking หาคำตอบที่ดีที่สุด และสามารถสร้างเครื่องมือที่ตอบโจทย์เหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการใช้เทคโนโลยีที่เป็นเหมือน DNA หลักเข้ามาช่วยพัฒนา และตอบโจทย์เหล่านั้นได้จริง 

และแบรนด์ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำได้จริง ก็คงจะต้องพูดถึงแบรนด์ประกันภัยอย่าง “ประกันภัยไทยวิวัฒน์ “ ที่โชว์ผลงานที่ผ่านมาในด้านการพัฒนานวัตกรรมด้านการประกันภัยมาโดยตลอด กับโปรดักส์ชูโรงอย่าง “ประกันรถเปิดปิด”  ประกันรถยนต์รูปแบบใหม่ที่เข้ามาพลิกโฉมวงการประกันภัยในบ้านเราให้ว้าวไปตามๆกัน ไม่ว่าจะเป็นคอนเซ็ปต์ “คิดค่าเบี้ยตามที่ขับจริง ” ทำให้ลูกค้าสามารถจ่ายค่าเบี้ยลดลงได้ตามการใช้งานจริง หรือการนำเทคโนโลยี IoT  มาปรับโฉมด้านการเปิดปิดประกัน อย่างอุปกรณ์ TVI Connect เพียงแค่สตาร์ทรถ หรือดับเครื่องยนต์ประกันก็จะเปิดปิดให้อัตโนมัติ  และการนำเทคโลยี AI มาสร้างสีสรรค์ให้กับวงการประกันอย่างแอปพลิเคชัน ตรวจสภาพรถ  Mars Inspect ที่เพิ่มความสะดวกในการทำประกันภัยให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆที่สามารถตอบโจทย์การบริการผ่านแอปพลิเคชัน Thaivivat  ที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเป็นหลัก 

เหตุผลเรื่อง“เวลา” กับแนวคิด  Never Stop Innovating

ล่าสุดประกันภัยไทยวิวัฒน์ได้เปิดตัวแคมเปญใหม่  ภายใต้คอนเซ็ปต์ “คิดเผื่อทุกวินาที คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต” เพื่อตอกย้ำการพัฒนาด้าน InsurTech ที่มุ้งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าให้กับลูกค้า โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ให้ “ความคุ้มค่า” และ “ความคุ้มครอง “

ด้วยคอนเซ็ปต์ดังกล่าว สะท้อนถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก ผ่าน 3  แกนหลัก ที่ไทยวิวัฒน์อยากทำให้ทุกวินาทีของทุกคนคุ้มค่า นั่นคือ Never Stop Thinking การไม่หยุดคิด, Never Stop Creating ไม่หยุดสร้างสรรค์, Never Stop Giving  ไม่หยุดส่งต่อ และภายใต้การทำงานของ 3 แกนหลักนี้จึงเป็นที่มาของการที่แบรนด์นำเอาอินไซต์และ Pain point ของลูกค้ามาศึกษา ผ่าน Design Thinking เน้นการคิดนอกกรอบ ทดลอง พัฒนาและลงมือทำเพื่อหา Solution ที่ดีที่สุด จนตกตะกอนออกมาว่า สิ่งที่ลูกค้าต้องการในปัจจุบันคือ ‘ความคุ้มค่า’ และ ‘ความคุ้มครอง’ จนเป็นที่มาของการพัฒนาต่อยอดโปรดักส์แผนใหม่ ที่นำนวัตกรรมด้าน InsurTech มาปรับใช้เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกในการใช้งานของลูกค้าได้ อย่าง “ประกันรถเปิดปิด แบบ Top-up แผนความคุ้มครอง 2 ปี” ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ Auto Top-up เติมชั่วโมงอัตโนมัติ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา

จาก Pain Point ลูกค้าสู่การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์
ประกันรถเปิดปิด เพิ่มความคุ้มค่าด้วยการเพิ่มเวลาคุ้มครอง

จากความตั้งใจในการส่งมอบทั้ง ‘ความคุ้มค่า’ และ ‘ความคุ้มครอง’ ที่เหมาะสมนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเปิดตัวใหม่เป็นครั้งแรก อย่างกรมธรรม์ ‘ประกันรถเปิดปิด’ แบบ Top-up แผนความคุ้มครอง 2 ปี  ที่มอบสิทธิที่เหนือกว่าประกันภัยทั่วไปคือ  สามารถช่วยประหยัดค่าเบี้ยกว่าประกันรถยนต์ทั่วไปสูงสุดถึง 80%   ซึ่งยังคงคอนเซ็ปต์เดิม นั่นคือ ให้จ่ายค่าเบี้ยประกันเท่าที่ขับจริง ไม่ขับ ไม่ต้องจ่ายค่าประกัน ที่มี TVI Connect อุปกรณ์เปิดปิดประกันอัตโนมัติมาเป็นตัวช่วยให้อุ่นใจในการเปิดปิดประกัน  เพียงแค่สตาร์ทรถหรือดับเครื่องยนต์ ประกันก็จะเปิดปิดให้อัตโนมัติ โดยมี Notification แจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟนของเรา ผ่านแอปพลิเคชัน Thaivivat  และสามารถทำให้เราได้ตรวจสอบการใช้งานประกันภัยของเราได้ง่ายขึ้น

ซึ่งแผนประกันรถเปิดปิด แบบ Top –up แผนคุ้มครอง 2 ปีดังกล่าว จะให้ความคุ้มครองครบเหมือนประกันรายปีทั่วไป  ทั้งชั้น 1, 2+  และ 3+ คุ้มครองครบตลอด 24 ชั่วโมง แต่ให้ระยะเวลาความคุ้มครองยาวนานขึ้น  สามารถทยอยจ่ายเบี้ยตามการใช้งานจริง  โดยให้ความคุ้มครองเริ่มต้น 70 ชั่วโมง  หรือ 730 วัน และสามารถเติมชั่วโมงความคุ้มครองเพิ่มได้ ครั้งละ 70 ชั่วโมง เริ่มต้นเพียง 650 บาทเท่านั้น  ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับประกันรถยนต์รายปีทั่วไปถือว่าเป็นประกันภัยที่ช่วยประหยัดได้มากกว่า ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ ยี่ห้อ MG รุ่น ZSEV อัตราเบี้ยประกันภัยประเภท 1 รายปี  ทุนประกันภัย 500,000 บาท เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 24,300 บาท เมื่อเทียบกับแผน ประกันรถเปิดปิด แบบ Top-up  ประเภท 1 คุ้มครอง 70 ชั่วโมง ( หรือ 730 วัน ) ทุนประกันภัย 500,000 บาท เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 9,900 บาทต่อความคุ้มครอง 2 ปี  เฉลี่ยต่อปีลูกค้าจะได้จ่ายเพียงปีละ 4,950 บาทเท่านั้น ถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่าถ้าเราใช้รถรุ่นนี้และเปลี่ยนมาใช้แผนประกันรถเปิดปิด ดังกล่าวจะทำให้เราจ่ายเบี้ยได้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด 

นอกจากพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์แล้ว การบริการก็เป็นเรื่องที่ไทยวิวัฒน์เองคำนึงถึงเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการทำประกันภัยของลูกค้า และเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน จึงได้ศึกษาอีกว่า ในอีกแง่มุมของลูกค้าบางครั้งอาจจะลืมเติมชั่วโมงความคุ้มครองกันบ้าง หรือบางรายก็ไม่อยากต้องมานั่งต่อประกันบ่อยๆ  จึงได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ Auto Top-up ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้นในการต่ออายุประกันภัย เพียงแค่ผูกบัตรเครดิต หรือเดบิตผ่านฟีเจอร์  Auto Top-up ประกันก็สามารถต่อประกันได้อัตโนมัติ นับว่าเป็นการคิดเผื่อลูกค้ามากจริงๆ

การบริการแบบใหม่ๆ 
ให้การเคลมประกันเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคยเป็นมา

เราวิเคราะห์โปรดักส์มาพอสมควร  มาดูในแง่ของการให้บริการกันบ้าง อย่างเช่นการเคลมประกันก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคคาดหวัง ซึ่งปกติแล้ว คนทั่วไปเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เราจะพบเห็นปัญหา 3 อย่างหลักๆ ก็คือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเราไม่รู้ว่าจะอธิบายสถานที่ หรือจุดเกิดเหตุอย่างไร เอกสารที่ใช้มีอะไรบ้าง ต้องยุ่งยากในการประสานงานมากแค่ไหน  ไปจนถึงขั้นตอนการซ่อมหรือการประเมินราคาของอู่ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งทางไทยวิวัฒน์ก็ศึกษาและทำความเข้าใจตรงจุดนี้ และได้พัฒนาเรื่องการให้บริการเพื่อให้ลูกค้าสะดวกมากยิ่งขึ้น แค่เพียงกดเข้าแอปพลิเคชัน Thaivivat ก็สามารถจัดการทุกอย่างได้ภายในแอปฯ เดียว โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องอธิบายเส้นทางให้ยุ่งยากในการแจ้งเหตุ เพราะเจ้าหน้าจะรู้พิกัดของเราผ่านระบบ GPS  รวมถึงการส่งเอกสารหลักฐานการเคลมต่างๆ ก็จะถูกส่งในรูปแบบของออนไลน์ ผ่านสมาร์ทโฟน ทำให้ลูกค้าสามารถจัดการได้ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่ให้ยุ่งยาก แถมลดระยะเวลาในการดำเนินงานตามขั้นตอนต่างๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนานวัตกรรมด้านการประกันภัย โดยนำเทคโนโลยี  AI มาช่วยเติมเต็มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดตัว AI Solution ใหม่ที่จะมาช่วยอู่ในการประเมินความเสียหาย พร้อมคำนวณค่าซ่อมได้อย่างแม่นยำสูงสุดถึง 90% และได้มาตรฐาน อย่าง MARS Garage ซึ่งเป็นแอปพลิเคชัน ที่จะเข้ามาช่วยย่นระยะเวลาและลดขั้นตอนการเคลม ขั้นตอนการส่งซ่อมรถของลูกค้าให้รวดเร็วมากยิ่ง

และเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าให้กับลูกค้าได้ครบถ้วนและสมบูรณ์แบบ นอกเหนือจากการบริการแล้วยังได้มอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้กับลูกค้าอีกมากมาย อาทิ การบริการที่จอดรถทั้งห้างเซ็นทรัลฯ และ HAUP CAR  ,การให้บริการล้างรถยนต์ที่ทำงานกับพาร์ทเนอร์อย่าง Wizard และ INSTAWASH  รวมถึงให้สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ โดยให้คลาสออกกำลังกายสุด Exclusive  ร่วมกับ WE fitness  และสิทธิพิเศษอื่นๆซึ่งสามารถเช็คสิทธิ์ได้ผ่านแอปฯ Thaivivat  

Seamless Insurance Service 
เมื่อทุกอย่างเชื่อมโยงกันได้แบบไร้รอยต่อ

มาถึงตรงนี้ต้องบอกเลยว่า นอกเหนือจากแบรนด์ไทยวิวัฒน์จะมีการพัฒนานวัตกรรมด้าน InsurTech อย่างเต็มรูปแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าแล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ผลิตภัณฑ์  ฟีเจอร์  หรือการบริการต่างๆเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงกันหมด ถึงแม้จะมีหน้าที่แตกต่างกัน แต่ก็นับว่ามีส่วนช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ต่างชิ้นส่วนที่พอมาประกอบกัน ทุกอย่างก็สวยงามไร้รอยต่อ 

เพราะการศึกษาInsightก็จะทำให้แบรนด์ได้เรียนรู้และการออกแบบ Customer Journey ไปในเวลาเดียวกันด้วย ถ้าเราสังเกตให้ดี ไทยวิวัฒน์พร้อมตอบโจทย์ในหลายมิติของชีวิต ตั้งแต่ก่อนซื้อกรมธรรม์ การเลือกกรมธรรม์ที่เหมาะสม ตัวแพลตฟอร์มของไทยวิวัฒน์ก็ใช้งานง่าย ได้เจอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการจริงๆ เปิดกว้างกับการจ่ายค่าเบี้ยหลายรูปแบบ 

เราจะเห็นเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาอยู่ Customer  journey เพื่อให้ทุกขั้นไร้รอยต่อมากที่สุด ทุกฟังก์ชันจะทำงานเชื่อมโยงกัน คุณไม่จำเป็นต้องกรอกเอกสารซ้ำซ้อนไปมา แค่ทำครั้งเดียวทุกอย่างก็ถูก generate เชื่อมโยงไปทั้งระบบ นั่นคือจุดที่สำคัญที่ผู้บริโภคต้องการในปัจจุบัน 

สุดท้ายนี้สิ่งที่เห็นในสร้างแบรนด์ประกันภัยไทยวิวัฒน์ นั่นคืออนาคตของธุรกิจประกันภัยของประเทศเราที่จะเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนในการพัฒนาทั้งระบบ ซึ่งในมุมของผู้บริโภคอย่างเราๆ ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีที่เราจะได้มีโอกาสเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเราได้อย่างตรงจุด ครบเหมาะสม สามารถจัดการทุกอย่างได้ง่ายไม่ยุ่งยาก และที่สำคัญคุ้มค่า กับค่าเบี้ยประกันที่เราจะต้องจ่ายไป นั่นคือเหตุผลหลักในการเลือกใช้บริการซึ่งถ้าหลายแบรนด์ทำได้แบบนี้ ผู้บริโภคเองก็มีโอกาสในการเลือกสิ่งที่คุ้มค่ากับตัวเองมากที่สุด  


สนใจรายละเอียด ประกันรถเปิดปิด แบบ Top-up  แผนความคุ้มครอง 2 ปี หรือผลิตภัณฑ์ด้านการประกันภัยจากไทยวิวัฒน์ทุกประเภท สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  (https://thaivivat.info/3WsFHwH)  หรือโทร. 02-200-7000 

โปรโมชัน : สำหรับลูกค้าประกันรถเปิดปิด แบบ Top- up แผนความคุ้มครอง 2 ปี หรือประกันรถเปิดปิด Home Plus แผนคุ้มครอง 2 ปี ซื้อครั้งแรก หรือต่ออายุประกันรถเปิดปิด แบบ Top-up แผนคุ้มครอง 2 ปี ขึ้นไป รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยสูงสุด 1,000 บาท  ระยะโปรโมชัน 4 ตุลาคม 2565 – 31 ธันวาคม 2565 

และสำหรับลูกค้าประกันรถเปิดปิด แบบ Top-up ทุกแผนความคุ้มครอง  รับชั่วโมงเพิ่ม ฟรี! 20 ชั่วโมง  เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ Auto Top-up  รับความคุ้มครองต่อเนื่องได้ไม่สะดุด ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2565 – 31 ธันวาคม 2565