9 Min

Space Tourism

9 Min
37 Views
13 Dec 2023

Space Tourism
undefined
ที่มาภาพ : Space Shuttle Columbia launching – Space tourism – Wikipedia
การท่องเที่ยวอวกาศคือการเดินทางในอวกาศของมนุษย์เพื่อจุดประสงค์ในการพักผ่อนหย่อนใจ การท่องเที่ยวอวกาศมีหลายประเภท รวมถึงการท่องเที่ยวในอวกาศในวงโคจร ใต้วงโคจร และดวงจันทร์

Orbital Space Tourism :
การท่องเที่ยวอวกาศถือกำเนิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ด้วยข้อตกลงระหว่างบริษัท MirCorp ของรัสเซีย และบริษัท Space Adventures Ltd. ของอเมริกา โดย MirCorp เป็นบริษัทร่วมทุนเอกชนที่ดูแลสถานีอวกาศ Mir เพื่อสร้างรายได้สำหรับการบำรุงรักษาสถานีอวกาศที่มีอายุเก่าแก่ MirCorp จึงตัดสินใจขายการเดินทางไปยัง Mir และ Tito กลายเป็นผู้โดยสารรายแรกที่จ่ายเงิน อย่างไรก็ตามก่อนที่ติโตจะเดินทางได้ ก็มีการตัดสินใจถอดวงโคจร Mir ออก และหลังจากการแทรกแซงของบริษัท Space Adventures Ltd. ภารกิจก็ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ ติโตซึ่งจ่ายเงิน 20 ล้านดอลลาร์สำหรับการบินบนยานอวกาศโซยุซ ทีเอ็ม-32 ของรัสเซีย ใช้เวลา 7 วันบนสถานีอวกาศนานาชาติ และถือเป็นนักท่องเที่ยวในอวกาศคนแรกของโลก

การท่องเที่ยวอวกาศในวงโคจรยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามภารกิจของติโต โดยมีเที่ยวบินไปยัง ISS โดยเศรษฐีคอมพิวเตอร์ชาวแอฟริกาใต้ มาร์ก ชัตเทิลเวิร์ธ และนักธุรกิจชาวอเมริกัน เกรกอรี โอลเซ่น ในปี พ.ศ. 2548 นักเดินทางเหล่านี้ตามมาด้วยผู้ประกอบการชาวอเมริกันโดยกำเนิดในอิหร่าน อานูเชห์ อันซารี ซึ่งกลายเป็นการบินอวกาศครั้งที่สี่ ผู้เข้าร่วมและเป็นนักเดินทางในอวกาศหญิงคนแรกที่จ่ายค่าธรรมเนียมเมื่อเธอไปเยือนสถานีอวกาศนานาชาติในเดือนกันยายน พ.ศ. 2549 ปีต่อมา มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ชาร์ลส์ ซิโมยี ได้เข้าร่วมเป็นผู้เข้าร่วมการบินอวกาศเมื่อเขาร่วมนั่งรถร่วมกับนักบินอวกาศสองคนบนยานอวกาศ Soyuz TMA และ Simonyi ได้ทำการบินครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2552 ผู้เข้าร่วมการบินอวกาศคนที่หกคือ Richard Garriott ผู้พัฒนาวิดีโอเกมชาวอเมริกัน ได้เปิดตัวในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2551 ในการบินของเขา Garriott กลายเป็นคนอเมริกันรุ่นที่สองคนแรกในอวกาศ

SpaceX บริษัทการบินอวกาศของอเมริกา อนุญาตให้เช่ายานอวกาศ Crew Dragon สำหรับการบินในวงโคจรได้ ภารกิจแรก Inspiration4 ได้นำพลเมืองส่วนตัว 4 คน ได้แก่ จาเร็ด ไอแซคแมน, เซียน พรอคเตอร์, เฮย์ลีย์ อาร์เซนโนซ์ และคริส เซมโบรสกี ขึ้นสู่วงโคจรโลกเป็นเวลาสามวันในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 อีกภารกิจหนึ่งเช่าเหมาลำโดยบริษัทการบินอวกาศของอเมริกา Axiom Space และจะ พานักบินอวกาศหนึ่งคนและนักท่องเที่ยวสามคนไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ

Suborbital Space Tourism :
แม้ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอวกาศในวงโคจรได้รับความสนใจจากสื่อมากมายหลังจากการบินของติโต แต่บริษัทอื่นๆ ก็ยังทำงานอย่างหนักในการพยายามทำให้การท่องเที่ยวในอวกาศมีผลกำไรโดยการพัฒนายานพาหนะใต้วงโคจรที่ออกแบบมาเพื่อพาผู้โดยสารขึ้นไปที่ระดับความสูง 100 กม. (62 ไมล์) นอกเหนือจากเป้าหมายในการทำให้การท่องเที่ยวในอวกาศเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์แล้ว โดยบริษัทต่างๆ ยังแข่งขันกันเพื่อชิงรางวัล Ansari X Prize ซึ่งเป็นรางวัลมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ที่มูลนิธิ X Prize Foundation มอบให้กับองค์กรพัฒนาเอกชนองค์กรแรกที่ส่งยานอวกาศที่มีลูกเรือแบบใช้ซ้ำขึ้นสู่อวกาศสองครั้งภายในสองสัปดาห์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2547 SpaceShipOne ได้รับทุนจาก Virgin Galactic และออกแบบโดยวิศวกรชาวอเมริกัน Burt Rutan จาก Scaled Composites ได้รับรางวัล X Prize

ในปี พ.ศ. 2547 พระราชบัญญัติการแก้ไขการปล่อยอวกาศเชิงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา (CSLAA) ได้กำหนดแนวทางในการควบคุมความปลอดภัยของการบินอวกาศเชิงพาณิชย์ของมนุษย์ในสหรัฐอเมริกาภายใต้การอุปถัมภ์ของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ(FAA) ภายใต้ CSLAA อย่างไรก็ตาม FAA จะไม่ได้รับอนุญาตให้กำหนดกฎระเบียบด้านความปลอดภัยใดๆ จนถึงปี 2023 เว้นแต่จะมีเหตุการณ์ร้ายแรง แนวปฏิบัติดังกล่าวกำหนดให้ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในอวกาศแจ้งผู้เข้าร่วมการบินในอวกาศเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับความเสี่ยงในการปล่อยตัวและการกลับเข้ามาใหม่ และเกี่ยวกับบันทึกความปลอดภัยของยานพาหนะที่ปล่อยยาน นอกจากนี้แนวปฏิบัติของ CSLAA ยังกำหนดให้ผู้เข้าร่วมการบินอวกาศต้องให้ความยินยอมอย่างมีข้อมูลเพื่อเข้าร่วมในการปล่อยยานอวกาศและกลับเข้าสู่อวกาศอีกครั้ง

ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอวกาศใต้วงโคจรนี้ เป็นเรื่องยากสำหรับ FAA ในการควบคุมวิธีการออกแบบยานพาหนะของบริษัทต่างๆ หรือประเมินความปลอดภัยของการปล่อยผู้เข้าร่วมการบินอวกาศสู่อวกาศ แม้จะมีข้อกังวลด้านความปลอดภัยและอุบัติเหตุระหว่างการบินทดสอบในปี 2014 ที่ทำให้นักบินอวกาศ Michael Alsbury ต้องเสียชีวิต แต่ Virgin Galactic ผู้ประกอบการชาวอังกฤษของ Richard Branson ขายที่นั่งได้หลายร้อยที่นั่งในราคา 300,000 ดอลลาร์ต่อที่นั่งสำหรับเที่ยวบินอวกาศใต้วงโคจร

Virgin Galactic ไม่ได้เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่สนใจการท่องเที่ยวในอวกาศ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่อาจทำกำไรได้เป็นพิเศษในศตวรรษที่ 21 ในเท็กซัส แต่ Blue Origin บริษัทการบินและอวกาศที่ได้รับทุนสนับสนุนจากเอกชน ได้พัฒนายานอวกาศ New Shepard ด้วยลำตัวที่มีรูปทรงกระสุนปืน New Shepard จึงบินขึ้นและลงจอดในแนวตั้ง ตรงกันข้ามกับที่ SpaceShipTwo ใช้งานยานแม่  โดย New Shepard ทำการบินครั้งแรกในวันที่ 20 กรกฎาคม 2021 เที่ยวบินที่สองของ New Shepard เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2021 ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากการที่นักแสดง William Shatner ซึ่งมีอายุ 90 ปีเป็นบุคคลที่มีอายุมากที่สุดในอวกาศในฐานะลูกเรือ

SpaceX
undefined
ที่มาภาพ : The SpaceX Factory – SpaceX – Wikipedia
SpaceX เป็นผู้ผลิตยานอวกาศ ผู้ให้บริการส่งยานอวกาศ ผู้รับเหมาด้านการป้องกัน และบริษัทสื่อสารผ่านดาวเทียมของอเมริกา ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองฮอว์ธอร์น รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนการขนส่งในอวกาศและตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร ปัจจุบันบริษัทดำเนินการจรวด Falcon 9 และ Falcon Heavy พร้อมด้วยยานอวกาศ Dragon และ Starship บริษัทนำเสนอบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink ซึ่งกลายเป็นกลุ่มดาวดาวเทียมที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในเดือนมกราคม 2563 และ ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 ประกอบด้วยดาวเทียมขนาดเล็กมากกว่า 5,000 ดวงในวงโคจร ในขณะเดียวกัน บริษัทกำลังพัฒนา Starship ซึ่งเป็นระบบปล่อยยานอวกาศที่มีน้ำหนักมากซึ่งได้รับการรับรองโดยมนุษย์ สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างเต็มที่สำหรับการบินในอวกาศระหว่างดาวเคราะห์และวงโคจร ในการบินครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 มันกลายเป็นจรวดที่ใหญ่ที่สุดและทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา เที่ยวบินที่สองเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2023 SpaceX เป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกที่พัฒนาจรวดเชื้อเพลิงเหลวที่ขึ้นสู่วงโคจรแล้ว เพื่อส่ง วงโคจร และกู้ยานอวกาศ เพื่อส่งยานอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ และส่งนักบินอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ นอกจากนี้ยังเป็นองค์กรแรกทุกประเภทที่สามารถลงจอดจรวดขับเคลื่อนในแนวดิ่งได้สำเร็จ และเป็นองค์กรแรกที่นำจรวดเสริมดังกล่าวกลับมาใช้ใหม่ จรวด Falcon 9 ของบริษัทได้ลงจอดและบินกลับมากกว่า 200 ครั้ง

ในปัจจุบัน SpaceX ผลิตจรวดขนส่งอวกาศ 2 แบบด้วยกัน คือ จรวดแบบ Falcon 9 ซึ่งประสบความสำเร็จในเที่ยวบินแรก เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553 และจรวดแบบ Falcon Heavy และ SpaceX ยังผลิตยานอวกาศแบบDragon ซึ่งเป็นยานอวกาศแบบปรับความดัน เพื่อใช้ส่งสินค้าไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ และยานอวกาศแบบ  SpaceX Dragon 2สำหรับขนส่งนักบินอวกาศและนักท่องเที่ยวอวกาศ

Blue Origin
Blue Origin: Jeff Bezos and New Shepard
ที่มาภาพ : How to watch the Blue Origin launch today? | Science | News | Express.co.uk
Blue Origin เป็นบริษัทเอกชนผู้ผลิตอวกาศและบริการการบินอวกาศระดับต่ำกว่าวงโคจร มีสำนักงานใหญ่ในเคนต์ รัฐวอชิงตัน สหรัฐ Jeff Bezos ก่อตั้งในปี 2000 และกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่ทำให้มนุษย์สามารถเดินทางไปอวกาศแบบเอกชนได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความน่าเชื่อถืออย่างมาก บลูออริจินใช้แนวทางแบบค่อยเป็นค่อยไปจากเที่ยวบินต่ำกว่าวงโคจรไปเป็นวงโคจร โดยขั้นตอนการพัฒนาตั้งอยู่บนงานก่อนหน้า

สำหรับ New Shepard จะมีรูปแบบเป็นจรวดที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งนั่นหมายความว่าในการเดินทางกับ New Shepard จะไม่จำเป็นต้องมีนักบินไปด้วยเลย โดยการบินของ New Shepard จะเป็นการบินแบบ Suborbital เช่นเดียวกัน โดยจะบินขึ้นไปเหนือชั้นบรรยากาศ และลอยอยู่บนนั้นกว่า 10 นาที ก่อนจะบินกลับลงมาสู่พื้นดิน

หากพูดถึงความสำเร็จในการทดสอบการบินต้องยอมรับว่า New Shepard ของ Blue Origin บริษัทที่ก่อตั้งเมื่อปี 2000 ประสบความสำเร็จในการทดสอบการบินมากถึง 15 ครั้ง และภายในยานของ New Shepard ยังมีระบบ Escape System อีกด้วย เพื่อช่วยลูกเรือในการอพยพออกจากยานหากเกิดข้อผิดพลาด แต่ในการทดสอบก่อนหน้านี้ กลับยังไม่มีการนำลูกเรือขึ้นไปบนจรวดเลยสักครั้ง

หลังจากพัฒนาเทคโนโลยีของตนมาเกือบ 20 ปี ทดสอบยิงจรวดไปกว่า 20 ครั้ง ล่าสุดวันนี้ Blue Origin ได้ทำภารกิจยิงจรวด New Shepard พร้อมผู้โดยสาร 4 คนขึ้นสู่อวกาศและกลับมาลงจอดได้สำเร็จ จรวด New Shepard ถูกยิงออกจากฐานยิงที่เมือง Van Horn รัฐ Texas เมื่อเวลา 20:13 น. ของวันที่ 20 กรกฎาคม 2021 ตามเวลาประเทศไทย มีผู้โดยสาร 4 คนคือ Jeff Bezos, Mark Bezos น้องชายของ Jeff, Wally Funk อดีตนักบินหญิงอายุ 82 ปี ทำสถิติมนุษย์ที่อายุมากที่สุดที่ขึ้นสู่อวกาศ และ Oliver Daemen ลูกชายอายุ 18 ปีของมหาเศรษฐีจากเนเธอร์แลนด์ ทำสถิติมนุษย์ที่อายุน้อยที่สุดที่ขึ้นสู่อวกาศหลังยิงจรวดออกไปราว 3 นาที แคปซูลที่ผู้โดยสารประจำอยู่ก็แยกตัวออกจากจรวด New Shepard ไล่เลี่ยกับการผ่าน Kármán Line หรือจุดที่ถือว่าเข้าสู่อวกาศ โดยขึ้นไปสูงสุดที่ราว 107 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล และจุดนี้จะเป็นช่วงที่ผู้โดยสารได้ลิ้มรสความรู้สึกของภาวะไร้แรงโน้มถ่วงด้วย ในขณะเดียวกัน จรวด New Shepard ก็ร่อนกลับมาลงจอดบนพื้นโลกได้สำเร็จราว 4 นาทีหลังแยกตัว ราว 8 นาทีครึ่งหลังยิงจรวด แคปซูลก็ตกกลับลงมาถึงความสูงราว 1.4 กิโลเมตรก่อนจะปล่อยร่มชูชีพเพื่อลดความเร็ว และลงแตะพื้นโลกอย่างปลอดภัย โดยทีมงานได้เข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยและต้อนรับผู้โดยสารทั้ง 4 คนกลับสู่โลก

Vergin Galactic

ที่มาภาพ : Flying Richard Branson’s Virgin Galactic: Everything You Need to Know | Vanity Fair
บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Virgin Galactic ของ Richard Branson ได้ทำการทดสอบการบินเพื่อขึ้นไปเยี่ยมชมอวกาศในระยะเวลาที่ห่างกันไม่กี่วัน โดยได้ส่งยาน VSS Unity ขึ้นไปเหนือชั้นบรรยากาศพร้อมด้วยนักบิน 2 คน และผู้โดยสารอีก 4 คน Virgin Galactic กับปฏิบัติการในภารกิจ Unity 22 เป็นภารกิจสำคัญของ Virgin Galactic ที่สร้างขึ้นมาด้วยความต้องการที่จะเปิดมิติการท่องเที่ยวบนอวกาศ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม และในภารกิจการบินครั้งนี้ Virgin Galactic ได้ทดสอบการนำคนขึ้นไปบนอวกาศ โดยมี Richard Branson, CEO ของบริษัทขึ้นไปด้วย สำหรับยานที่ Virgin Galactic ใช้ในการทดสอบบินครั้งนี้ จะมีรูปแบบเป็นเครื่องบินสำหรับบินขึ้นไปเหนือชั้นบรรยากาศ โดยได้มีการขึ้นบินด้วยยาน 2 ลำ คือ SpaceShipTwo หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า VSS Unity ซึ่งเป็นยานขับเคลื่อนที่บรรทุกผู้ร่วมเดินทางสำหรับเที่ยวชมอวกาศลำแรกของโลก และมียาน White Knight Two ที่ชื่อว่า VMS Eve เป็นยานบรรทุก SpaceShipTwo ก่อนจะส่งขึ้นไปบนอวกาศโดยทำการบินแบบ Suborbital flight ซึ่งยานของ Virgin Galactic ผลิตโดยบริษัท The Spaceship Company สำหรับ Virgin Galactic ได้เริ่มก่อตั้งบริษัทในปี 2004 หลังจากเริ่มทดสอบภารกิจ VSS Enterprise ในปี 2014 ยาน VSS ก็ได้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการทดสอบ ส่งผลให้นักบิน 1 คนเสียชีวิต และอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเมื่อปี 2019 ก็ได้มีการทดสอบอีกครั้ง และมาประสบความสำเร็จมากที่สุด คือ รอบทดสอบในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา และในครั้งล่าสุดที่มีการนำผู้โดยสารขึ้นไปด้วยนั่นเอง ทำให้เห็นว่า ทาง Virgin Galactic ได้ทำการทดสอบไปทั้งสิ้น 3 ครั้งในการบินขึ้นไปที่ความสูงกว่า 80 กิโลเมตร ที่ผ่านมาถือเป็นความสำเร็จอย่างมากของ Virgin Galactic ที่ได้ทำการปล่อยยาน VSS Unity ออกไป และส่ง SpaceShipTwo ขึ้นไปบนอวกาศได้สำเร็จ โดยในยาน SpaceShipTwo มีนักบิน 2 คน และผู้โดยสารอีก 4 คน (ซึ่งจริง ๆ แล้วยานลำนี้สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ทั้งสิ้น 6 คนและนักบิน 2 คน) ที่จะได้พบกับประสบการณ์ไร้แรงโน้มถ่วงเป็นระยะเวลากว่า 4 นาที ก่อนกลับลงมายังพื้นโลกอย่างปลอดภัย โดยระยะเวลาที่ใช้บินขึ้นจากพื้นดินใช้ไปทั้งสิ้นประมาณ 2 ชั่วโมง เนื่องจากต้องใช้เวลาในการ Take-off ค่อนข้างนาน การทดสอบบินแบบ Suborbital test flight ของ SpaceShipTwo สามารถเดินทางขึ้นไปที่ความสูง 282,000 ฟุต หรือ 86 กิโลเมตร ซึ่งยังไม่เลยเส้น Kármán line จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ายาน VSS Unity บินขึ้นไปเหนือชั้นบรรยากาศ โดยยาน VMS Eve ที่ยานบรรทุกจะบินขึ้นไปที่ความสูงประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนจะปล่อยตัวยาน VSS Unity ให้ทะยานขึ้นไปเหนือชั้นบรรยากาศ สำหรับยานของ Virgin Galactic มีการใช้ระบบเครื่องยนต์แบบ Hybrid rocket engine ซึ่งมีการใช้ Hydroxyl-terminated polybutadiene และ Nitrous oxide ซึ่งจากการศึกษาของ Martin Ross จากบริษัทการบินอวกาศเครื่องยนต์ของ Virgin Galactic มีผลกระทบต่อชั้นโอโซนมากกว่าของ Blue Origin ถึง 100 เท่า สำหรับ Virgin Galactic มีราคาตั๋วสำหรับขึ้นบินอยู่ที่ประมาณ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8,200,000 บาท

ที่มาข้อมูล : Space tourism – Wikipedia
ที่มาข้อมูล : SpaceX – Wikipedia
ที่มาข้อมูล : Space tourism | Companies, History, & Facts | Britannica
ที่มาข้อมูล : Blue Origin ทำภารกิจพา Jeff Bezos และผู้โดยสาร 3 คนไปสัมผัสอวกาศได้สำเร็จ | Blognone
ที่มาข้อมูล : เปรียบเทียบ ยานไปอวกาศ ของ Virgin Galactic vs. Blue Origin ต่างกันอย่างไร | Techsauce

งานเขียนนี้
เป็นส่วนหนึ่งของวิชา 751309 Macro Economic 2
ซึ่งสอนโดย ผศ.ดร. ณพล หงสกุลวสุ
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

งานชิ้นนี้ เขียนโดย
นาย ธนินท์รัฐ พลภัทรเศรษฐ์ 651610185