งูคู่มีปีก VS งูตัวเดียว: ทำไมโลโกกระทรวงสาธารณสุขไทย ไม่เหมือนองค์การอนามัยโลก?

3 Min
1239 Views
17 Feb 2022

ในช่วงวิกฤตโควิด เราน่าจะได้เห็นทั้งองค์การอนามัยโลกและองค์การสาธารณสุขไทยมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งถ้าใครสังเกต เราจะพบว่าโลโกของทั้งสององค์กรนั้นคล้ายๆ กัน แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว เพราะโลโกองค์การอนามัยโลกเป็นงูตัวเดียวพันคทา แต่กระทรวงสาธารณสุขไทยโลโกเป็นงูพันคทาคู่ที่มีปีกด้วย

คำถามง่ายๆ เร็วๆ คือสองสิ่งนี้คือสิ่งเดียวกันหรือไม่? คำตอบเร็วๆ คือคนละสิ่งและจริงๆ มันเป็นเรื่องที่เล่าได้ด้วยหนังสือเป็นเล่มเลย แต่เราจะเล่าให้ฟังสั้นๆ

งูตัวเดียวพันคทา ชื่อสากลมันคือคทาของแอสคลีพิอัส (Rod of Asclepius) ซึ่งแอสคลีพิอัสคือเทพแห่งการรักษาของกรีก (เป็นลูกของเทพใหญ่อย่างอพอลโลอีกที) ซึ่งตำนานก็ว่าแอสคลีพิอัสมีลูกสาวอีก 5 คนซึ่ง 5 เทพธิดาที่ว่านี้ก็เป็นตัวแทนของแง่มุมของกิจกรรมทางการแพทย์ โดยบางคนก็เป็นรากศัพท์ของศัพท์ทางการแพทย์ที่เราใช้มาถึงปัจจุบัน เช่น ไฮจีอา (Hygieia) ก็เป็นที่มาของคำว่าความสะอาด (hygiene) หรือ พานาเซีย (Panacea) ก็กลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ของยารักษาสารพัดโรค

พูดง่ายๆ คนกรีกมีความเห็นแบบฉันทามติว่าแอสคลีพิอัส คือเทพแห่งการแพทย์ และก็มีทั้งรูปปั้นและวิหารเป็นหลักฐานทางโบราณคดีมากมาย และนี่เลยทำให้ทั้งยุโรปใช้คทาของแอสคลีพิอัสเป็นสัญลักษณ์แทนการแพทย์มาอย่างช้านาน และถ้าไปดูในทุกระดับเขาก็ใช้กันแบบนี้

แล้วงูสองตัวพันคทาแถมยังมีปีกล่ะ? สัญลักษณ์นี้เรียกว่า คทาคาดูเชียส (Caduceus) ซึ่งเป็นคทาของเทพเฮอร์เมส

ถ้าใครพอรู้ตำนานและวัฒนธรรมกรีก ก็คงจะพอรู้ว่าเทพเฮอร์เมสโดยพื้นฐานไม่ได้ถูกโยงว่าเกี่ยวอะไรกับการแพทย์เลย แต่จะเป็นเทพแห่งการสื่อสารและความว่องไว รวมถึงการค้า และนี่เป็นเหตุผลที่พวกพ่อค้าจะบูชาเทพเฮอร์เมสกัน

และในยุโรปการบูชาเฮอร์เมสของพวกพ่อค้าก็มีมายาวนานจนศาสนาคริสต์เข้ามามีอิทธิพลเหนือความเชื่อในยุคกลาง         

ทีนี้แล้ว คทาคาดูเชียสที่เป็นสัญลักษณ์ของเฮอร์เมสมันกลายมาเป็นโลโกกระทรวงสาธารณสุขไทยได้อย่างไร ทำไมไม่ใช่คทาของแอสคลีพิอัสแบบที่อื่น? ถ้าไปสืบค้น โลโกนี้ใช้มาตั้งแต่การตั้งกระทรวงสาธารณสุขในปี 1918 ซึ่งถ้าไปดูรากฐานของกระทรวงสาธารณสุขไทย เราก็จะพบว่ามันเกิดจากการที่ขุนนางชาวไทยอย่างพระยามหาอำมาตยาธิบดี (เส็ง วิรยศิริ) ไปดูงานด้านการแพทย์ที่ฟิลิปปินส์ในปี 1912

ซึ่งพอไปสืบค้นต่อก็โป๊ะเชะเลย เราจะพบว่ากระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ก็ใช้คทาคาดูเชียสเป็นโลโกเหมือนกระทรวงสาธารณสุขไทยเช่นกัน

ดังนันไทยน่าจะเอาการใช้คทาคาดูเชียสมาจากฟิลิปปินส์ แต่คำถามคือฟิลิปปินส์เอามาจากไหน? ถ้าไปค้น ก็จะพบว่าชาติตะวันตกที่วางรากฐานทางการแพทย์ให้ฟิลิปปินส์ต้นศตวรรษที่ 20 คือสหรัฐอเมริกา

ซึ่งถ้าไปค้นอีก เราก็จะพบว่าสมาคมแพทย์ในอเมริกาช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เคยใช้คทาคาดูเชียสเป็นโลโกจริง ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้คทาของแอสคลีพิอัสในปี 1912 และใช้มาถึงปัจจุบัน

หรือพูดง่ายๆ พวกสมาคมแพทย์อเมริกันเอาคทาคาดูเชียสไปเผยแพร่ให้ฟิลิปปินส์แล้วตัวเองก็เลิกใช้ โดยปีที่สมาคมอเมริกันเลิกใช้นั้นเป็นปีเดียวกับที่ขุนนางชาวไทยไปรับอิทธิพลด้านการแพทย์ของฟิลิปปินส์มา แล้วเอากลับมาตั้งกระทรวงสาธารณสุขในที่สุด

ทีนี้ คำถามต่อมา แล้วทำไมพวกอเมริกันถึงใช้คทาคาดูเชียสแต่แรก?

ถ้าย้อนไปดู พวกอเมริกานั้นเอาคทาคาดูเชียสมาเป็นโลโกของพวกหมอทหารมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19 แล้ว และจริงๆ จนถึงทุกวันนี้หน่วยการแพทย์ทหารในอเมริกาก็ยังใช้คทาคาดูเชียสเป็นโลโกอยู่ หรือพูดง่ายๆ คือยังมีงูสองตัวและมีปีก และในขณะที่สมาคมแพทย์เปลี่ยนมาใช้งูตัวเดียวแล้ว

คำถามคือทำไม? จริงๆ นี่เป็นดีเบตยืดยาวที่ทางฝั่งหมอทหารก็ออกมาดีเฟนด์แบบชักแม่น้ำทั้ง 5 มากๆ ตั้งแต่ไปหาเกร็ดประวัติศาสตร์ว่าจริงๆ ในช่วงหลายร้อยปีก่อนก็มีหมอในยุโรปบางคนใช้คทาคาดูเชียสเป็นโลโก ไปจนถึงการพยายามพูดถึงเทพแห่งการแพทย์ยุคก่อนกรีกที่มีการใช้สิ่งที่คล้ายๆคทาคาดูเชียสหรือกระทั่งการเคลมว่าจริงๆ ดั้งเดิมเฮอร์เมสนั้นคือสัญลักษณ์ของความเป็นกลางดังนั้นจึงไม่แปลกที่แพทย์ซึ่งเป็นผู้ต้องเป็นกลางจะใช้สัญลักษณ์นี้

แต่ข้อเท็จจริงก็คือในตอนที่หน่วยแพทย์ในกองทัพอเมริกันใช้คทาคาดูเชียสมาเป็นโลโก มันไม่มีที่ไหนในโลกเขาใช้โลโกนี้กัน ดังนั้นข้อสรุปจริงๆ แบบไม่ต้องแถอะไรก็คือ พวกอเมริกันใช้โลโกนี้แค่เพื่อจะให้ไม่เหมือนชาวบ้านน่ะแหละ มันไม่มีเหตุผลอายุเป็นพันกว่าปีอะไรทั้งนั้น

ซึ่งก็แน่นอน อย่างที่เล่า การใช้ประหลาดๆ นี้สุดท้ายสมาคมการแพทย์ของอเมริกันก็เลิกใช้ในที่สุด แต่ร่องรอยของโลโกนี้ก็ยังเหลือในองค์กรหัวแข็งอย่างหน่วยการแพทย์ทหารของอเมริกาที่ยังจะยืนยันใช้โลโกแบบเดิม และองค์กรด้านสาธารณสุขในประเทศอื่นๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากแพทย์อเมริกันในยุคที่ยังใช้คทาคาดูเชียสอยู่ เช่นกระทรวงสาธารณสุขของฟิลิปปินส์และไทย        

และนี่แหละคือที่มาของงูสองตัวพร้อมปีกในฐานะโลโกทางการแพทย์ ซึ่งหาได้ไม่กี่ที่ในโลก

อ้างอิง