เหล่านักเดินทางฟังทางนี้ วันนี้ BrandThink จะชวนทุกคนออกเดินทางไปด้วยกัน เพื่อออกตามหาและไขความลับแบบฉบับ ‘ทาโร’ แบรนด์ขนมขบเคี้ยวที่อยู่กับพวกเรามานานกว่า 40 ปี
มาดูกันดีกว่าว่าทำไมทาโร ถึงเป็นแบรนด์ปลาเส้นอันดับ 1 ที่ครองใจวัยรุ่นไทยมายาวนาน พวกเขามีแนวคิดในเรื่องไหน เค้าทำอะไร และความลับที่ถูกซ่อนไว้คืออะไรกันแน่
การเดินทางครั้งนี้จะพาคุณไปพบกับเรื่องราวมากมายผ่านน่านน้ำ และมหาสมุทรสุดยิ่งใหญ่ เพื่อไปให้ถึงขุมสมบัติแท้จริงที่ซ่อนอยู่ ขอบอกเลยว่าไม่ใช่แค่ดีต่อใจ แต่ยังดีต่อทุกคนอีกด้วย
ถ้าพร้อมแล้วก็ไขประตูสู่ความลับครั้งนี้ได้เลย
โดยการที่เราจะเดินทาง เพื่อรู้ความลับนี้ได้ ก็ต้องมีตั๋วเดินทาง ซึ่งนั่นก็คือการสแกน QR CODE จากซองทาโร และความลับแรก ที่ถูกเปิดเผยจากการเดินทาง เกิดขึ้นเมื่อทุกคนได้สแกน คือ เรื่องกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ หรือที่เรียกว่า กระบวนการ Traceability Process ที่สามารถทำให้นักเดินทางทุกคนได้รู้ว่าปลาทาโรคือปลาอะไร รู้ได้ถึงแหล่งที่มาของปลาทาโรในแต่ละซองว่าปลามาจากน่านน้ำไหน มีกระบวนการผลิตอย่างไร ก่อนจะถึงมือผู้บริโภคทุกคน แน่นอนว่าทุกเรื่องที่ได้รู้จากกระบวนการผลิตนี้ ทำให้เรารู้เลยว่าทาโรเนี่ยเป็นขนมแบรนด์แรกที่กล้าเปิดเผย จริงใจ ทั้งหมดก็เกิดจากการคำนึงและใส่ใจถึงผู้บริโภคของทาโรเป็นหลักนั่นเอง
พอยิ่งเดินทางลึกเข้าไปในพื้นที่เรื่อง Traceability เท่าไรก็ยิ่งทำให้ทุกคนได้เจอกับความลับที่ 2 ของการเดินทางครั้งนี้ นั่นก็คือ มาตรฐานการได้มาของปลาทาโร เพราะนอกจากจะรู้แหล่งที่มาของปลาเอโสะ ซึ่งเป็นปลาที่ใช้การผลิต และมีที่มาจากน่านน้ำต่างๆทั่วโลกแล้ว ทาโรคำนึงถึงผู้ร่วมเดินทางทุกคนที่อยู่ในกระบวนการผลิตนี้ โดยมีแนวคิดเรื่องความถูกต้อง และความยั่งยืน ทั้งการทำประมงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใช้แรงงานถูกต้อง ไม่เอารัดเอาเปรียบทั้งคนทั้งปลา ทั้งหมดของแนวคิดนี้จะช่วยส่งเสริมทำให้กระบวนการผลิตในระดับอุตสาหกรรม อยู่คู่กับธรรมชาติไปได้อีกนานแสนนาน แน่นอนว่าสิ่งแวดล้อมเองก็สามารถเติบโตไปได้พร้อมกันอย่างยั่งยืน เพราะสุดท้ายพวกเราทุกคนก็ต้องอยู่ร่วมกับโลกใบนี้ตลอดไป
หลังจากรู้ที่มาของปลาแล้ว ก็เดินทางถึงโรงงานผลิตก็ขอบอกเลยว่าโรงงานนี้เค้าพิถีพิถันและใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผสมวัตถุดิบ ขึ้นรูป อบ ย่างให้สุก จนตัดออกเป็นเส้นบางๆ นำไปบรรจุซอง ใส่แพ็คเก็จจิ้ง แพ็คใส่กล่อง ส่งต่อไปยังร้านค้าทั่วเมือง
ที่สำคัญโรงงานยังมีมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร หรือ Food Safety ที่สามารถไว้ใจได้ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้นับว่าเป็นการควบคุมมาตรฐานอย่างสร้างสรรค์ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยดูแลอาหารให้ปลอดภัยอย่างเป็นระบบและยั่งยืนอีกด้วย
ความลับนี้จะช่วยตอบคำถามให้เหล่านักเดินทางไขข้อข้องใจได้เลยว่าสิ่งที่กินเข้าไปนั้นไว้ใจได้
ตอนนี้เราเดินทางมาจนรู้ และมั่นใจได้แล้วว่าทาโรทุกซองปลอดภัย ก็ต้องหยิบทาโร ขนมอร่อย และมีประโยชน์ มาทานสักหน่อย พอกินเสร็จ ก่อนจะทิ้งซองขยะ ความลับที่ 3 เส้นทางใหม่ของการเดินทางเรื่องความยั่งยืนก็ได้ถูกเฉลยออกมา ทำให้รู้ว่า เรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม และสังคม ไม่ได้หยุดอยู่ที่แค่กระบวนผลิต แต่แนวคิดนี้เค้ายังส่งต่อไปถึงขั้นหลังจากที่ขนมหมดซองอีกด้วย เพราะทราบกันหรือไม่ว่า ถุงพลาสติก หรือถุงขนม ที่เรากินๆกัน มันใช้เวลาย่อยสลายถึง 450 ปี และยิ่งสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ ยิ่งซ้ำเติมปัญหาเรื่องขยะในบ้านเราอีกด้วย คราวนี้มาเจาะลึก ดูความลับเรื่องนี้ของทาโรกัน
ECO BRICKS เป็นอีกหนึ่งเส้นทางเพื่อสังคม ตอกย้ำเรื่องการจัดการกับซองพลาสติก ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม วิธีการก็ง่ายๆ คือ นำซองพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติมาทำความสะอาด แล้วอัดใส่ขวดพลาสติกให้แน่นทำเป็น ECO BRICKS หรือพลาสอิฐ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อไป
ไกด์ผู้นำทางของเรา เล่าให้ฟังต่อว่า เขาเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงเกิดเป็นโครงการ “TARO ECO BRICKS อร่อยปันกัน ลดขยะสร้างประโยชน์” ที่ให้ทุกคนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งโดยการนำซองเปล่าผลิตภัณฑ์ทาโร มาบริจาคได้ที่กล่องรับบริจาคที่ร้านปันกัน ทุกสาขา หรือตามจุดรับบริจาคอื่นๆ โดยเจ้า ECO BRICKS ที่มาจากพวกเราทุกคน จะนำมาสร้างพื้นที่เรียนรู้ การทำบ้านดิน ที่สวนศึกษาผึ้งน้อยนักสู้ ณ พึ่งสุขฟาร์มอินทรีย์ เพื่อเป็นสถานที่ในการสอนการจัดทำ ECO BRICKS ให้กับประชาชนที่สนใจ เพื่อนำมาเปลี่ยนแปลงขยะพลาสติกมาเป็นพลาสอิฐ นำมาประดิษฐ์เป็นสิ่งของให้เกิดประโยชน์ต่อไปได้ โดยความตั้งใจของทุกคนในครั้งนี้จะก่อให้เกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และสำหรับพวกเราเอง
นับว่าเป็นอีกตัวอย่างในการจัดการพลาสติกได้อย่างถูกต้อง เพราะนอกจากจะทำให้พลาสติกใช้แล้ว ไม่ถูกทิ้งลงสู่ธรรมชาติ หรือกำจัดอย่างผิดวิธี โครงการนี้ยังเป็นการต่อยอดพลาสติกใช้แล้ว หรือซองเปล่าเหล่านั้นสู่ประโยชน์ในมิติอื่นๆ ได้อีกด้วย
และในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงปลายทางของขุมทรัพย์ หลังจากที่ได้รู้ความลับมาทีละอย่าง ตั้งแต่แหล่งที่มาของวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต จนถึงซองพลาสติกที่เรากินหมดแล้ว มีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งจริงๆ ความลับทั้งหมด ล้วนแล้วเป็นเรื่องของคำว่า “Sustainability” หรือความยั่งยืน
ซึ่งความลับนี้ ที่อยู่ในทุกกระบวนการ นับว่าเป็นคำตอบที่ทาโรใส่ใจมาตั้งแต่แรก ผ่านแนวคิดของแบรนด์ “เรื่องความยั่งยืน” ที่ต้องการส่งมอบคุณค่าของสินค้าที่ดี ผ่านขั้นตอนการผลิตที่เกิดจากการใส่ใจมากกว่าแค่การผลิตสินค้าที่ดี แต่ยังคงใส่ใจไปถึงคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน รวมถึงสิ่งสำคัญที่สุด นั่นคือเรื่องสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเราจะเห็นได้จากเรื่องการทำ Traceability process และ Taro Eco Bricks ทั้งสองเรื่องนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่อง Sustainability ที่แบรนด์วางรากฐานแนวคิดนี้ตั้งแต่ต้น ซึ่งต้องการสร้างแบรนด์ให้เติบโตอย่างมีคุณค่า พร้อมกับการสร้างความสมดุลระหว่าง สังคม และสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนไปพร้อมกันอีกด้วย
นับว่าทาโรเป็นแบรนด์ขนมที่นอกจากจะอร่อย และมีการสื่อสารที่สนุกกับกลุ่มวัยรุ่นมาตลอด แต่ก็ยังสามารถครองใจผู้บริโภคได้ทุกเพศทุกวัยเช่นกัน หลังจากนี้เราคงรอติดตามกันว่าทาโรจะทำอะไรต่อไป สุดท้ายเราเชื่อว่า หากทุกอุตสาหกรรมร่วมมือกันคนละเล็กคนละน้อยในเรื่องแบบนี้ ก็คงจะทำให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น ซึ่งมันก็ก็คงจะดีต่อใจ ดีต่อทุกคน และดีต่อโลกใบใหญ่ใบนี้ของพวกเราแน่นอน