อยากรู้แต่ไม่มีเวลา อ่านแค่ตรงนี้พอ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ คนใหม่ยังไม่ทันได้แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ยื่นความจำนงว่าพร้อมระดมนักโทษมารับจ้างขุดลอกท่อระบายน้ำให้ กทม. หลังจากก่อนหน้านี้ติดปัญหาจัดซื้อจัดจ้าง ปัจจุบันแก้กฎระเบียบใหม่ให้จ้างกรมราชทัณฑ์ได้ แต่กฎหมายไทยนักโทษไม่ได้รับค่าจ้าง ซึ่งนักวิจัยเห็นว่าควรแก้ไขกฎหมายให้ผู้ต้องขังต้องยินยอมให้หักค่าใช้จ่ายในการคุมขังจากรายได้
พลันที่ ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนใหม่ แม้จะยังไม่รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ก็มีงานเข้าแล้ว นั่นคืองานลอกท่อระบายน้ำกรุงเทพมหานคร ที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแสดงความจำนงมาว่า พร้อมให้กรมราชทัณฑ์นำแรงงานนักโทษออกมาขุดลอกท่อระบายน้ำอีกครั้ง ซึ่งชัชชาติ ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ ก็ตอบรับด้วยดี ทั้งยังให้เหตุผลว่า แรงงานนักโทษลอกท่อได้ดีกว่าบริษัทเอกชนที่มีเสียงลือกันว่า “แค่เปิดฝาท่อถ่ายรูป” เท่านั้น
ที่มาที่ไปของการใช้แรงงานนักโทษลอกท่อ
การใช้แรงงานนักโทษให้มาทำงานต่างๆ ให้กับรัฐนั้นมีมาตั้งแต่สมัยอดีตกาลแล้ว แต่สำหรับกรุงเทพมหานคร พบว่า สาย หุตะเจริญ ผู้ว่าฯ กทม. ที่มาจากการแต่งตั้งโดยกระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่งระหว่าง 1 พฤษภาคม – 9 สิงหาคม 2518 เป็นผู้ว่าฯ คนแรกที่ใช้วิธีรับมือแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ โดยใช้แรงงานจากนักโทษในเรือนจำต่างๆ มาขุดลอกคูคลอง เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปได้โดยสะดวก หลังจากนั้นการใช้แรงงานนักโทษลอกท่อระบายน้ำก็มีเรื่อยมา
จนมาถึงปี 2560 มีการออก พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ ฉบับปี 2560 ให้หน่วยงานราชการทั่วประเทศใช้ ซึ่งใน พ.ร.บ.ฉบับนั้น ระบุว่า กรมราชทัณฑ์ไม่มีอาชีพรับจ้าง ทำให้ไม่สามารถจัดจ้างนักโทษจากกรมราชทัณฑ์มาล้างท่อระบายน้ำของกรุงเทพมหานครได้
ต่อมาในปี 2563 กระทรวงการคลังออกกฎหมายเปิดช่องให้สามารถจ้างนักโทษจากกรมราชทัณฑ์ได้ ในสมัย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ จึงนำข้อกฎหมายดังกล่าวมาประชุมพิจารณากันอีกครั้ง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักระบายน้ำสำนักงานเขตต่างๆ พิจารณาและอนุมัติจัดจ้างเป็นโครงการๆ ไป แต่เนื่องจากมาตรการป้องกันปัญหาโควิด-19 กรมราชทัณฑ์ไม่สามารถนำนักโทษออกมาปฏิบัติงานได้ จนกระทั่งสถานการณ์เริ่มคลี่คลายในปัจจุบัน
นักโทษลอกท่อ ใครได้ค่าจ้าง?
การใช้แรงงานนักโทษออกไปลอกท่อระบายน้ำนั้น กรมราชทัณฑ์จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคัดเลือกนักโทษเอง โดยก่อนทำงานแต่ละครั้งกรมราชทัณฑ์จะทำหนังสือสัญญาจ้างกับหน่วยงานที่ต้องการจ้างแรงงาน แต่ใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มาตรา 50 ระบุว่า “ผู้ต้องขังไม่มีสิทธิได้ค่าจ้างจากการงานที่ได้ทํา”
แต่ในกรณีที่การงานที่ได้ทําไปนั้น ก่อให้เกิดรายได้ซึ่งคํานวณเป็นราคาเงินได้ ผู้ต้องขังอาจได้รับเงินรางวัลตอบแทนจากการงานนั้นได้ การคํานวณรายได้เป็นราคาเงินและการจ่ายเงินรางวัล ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กําหนดในกฎกระทรวง กล่าวตามความเป็นจริงคือ นักโทษไม่ได้รับค่าจ้างจากการใช้แรงงานขุดลอกท่อระบายน้ำ แต่จะได้ผลตอบแทนเป็นการลดโทษแทน คือถ้าทำงาน 1 วัน ก็จะได้ลดโทษ 1 วัน
นักวิชาการทางด้านกฎหมายศึกษาพบว่า สิทธิของนักโทษไทยยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมเสนอแนะว่าควรมีการแก้ไข พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 50 เรื่องค่าจ้างแรงงานผู้ต้องขัง และหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายในการคุมขัง โดยการกำหนดให้ผู้ต้องขังต้องยินยอมให้หักค่าใช้จ่ายในการคุมขังจากรายได้
สิ่งที่น่าสนใจคือ เหตุใดการขุดลอกท่อระบายน้ำของ กทม. ที่มีระยะทางรวมกว่า 6,000 กิโลเมตร โดยการใช้แรงงานจากนักโทษนั้นจึงเป็นที่ยอมรับกันว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าการจัดซื้อจัดจ้างบริษัทเอกชนที่มีเครื่องมือทันสมัย ทำให้มีคนในสื่อโซเชียลตั้งคำถามว่าประโยค “แค่เปิดฝาท่อถ่ายรูป” อาจเป็นจริง?!
อ้างอิง
- ราชกิจจานุเบกษา. พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560. https://bit.ly/3wPW5MJ
- Post Today. กทม.แจงเหตุไม่จ้างนักโทษลอกท่อ. https://bit.ly/3wO2VT9
- ThaiJo. มาตรการทางกฎหมายว่าด้วยการใช้แรงงานผู้ต้องขัง. https://bit.ly/3arGACb