ปีนี้เป็นปีที่ยอดเยี่ยมของแฟน ๆ หนังที่สร้างจากการ์ตูน Marvel แน่ ๆ เพราะนอกจากหนังตัวท็อปของ Marvel อย่าง Avengers: Endgame จะได้ขึ้นทำเนียบหนังทำเงินตลอดกาลแล้ว ทาง Marvel ยังได้สิทธิในการทำหนังฮีโร่อื่น ๆ มาร่วมจักรวาลของ Marvel เพิ่มอีกหลังจาก Disney (ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Marvel ในตอนนี้) ซื้อ 21th Century Fox ไปแล้วอย่างเสร็จสมบูรณ์ ในเดือนมีนาคม 2019 หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ อีกหน่อย X-Men กับเหล่า The Avengers จะได้มารวมอยู่ในจักรวาลหนังเดียวกันของ Marvel แล้ว
แต่แฟน ๆ ก็ดีใจได้ไม่นาน เพราะล่าสุดมีข่าวร้ายมาก ๆ ว่า ฮีโร่ที่ตอนแรกน่าจะเป็นตัวชูโรงใหม่ของจักรวาล Marvel อย่าง Spider-Man จะไม่ได้อยู่ในจักรวาล Marvel อีก เพราะดีลของทาง Disney กับทาง Sony ที่เป็นผู้ถือสิทธิ์ในการทำหนัง Spider-Man ไม่ลงตัว
ตรงนี้หลายคนที่ไม่เคยตามเลย อาจสงสัยว่า อ้าว Spider-Man ไม่ใช่ของ Marvel เหรอ? แต่บางคนก็คงคุ้น ๆ ว่าจริง ๆ หนัง Spider-Man ทาง Sony เป็นเจ้าของตลอด แม้แต่ภาคล่าสุด Spider-Man: Homecoming ที่เพิ่งฉายไป
เอ๊ะ มันยังไงกัน? เราจะพาย้อนไปดูครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นในอดีตและส่งผลถึงตอนนี้
ย้อนกลับไปในยุค 1990’s ตอนนั้น Marvel ยังเป็นบริษัทหนังสือการ์ตูนอยู่ ยังไม่ได้ทำหนังเป็นล่ำเป็นสัน แล้วรุ่งเรืองอย่างทุกวันนี้ ซึ่งตอนนั้นกิจการการ์ตูนก็ไม่ดี และทำให้บริษัทถึงกับล้มละลายไปในปี 1996 ซึ่งหลังจากล้มละลายไป บริษัทก็ต้องขายสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อใช้หนี้ (อันนี้อธิบายง่าย ๆ นะครับ เพราะ Marvel ล้มละลายได้ยังไงเนี่ย เล่าละเอียดนี่คงเป็นหนังได้เรื่องนึง)
ซึ่งในช่วงนั้นสินทรัพย์ของ Marvel หลัก ๆ ก็คือตัวฮีโร่ต่าง ๆ หรือให้ตรงกว่านั้น ก็คือสิทธิ์ในการเอาฮีโร่ต่าง ๆ ไปทำสินค้าขาย ตั้งแต่หนังสือการ์ตูน ของเล่น เกม และหนัง ซึ่งในบรรดาของพวกนี้สิ่งที่ Marvel และบริษัทในเครือทำแล้วไม่เคยรุ่งเลยคือหนัง ดังนั้นในตอนนั้น มันจึงเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่จะขาย ‘สิทธิในการทำหนัง’ เกี่ยวกับฮีโร่บางตัวไปให้สตูดิโอหนังใหญ่ ๆ ที่มีศักยภาพในการทำหนังให้เวิร์กได้ เพราะถ้าหนังออกมาเวิร์ก มันก็จะส่งผลบวกกับยอดขายการ์ตูนและของเล่นที่เป็นธุรกิจของ Marvel อยู่แล้ว
ผลก็คือ Marvel ได้ขายขาดสิทธิ์ในการทำหนัง Spider-Man ไปให้กับทาง Sony ในปี 1999 ซึ่งตอนนั้น Marvel ก็ได้ลองทำหนังฮีโร่มาแล้วเรื่องหนึ่งอย่าง Blade แต่ก็ไม่ถือว่าประสบความสำเร็จเท่าไร (คือไม่เจ๊งแน่ ๆ แต่ก็ไม่ได้บูมระดับเป็นหนัง Blockbuster) ซึ่งดีลนี้ ก็ไม่ใช่การขายขาดลอย ๆ แต่ Marvel ขอส่วนแบ่งรายได้ 5% จากหนังด้วย และมันเป็นดีลที่ยอดมากแล้วของ Marvel ในยุคนั้น ที่ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในการทำหนังเลย
Sony ซื้อไปก็ไม่รอช้า ทำหนัง Spider-Man ออกมาเลยในปี 2002 และดังระเบิด ทุนสร้างไม่ถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่กวาดรายได้ไปกว่า 800 ล้านเหรียญ เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมหาศาล รายได้เรื่องเดียวสูงกว่าหนังฮีโร่ในยุคนั้นอย่าง X-Men สองภาคแรกรวมกันซะอีก (X-Men ภาคแรกฉายปี 2000 ภาคสองฉายปี 2003 รายได้รวมกันสองภาค 600 ล้านเหรียญ)
เรียกได้ว่า Spider-Man คือจุดพลิกของประวัติศาสตร์หนังฮีโร่เลย เพราะมันเป็นหนังฮีโร่ ที่ทำเงินได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ตอนนั้น (สถิติเด่น ๆ ก่อนหน้าน่าจะเป็น Batman เวอร์ชั่น Tim Burton ที่กวาดไปได้กว่า 400 ล้านเหรียญในปี 1989) และมันเปิดศักราชใหม่ ให้สตูดิโอหนังมาสนใจทำหนังฮีโร่
ซึ่ง Sony ก็ตอกย้ำความสำเร็จด้วย Spider-Man 2 ในปี 2004 ที่กวาดรายได้ไปพอ ๆ กับภาคแรก ดังนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องฟลุคแล้ว หนังฮีโร่มันขายได้จริง ๆ ขายได้ดีด้วย
และนี่ทำให้ในที่สุด Marvel ก็ได้ไปตั้งหลักใหม่ และทำ Iron Man ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกใน MCU มาในปี 2008 พร้อมกวาดรายได้ไป 500 ล้านเหรียญ และเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของสตูดิโอ Marvel มาจนถึงทุกวันนี้
ทางฝั่ง Sony ก็อย่างที่เรารู้กัน Marvel จะเดินหน้าทำหนังของตัวเองก็ทำไป แต่ Sony ก็จะทำหนัง Spider-Man ต่อไป
ซึ่งข้อเท็จจริงก็คือ ไม่ว่าจะรีบูธมากี่รอบ ไม่มีหนัง Spider-Man เรื่องไหนที่เจ๊งนะครับ ตอนอยู่ในมือ Sony รายได้ 700-800 ล้านเหรียญแบบมาตรฐานจากทุนสร้างประมาณ 100-200 ล้านเหรียญหมด แม้แต่ภาคที่ทั้งคนดูและนักวิจารณ์ด่า ๆ กัน (เช่น Spider-Man 3 ของ Sam Raimi ที่แม้นักวิจารณ์เกลียดสุดในไตรภาค แต่ทำเงินได้ไม่ได้น้อยกว่าภาคอื่นเลย) ดังนั้นสิทธิในการทำหนัง Spider-Man จึงเป็นสินทรัพย์ทำเงินชั้นดีของ Sony ที่จะไม่ยอมเสียไปแน่ ๆ
อย่างไรก็ดี ต่อมาก็อย่างที่รู้กัน Marvel ก็เริ่มทำหนังฮีโร่ ที่ขายได้ขายดีมาเรื่อย ๆ และก็ไม่แปลกที่ Marvel จะอยากได้ Spider-Man กลับมาเพื่อทำหนังเอง
แต่ก็อย่างที่บอกครับ อยู่ในมือ Sony ก็รายได้ดีอยู่แล้ว มีหรือ Sony จะยอม
เรียกได้ว่า Marvel อยากได้ Spider-Man กลับจนยอมอ่อนข้อให้ Sony สุด ๆ ถึงขนาดยอมเลิกรับส่วนแบ่ง 5% จากรายได้หนัง Spider-Man จาก Sony ไปในปี 2011 และการอ่อนข้อนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ในที่สุด Spider-Man ได้มาปรากฏตัวในจักรวาลหนังของ Marvel ครั้งแรกใน Captain America: Civil War ในปี 2016 ก่อนจะปรากฏในภาคที่ 3 และ 4 ของ Avengers ต่อมา
มาถึงตรงนี้ คนอาจสงสัยว่า เอ จริง ๆ มันก็มีหนัง Spider-Man อีกสองภาคที่เรื่องราวมันอยู่ในจักรวาล Marvel นี่ ซึ่งก็คือ Spider-Man: Homecoming กับ Spider-Man: Far From Home
ข้อเท็จจริงคือ หนังสองเรื่องนี้ เรื่องราวมันผูกกับจักรวาลของ Marvel ก็จริง และ Marvel เป็น ‘คนสร้าง’ ก็จริง แต่ ‘นายทุน’ คือ Sony และทาง Marvel ก็ไม่ได้ส่วนแบ่งรายได้ใด ๆ เลย หรือพูดง่าย ๆ หนังสองเรื่องนี้เป็นหนังที่ Sony ‘จ้าง’ ให้ Marvel ทำ (แน่นอนว่าอันนี้ก็พูดให้เข้าใจง่าย ๆ นะครับ)
อย่างไรก็ดี ล่าสุดทาง Disney ที่เป็นบริษัทแม่ของ Marvel ก็รู้สึกว่านี่มันไม่แฟร์เลยที่ให้ Marvel ทำหนังให้ Sony แล้ว Sony ได้เงินไปเต็ม ๆ ก็เลยต้องการจะดีลกับ Sony ใหม่ โดยคราวนี้ Disney เรียกร้องเลยว่าถ้าจะให้ Marvel ทำหนัง Spider-Man ให้ต่อกำไรจากหนังต้องแบ่งกันแบบครึ่ง ๆ หรือ 50-50 แล้ว ไม่ใช่ Sony กวาดไปคนเดียว
ผลคือดีลไม่สำเร็จ Sony ไม่ยอมหรอก เพราะก็อย่างที่เล่า Spider-Man อยู่ในมือ Sony จ้างผู้กำกับมือดี ๆ มามันก็กลายมาเป็นหนังทำเงินได้แบบไม่ต้องง้อสตูดิโอ Marvel ก็ได้
และการแตกกันครั้งนี้ของ Disney กับ Sony หลาย ๆ ฝ่ายก็คาดการณ์ว่า มันก็น่าจะถึงจุดสิ้นสุดของ Spider-Man คนล่าสุดอย่าง Tom Holland เพราะดีลไม่ลงตัวแบบนี้ ก็คือ Marvel จะไม่ทำหนังให้ Sony และทาง Sony ก็จะไม่ให้ Spider-Man ไปโผล่ในจักรวาล Marvel และผลสุดท้ายก็น่าจะเป็นการรีบูธอีกรอบของทาง Sony และการยุติบทบาทของ Spider-Man อย่างเงียบ ๆ ในจักรวาล Marvel
ทั้งหมดเป็นเรื่องธุรกิจที่เข้าใจได้ แต่คนที่เซ็งสุดน่าจะเป็นแฟน ๆ หนัง Marvel ที่ก่อนหน้านี้ลุ้นแทบตายให้ Spider-Man เข้าร่วมจักรวาล Marvel เพราะนี่คือฮีโร่ที่เรียกว่าเป็น ‘ตัวชูโรง’ ตัวหนึ่งเลยในบรรดาฮีโร่ดัง ๆ ของ Marvel
แต่คนที่อาจเซ็งไม่แพ้กันคือหนุ่ม Tom Holland ที่คนชื่นชมกันมากว่า เล่นบทบาท Spider-Man ได้ถึงคาแรคเตอร์กวน ๆ ของ ‘ไอ้แมงมุม’ มาก และถ้าเขาได้บทนี้ต่อไป มันก็คงจะไม่แปลกนักที่ในที่สุดคนจะมองเขาอย่างเป็นหนึ่งเดียว แยกไม่ออกจากตัวละครที่เขาเล่น อย่างที่คนติดภาพ Hugh Jackman ในบท Wolverine หรือ Robert Downey, Jr. ในบท Iron Man