วันนี้ BrandThink และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA หน่วยงานหลักที่สนับสนุนผู้ประกอบการนวัตกรรมในประเทศไทย ได้ร่วมมือกันนำเสนอข้อมูลข่าวสารในวงการสตาร์ทอัพที่น่าสนใจอีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้ เราจะมาว่ากันด้วยเหล่า Startup ที่น่าจับตามองแห่งปี 2020 กัน
ในสายตาของคนทั่วไป ปี 2020 เป็นปีที่ดูจะไม่ดีนักของ Startup ของโลก เพราะเป็นปีที่เศรษฐกิจน่าจะแย่ที่สุดตั้งแต่โลกนี้รู้จักคำว่า Startup มา เพราะการระบาดของ COVID-19
แน่นอนว่าบนฐานแบบนี้ก็คงไม่ต้องเถียงกันว่าปีนี้เป็น “ปีที่แย่สำรับการเริ่มธุรกิจ” หรือไม่ เพราะ Startup ที่เพิ่งตั้งปีนี้และมาแรงจริงๆ ในระดับโลกก็น่าจะเป็น Startup ที่เน้นเรื่องการตรวจโรค อย่าง Curative เท่านั้นที่ “โหนกระแส” ความต้องการชุดตรวจ COVID-19 จนตั้งตัวมาได้ ส่วน Startup ในหมวดอื่นๆ ที่เพิ่งตั้งมาปีนี้และ “มาแรง” ก็น่าจะเรียกได้ว่าแทบไม่ปรากฎ
อย่างไรก็ดีปี 2020 ก็ไม่แย่เสมอไป เพราะอย่างน้อยๆ ในโลกของการลงทุนและธุรกิจ เงินยังไงมันก็ต้องไปลงสักที่ และธุรกิจที่ดูจะ “มีอนาคต” ในยุคที่ทุกอย่างในปัจจุบันมืดมนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นธุรกิจตระกูลที่เล่นกับอนาคตอย่าง Startup ซึ่งโดยธรรมชาติจะมีสปิริตของการพยายามจะ “Disrupt” โลกที่เป็นอยู่และกลายเป็นอนาคตไปในทีสุด
พูดอีกแบบ Startup ที่ตั้งมาสักพักแล้ว ก็เรียกได้ว่าเฉิดฉายพอควรในยุคแห่งการปิดพรมแดนเพื่อป้องกัน COVID-19
เจ้าแรกที่เราน่าจะพูดถึง Better.com ซึ่งเป็น Startup เพื่อกระบวนการปล่อยเงินกู้ซื้อบ้าน (ซึ่งเรียกกันว่าการ “จำนอง”) ที่มีลักษณะเฉพาะคือทุกกระบวนการทำได้แบบออนไลน์ล้วนๆ อันนี้เอาจริงๆ ธุรกิจมันดูไม่ได้มีอะไรใหม่เท่าไร ฟังดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆ มันเป็น Startup ที่ติดอันดับต้นๆ ว่าน่าจับตามองมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ตอน COVID-19 ยังไม่ระบาดอีก และพอมาปลายปีเมื่อบริษัทจัดหางานให้ Startup เจ้าสำคัญอย่าง LinkedIn จัดอันดับ Startup ที่น่าทำงานด้วยที่สุด บริษัทนี้ยังติดอันดับหนึ่งอีก ดังนั้นแม้ว่าธุรกิจมันจะดูง่ายๆ แต่มันสามารถเป็น Startup ที่น่าพูดถึงอันดับต้นๆ ในปีอันยากลำบากนี้ มันก็น่าจะมีดีน่าค้นหาแน่นอน
เอาจริงๆความโดดเด่นของ Better.com ก็ดูจะอยู่ในแพตเทิร์นโดยรวมที่น่าสนใจว่าจริงๆ ในปี 2020 นี้ Startup กลุ่มที่ดูจะยังเติบโตไปได้โดยไม่มีการสะดุดอะไรก็คือกลุ่มพวกเทคโนโลยีการเงินหรือที่เรียกกันคุ้นปากว่า “ฟินเทค” ซึ่งที่ยังยืนเด่นอย่างท้าทายก็ยังคงเป็น Robinhood ที่ดูจะมีเป้าในการ Disrupt ตลาดซื้อขายหลักทรัพย์เดิมให้เละเลยด้วยการเก็บค่าบริการที่ถูกกว่ามากๆ และก็ยังไม่มีเจ้าไหนมาสู้ได้ และนี่ก็น่าจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า COVID-19 จะแทบทำร้ายพวกฟินเทคไม่ได้เลย
นอกจากกลุ่มฟินเทคกลุ่ม Startup ที่ทำด้านข้อมูล (ถ้าภาษาที่ฮิตก่อนหน้านี้ก็คงจะต้องเรียกว่าทำเรื่อง Big Data) ก็ดูจะโตได้ดีในปี 2020 นี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลรวมๆ แบบ Databricks ทำด้านลูกค้าสัมพันธ์แบบ Outreach ทำด้านข้อมูลทางการแพทย์แบบ BrightInSight ซึ่ง Startup กลุ่มนีก็เรียกได้ว่า “กำลังมาอยู่แล้ว” ก่อน COVID-19 และการมาถึงของ COVID-19 ก็แทบจะทำอะไร Startup กลุ่มนี้ไม่ได้อีกด้วย
ทั้งนี้นอกจากกลุ่มที่ COVID-19 จะทำอะไรไม่ได้ แล้ว มันก็ยังมี Startup อีกกลุ่มที่เรียกได้ว่าได้อานิสงส์จาก COVID-19 และการล็อกดาวน์เต็มๆ ซึ่ง Startup กลุ่มที่ว่าก็ได้แก่กลุ่มที่เกี่ยวกับการส่งสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นการส่งอาหารอย่าง Doordash หรือส่งยาอย่าง Capsule หรือส่งสินค้ารวมๆ อย่าง Nuro และ Deliverr ซึ่ง Startup ก็ล้วนไม่ใช่ Startup ที่เพิ่งตั้ง (Doordash ตั้งมาปี 2013 Capsule ตั้งมาปี 2015 ส่วน Nuro และ Deliverr ตั้งมาปี 2016 และ 2017 ตามลำดับ) แต่การล็อคดาวน์อันเนื่องมาจาก COVID-19 ก็ทำให้ Startup กลุ่มนี้ “แจ้งเกิด” ในวงที่กว้างขึ้นอย่างชัดเจนเนื่องจากคนต้องการสินค้าโดยไม่ออกไปไหน ซึ่งจริงๆ นี่น่าจะเป็นแพตเทิร์นที่คล้ายกันในหลายประเทศ และ Startup เจ้าไหนจะเฉิดฉายก็ขึ้นอยู่กับว่าใครครองตลาดอยู่ (ของไทยที่ได้อานิสงส์ในทำนองเดียวกันก็น่าจะเป็น Grab, Gojek และ Foodpanda)
ซึ่งนอกจากกลุ่มส่งอาหารแล้วกลุ่มที่เกี่ยวกับ “การทำงาน” ในยุคของการล็อคดาวน์ก็ยังเรียกได้ว่าโตมากๆ ด้วย ซึ่งถ้าไม่นับ Zoom ซึ่งเข้าตลาดหุ้นไปตอนเดือนเมษายน 2020 และเสียสถานะของ Startup ไปแล้ว ก็ยังมี Loom ซึ่งเป็นบริการ “ประชุมระยะไกล” ทำนองเดียวกันที่กำลังโตในปีนี้ด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งที่ Zoom ไม่สามารถรักษาตลาดเอาไว้ทั้งๆ ที่เป็นเจ้าที่มาก่อนและมาแรงมากก็คือ ปัญหาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของซอฟต์แวร์ที่เป็นข่าวหลายต่อหลายครั้งระดับที่น่าจะไปถึงหูผู้ใช้ทั่วไปบ้างไม่มากก็น้อย
ทั้งหมดที่ว่ามาเป็น Startup บางส่วนที่มีผลงานด้านธุรกิจโดดเด่นในปี 2020 นี้ ซึ่งเราก็จะเห็นได้ว่าจะมีทั้งกลุ่มที่ COVID-19 ไม่สามารถจะทำอะไรได้ และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก COVID-19 ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ดูจะพิสูจน์ว่าปี 2020 ก็ไม่ได้เลวร้ายไปกับทุกๆ ฝ่าย ไปจนถึงความเลวร้ายที่ว่านี้ก็ดูจะไม่สามารถทัดทานธุรกิจที่ดู “มีอนาคต” จริงๆ ได้เช่นกัน
ที่มา