สิ่งที่คนโสดอยากบอก บางครั้งการอยู่คนเดียว ก็ทำให้เราโฟกัสตัวเองได้ชัดขึ้น ดีกว่ามีคู่แล้วรับมือไม่ไหว
เชื่อว่า ‘คนโสด’ น่าจะต้องมีโมเมนต์บางวันที่จู่ๆ ก็นึกครึ้มถามตัวเองว่า “หรือมีแฟนบ้างก็น่าจะดีนะ?” แต่อีกใจก็ยังไม่อยากละทิ้งความโสดของตัวเอง
สำหรับบางคนการหาคำตอบให้คำถามนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย (แต่ก็ไม่ยาก) เพราะการเป็นโสดไม่ใช่เพียง ‘ไม่มีคู่’ แต่มันคือสภาวะที่เต็มไปด้วยชั้นความรู้สึก ทั้งความกดดันจากสายตาผู้คน ทั้งเสียงกระซิบจากสังคมที่บอกเราว่า ‘ถึงเวลาแล้ว’ เหมือนเข็มนาฬิกาที่เร่งรัดให้รีบหาคนข้างกาย แต่งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ใน Journal of Social and Personal Relationships กลับบอกกับเราว่า ความโสดไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่คือพื้นที่ซับซ้อนที่มีทั้งภาระและอิสรภาพในคราวเดียวกัน
และนี่คือเสียงสะท้อนจากเหล่าคนโสดอย่าง ‘ดียา’ (Diya) หญิงสาววัย 23 เธอบอกว่า ทันทีที่เรียนจบและเริ่มงานเต็มเวลา เหมือนทุกอย่างถูกสับสวิตช์ทันที ราวกับว่าโลกกำลังบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่เธอควร ‘เลิกโสด’ ขณะเดียวกัน ‘ธีโอ’ (Theo) วัย 28 กลับเชื่อว่า หากอายุถึง 50 แล้ว การไม่มีลูกหรือครอบครัวคือความผิดพลาดของชีวิต แต่ ‘เอเวลิน’ (Evelyn) วัย 43 กลับมีมุมมองต่างไป เธอบอกว่าแม้จะไม่ได้ชื่นชอบความโสดนัก แต่เมื่อไม่มีทางเลือกก็พร้อมจะหาความสุขในแบบที่มีอยู่ตรงหน้า
คำพูดเหล่านี้ทำให้เราเห็นชัดว่า แท้จริงแล้วความเชื่อเรื่อง ‘เวลาที่เหมาะ’ คือเงื่อนไขที่สังคมพยายามกดดันเรา และสิ่งนี้เองที่ทำให้หลายคนตีความการเป็นโสดว่าเป็นหลักฐานของความไม่เป็นที่ต้องการ
อีกทั้งนักวิจัยยังกล่าวว่า ราว 78 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ใหญ่โสด มีแนวโน้มจะมีรูปแบบความผูกพันที่ไม่มั่นคง (Insecure attachment) เต็มไปด้วยความกลัวว่าจะถูกทอดทิ้งหรือไม่คู่ควรแก่ความรัก ความโสดจึงกลายเป็นเหมือนกระจกสะท้อนความกลัวลึกๆ เหล่านั้น ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ คนที่ไม่ตีกรอบให้กับตนเองว่าควรหาคู่เมื่อไร กลับรับมือกับความโสดได้ดีกว่า เพราะพวกเขามองว่ามันคือ ‘วิถีชีวิตที่ถูกต้อง’ พวกเขาเลือกที่จะลงทุนในมิตรภาพ งานอดิเรก หรือเส้นทางเล็กๆ ที่ทำให้ใจยังคงงดงาม ไม่ใช่การรอคอยคู่รักมาเติมเต็ม อีกด้านหนึ่ง งานวิจัยยังเผยให้เห็นความขัดแย้งลึกๆ ระหว่าง ‘ความเป็นอิสระ’ และ ‘การเชื่อมโยง’
‘คาร์ลอส’ (Carlos) หนุ่มวัย 24 บอกว่า การเริ่มต้นความสัมพันธ์เหมือนถูกจำกัดเวลา เพราะชีวิตของเขาเต็มไปด้วยงาน ครอบครัว เป้าหมาย และสิ่งที่อยากทำเพื่อตัวเอง ขณะที่ ‘ฌอน’ (Sean) วัยเดียวกัน กลับพูดว่าการมีคู่คือการได้สัมผัสความใกล้ชิดที่ลึกซึ้งเกินกว่ามิตรภาพธรรมดาจะให้ได้ มันคือความอบอุ่นที่ต่างออกไป
แต่ความจริงคือ อิสระกับการเชื่อมโยงไม่จำเป็นต้องหักล้างกัน เพราะความสัมพันธ์ที่ดีคือความสัมพันธ์ที่ส่งเสริมให้ทั้งสองสิ่งอยู่ร่วมกันได้ และการโสดก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้การเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งเสมอไป เพราะเพื่อนแท้และสายสัมพันธ์ทางใจสามารถเติมเต็มเราได้เช่นกัน งานวิจัยในปี 2021 ที่ตีพิมพ์ใน Personality and Social Psychology Bulletin บอกว่าคนโสดที่พึงพอใจกับมิตรภาพของตนเอง ก็มักจะพึงพอใจในความโสดมากกว่าอีกด้วย
บางทีความโสดไม่ใช่คำพิพากษาว่าเราไม่สมบูรณ์ แต่มันคือบทเรียนให้เรารู้จักหัวใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง ว่าเราจะสามารถโอบกอดชีวิตด้วยมือเปล่าได้อย่างไร โดยไม่ต้องมีใครมากำหนดคุณค่าให้
แม้การอยู่เป็นโสดในโลกที่ยกย่องความรักโรแมนติกอาจไม่ง่าย แต่มันก็เป็นการปลดปล่อยที่งดงาม เหมือนการได้เดินคนเดียวในป่าใหญ่ ท่ามกลางแสงแดดที่ลอดผ่านต้นไม้ และพบว่าหัวใจเราแข็งแรงพอที่จะเต้นอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ไม่ว่าคุณจะโสดหรือมีคู่ บางทีสิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจว่า ความรักไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต มันเป็นเพียงบทหนึ่งเท่านั้น การตระหนักรู้เช่นนี้ต่างหากที่อาจทำให้คุณเป็นอิสระอย่างแท้จริง
อ้างอิง:
- 2 Signs That You’re Happiest When You’re Single https://shorturl.asia/vThbw