หนีก็ตาย ไม่หนีก็ตาย ทาบทับความแปลกแยกในกองทัพ จากซีรีส์ D.P. 2 และหนัง Soldier’s Girl
รีวิวซีรีส์ D.P. 2 และหนัง Soldier's Girl หนีก็ตาย ไม่หนีก็ตาย! ทาบทับความแปลกแยกในกองทัพ
หลังจากที่ได้รับรู้การมีอยู่ของซีรีส์น้ำดีจากเกาหลี ‘D.P.’ (디피) และการมีอยู่ของหน่วย D.P. (Deserter Pursuit) จริงๆ ในกองทัพ ผู้คนในเกาหลีเองก็เริ่มตื่นตัวกับปัญหาภายในค่ายทหารกันมากขึ้น ทั้งที่ในประเทศที่บังคับเกณฑ์ทหารมาตลอด -และเคร่งครัดกับระบบอาวุโสอย่างมาก- อย่างเกาหลีใต้ จะมีกรณีบังคับกดขี่และใช้อำนาจเกินกว่าเหตุในกองทัพเกิดขึ้นตลอดเวลาก็ตาม ขณะเดียวกัน มันก็บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ในทุกกลุ่มสังคมน้อยใหญ่ ทั้งในครอบครัว ในโรงเรียน และในที่ทำงาน กลายเป็นว่าซีรีส์เรื่องนี้ได้ทำตัวเป็นเสมือนสัญญาณเตือนให้คนระแวดระวังกับ ‘ความผิดปกติ’ รอบตัวยิ่งกว่าเดิมด้วย
ซีรีส์ D.P. ซีซันแรก จบลงที่ความอัดอั้นของพลทหารที่เป็นเหยื่อของการข่มเหงรังแกอยู่บ่อยครั้ง จนสุดท้ายเขาเลือกที่จะปกป้องตัวเองและ ‘เอาคืน’ กลุ่มคนที่มารังแกด้วยการกราดยิง และเหตุกราดยิงดังกล่าวก็กลายมาเป็นประเด็นเปิดเรื่องของซีรีส์ในซีซันที่ 2 ซึ่งวางตัวเองเป็น ‘เอพิโซด 7-12’ หรือก็คือเป็น ‘ส่วนเติมเต็ม’ ของทั้งโปรดักชัน มากกว่าจะเป็นเอพิโซด 1-6 ของภาคต่อ ที่มีวาระเรื่องเล่าเป็นของตัวเอง
ในเอพิโซดที่ 3 ของซีซัน 2 นี้ (เอพิโซด 9 จากทั้งหมด) ทีม D.P. ต้องติดตามล่าตัวพลทหาร จางซองมิน หรือ ‘นีนา’ ชายหนุ่มที่มีใจรักการเป็นนางโชว์ ซึ่งหายตัวไปจากกองทัพเป็นเวลานาน การติดตามตัวกลับมานั้นยากระดับต้นๆ จนเรียกได้ว่าเป็นตำนาน แล้วเมื่อคนดูค่อยๆ ทำความเข้าใจกรณีนี้มากขึ้น จะพบว่าเขาไม่ได้หลบหนีเพียงแค่เพื่อไปประกอบอาชีพที่รักเท่านั้น แต่เพื่อไปให้พ้นจาก ‘วัฒนธรรมทหาร’ ที่ความชอบของเขาทำให้เจ้าตัวถูกรังแกจากคนรอบตัวอย่างหนักด้วย
ความรู้สึกอยากหนีหายไปของนีนา ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์อีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ‘ทหารและนางโชว์’ เช่นกัน อย่าง ‘Soldier’s Girl’ ที่ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี 2003 บอกเล่าเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับ พลทหารแบร์รี วินเชลล์ (Barry Winchell) กับนางโชว์ทรานส์เจนเดอร์ แคลเพอร์เนีย แอดดัมส์ (Calpernia Addams) ซึ่งทั้งคู่คบหากัน จนทำให้เพื่อนทหารเริ่มตั้งคำถามและรังแกวินเชลล์ เพราะรสนิยมของเขา และในที่สุด เขาก็ถูกพบเป็นศพอยู่ในเขตกองทัพ โดยมีรายงานว่าเขาถูกทุบตีที่ศีรษะอย่างแรงโดยเพื่อนร่วมห้องพักขณะนอนหลับ
ทั้งที่ในความเป็นจริง และในภาพยนตร์ วินเชลล์ไม่ได้หนีจากค่ายทหาร เขาไม่ได้มีโอกาสที่จะวิ่งหนีไปอย่างนีนา และมันก็ไม่ควรจะเป็นเลยด้วยซ้ำ เพราะในสหรัฐอเมริกายุคนั้นยังมีการดำเนินมาตรการ Don’t Ask, Don’t Tell (DADT) หรือ ‘ห้ามถาม ห้ามบอก’ ที่ระบุว่า ต้องไม่มีบุคคลในกองทัพคนใดถูกเหยียดหยามหรือข่มเหงรังแกเพราะมีเพศวิถีไม่ตรงกับเพศกำเนิด อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวมีขึ้นแต่แรกเพื่อลดทอนการลิดรอนสิทธิการเข้ารับราชการของกลุ่มคนเพศทางเลือกทั้งหลาย จากที่ ‘ไม่ให้รับราชการกองทัพเลย’ เป็น ‘รับราชการกองทัพได้ ถ้าไม่เปิดเผยเพศสภาพ’
วินเชลล์เสียชีวิตลงเพราะมี ‘ใจรัก’ ในบางสิ่ง ไม่ต่างกับนีนา ที่ในเรื่องก็เสียชีวิตลงเพราะพยายามดิ้นรนให้ได้อยู่ในพื้นที่ที่อนุญาตให้เขามี ‘ใจรัก’ ในบางสิ่งเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ภายในกองทัพอย่างแน่นอน ทั้งสองเหตุการณ์ จาก 2 คอนเทนต์ จากต่างยุคสมัยนี้ ล้วนแล้วแต่ฉายภาพเดียวกันให้ผู้ชมได้เห็น นั่นก็คือ กองทัพเป็นสถาบันที่ไม่เปิดกว้าง ไม่โอบรับความหลากหลาย และขับเคลื่อนด้วยการข่มเหงความคิดจิตใจ (ไม่มากก็น้อย ในหลายๆ มิติ) สุดท้ายแล้ว พื้นที่นี้อาจไม่สามารถผลิต ‘รั้วของชาติ’ ตามเจตจำนงการก่อตั้งสถาบันก็เป็นได้
D.P. ซีซัน 1 และ 2 สตรีมครบทุกตอนแล้ว ทาง Netflix
Soldier’s Girl ไม่มีช่องทางรับชมออนไลน์
อ้างอิง:
https://annals.yonsei.ac.kr/news/articleView.html?idxno=10532
https://peabodyawards.com/award-profile/soldiers-girl/
https://www.history.com/news/dont-ask-dont-tell-repeal-compromise