3 Min

รู้ไหม ‘ชุมชนศิลปะ’ ออนไลน์ไปถึง Shutterstock เริ่มแบน ‘ภาพโดย AI’ แล้วด้วยเหตุผลต่างๆ กัน

3 Min
1715 Views
26 Sep 2022

ปี 2022 น่าจะเป็นปีที่สำคัญของ AI วาดภาพ เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะมีมานานแล้ว แต่ปีนี้เองที่ AI หลายต่อหลายตัวออกมาดาหน้าให้คนทดลองใช้ไปจนถึงใช้จริง ไม่ว่าจะเป็น Dall-E, Mid Journey หรือ Stable Diffusion ซึ่งจุดเด่นของปีนี้ก็คือ เทคโนโลยีนี้มันไปถึงมือคนทั่วไปไม่ใช่เฉพาะคนที่เป็นเซียนคอมพิวเตอร์นั่นทำให้คนทั่วไปผลิตงานศิลปะโดย AI ได้รัวๆ ผ่านการสั่งให้วาดรูป หรือที่เรียกว่าการ ‘prompt’

แน่นอนความแพร่หลายของมันทำให้เกิดข้อถกเถียงหลากหลายตั้งแต่ว่าเราควรจะนับสิ่งเหล่านี้เป็นศิลปะหรือไม่? ไปจนถึงว่าพวกศิลปินจะตกงานมั้ย? แต่ในความเป็นจริง ตราบใดที่ยังตกลงกันไม่ได้ คนที่ใช้ AI สร้างภาพก็จะยังท้าทายนิยามความเป็นศิลปะต่อไปเรื่อยๆ โดยหนึ่งในข่าวใหญ่เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2022 คือมีคนใช้ภาพที่ Mid Journey วาดส่งไปประกวfศิลปะที่โคโลราโดแล้วได้ที่ 1 ซึ่งกรรมการก็ไม่ว่าอะไรด้วย!

เพราะกรรมการเขาเชื่อว่างานศิลปะก็คืองานศิลปะ คุณทำมันออกมาได้ก็คือได้ เขาไม่สนว่าคุณจะทำมันมายังไง และเขาก็ตัดสินในระดับเดียวกันหมด ไม่ว่าคุณจะวาดด้วยมือหรือสั่งให้ AI วาด

ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการศิลปะอย่างมาก เพราะมันคือการยอมรับว่าภาพที่ AI วาดมันเท่ากับภาพที่คนวาด เหมือนเป็นการประกาศยืนยันมาตรฐานใหม่

และก็แน่นอน นี่ทำให้คนที่ใช้ AI วาดภาพก็ยิ่งคึกคัก พวกเขาวาดภาพด้วยความสนุกออกมารัวๆ แล้วเอามันไปโพสต์ตามชุมชนศิลปะออนไลน์

นี่ทำให้ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2022 ชุมชนศิลปะออนไลน์เล็กๆ จำนวนหนึ่งเช่น Newgrounds, Inkblot Art และ Fur Affinity เริ่มมีมาตรการฟาดกลับนั่นคือ มีการเปลี่ยนระเบียบชุมชน และห้ามโพสต์ภาพที่สร้างจาก AI เด็ดขาด

แม้จะเป็นการโต้กลับของชุมชนเล็กๆ แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจว่าพวกเขาไม่ยอมรับงานศิลปะที่ไม่ได้ถูกสร้างโดยมนุษย์ และพวกเขาก็ต้องการสร้างหลักประกันว่างานศิลปะในชุมชนของพวกเขานั้นเกิดจากน้ำมือมนุษย์ทั้งหมด

แต่ก็นั่นแหละ นี่เป็นสิทธิ์ของชุมชนทางศิลปะที่จะกันอะไรบางอย่างออกไป ซึ่งในแง่หนึ่งมันก็อาจคล้ายกับชุมชนดนตรีเฉพาะแนว ที่มีมาตรการชัดเจนที่จะกันแนวดนตรีที่ไม่เข้านิยามแนวออกไปที่อื่น เพราะสุดท้ายสิ่งที่พวกเขาต้องการสร้างคือชุมชนของคนที่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน ต้องการมาเสพงานที่มนุษย์แท้สร้างขึ้นมา พวกเขาไม่ต้องการให้งานที่ AI สร้างเข้ามาปะปน

แต่นั่นก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างงานที่มนุษย์สร้างและ AI สร้างก็อาจจะค่อยๆ เปลี่ยนไปด้วย เช่นนักวาดรุ่นใหม่ๆ ก็อาจให้ AI ขึ้นภาพมาก่อน แล้วค่อยเอาไปต่อยอดด้วยตัวเอง ซึ่งถ้าคนทำอะไรแบบนี้เยอะๆ ก็จะเกิดคำถามต่อว่าแล้วแค่ไหนจะนับว่า AI สร้าง แค่ไหนจะนับว่ามนุษย์สร้าง แน่นอน, มันก็ยิ่งจะท้าทายยิ่งขึ้นไปอีก

แต่ไปๆ มาๆ ปัญหาที่อีรุงตุงนังที่สุดก็คือ คนเริ่มตั้งคำถามว่าภาพที่ AI สร้างมามันละเมิดลิขสิทธิ์ได้หรือไม่ เพราะในทางเทคนิคภาพที่ AI สร้างมันก็คือการเอาภาพจำนวนมากมาดัดแปลงซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องของความเหมาะสมหรือคำถามเชิงปรัชญาอีกแล้ว แต่เป็นเรื่องของกฎหมาย

ในทางปฏิบัติ ยังไม่มี AI ตัวไหนในโลกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางกฎหมายใดๆ ซึ่งถ้าจะพูดถึงเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ก็ว่ากันตรงๆ ว่าไม่มีกฎหมายลิขสิทธิ์ที่ใดในโลกพูดชัดๆ ว่าสิ่งที่ AI ทำ ผ่านการดูภาพจำนวนมากเพื่อเรียนรู้และสร้างแพตเทิร์นนี่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่?

เรื่องนี้นับเป็นประเด็นใหม่ แม้แต่ทางแพลตฟอร์มขายภาพชื่อดังอย่าง Shutterstock นั้นก็กลัวงานเข้าและทำการแบนภาพโดย AI บนแพลตฟอร์มเรียบร้อยแล้ว หลังมีคนแห่กันเอาภาพที่สร้างโดย AI ไปขายบนแพลตฟอร์ม เพราะถ้าปล่อยไปเรื่อยวันดีคืนดีอาจมีพวกศิลปินที่คิดว่า AI นั้นลอกงานตัวเองมาฟ้องก็ได้ ก็เลยต้องตัดไฟแต่ต้นลม

ซึ่งตรงนี้ก็น่าจะสนุกมากขึ้นไปอีก และน่าจะเป็นจุดเริ่มของสงครามใหญ่ของเหล่าศิลปินกับนักทำ AI เพราะถ้าจะมองว่าทุกสิ่งในโลกต้องมีเจ้าของที่ต้องขออนุญาตคนทำ AI จะมีปัญหาแน่ เพราะมันไม่ใช่แค่ AI วาดภาพ แต่มัน ทุก AI เลย เช่น AI ของ Google ที่เก่งขึ้นไปกับการเข้าถึงคำสืบค้นของเรามันจะถือว่าละเมิดสิทธิ์ของเราที่เอาสิ่งที่เราทำไปพัฒนา AI มั้ย? หรือเทคโนโลยี AI ตรวจจับใบหน้าของ Facebook ที่เรียนรู้จากภาพที่เราอัปโหลดขึ้นไปนั้นมันจะถือว่าละเมิดอะไรบางอย่างหรือไม่?

คำถามมันเต็มไปหมด เพราะทุกวันนี้พัฒนาการด้าน AI ส่วนใหญ่ในโลกมันก็ได้จากข้อมูลที่อยู่ในที่สาธารณะทั้งนั้น และการที่คนที่จะทำ AI ต้องไปนั่งขออนุญาตเจ้าของข้อมูลทั้งหมดก่อนเอามาป้อนระบบให้ AI เรียนรู้นั้นมันก็หมายความว่าพัฒนาการด้าน AI ของมนุษยชาติอาจช้าลงไปเป็นสิบเท่า  ร้อยเท่าเลย

และตรงนี้เราก็คงจะเห็นว่าข้อถกเถียงเกี่ยวกับ AI วาดรูปนั้นมันไม่ใช่แค่เรื่องของจริยธรรม หรือเรื่องของกฎหมายด้วยซ้ำ แต่มันผูกโยงกับพัฒนาการทางเทคโนโลยีของมนุษย์ ซึ่งบางทีมันก็ไม่มีอะไรที่ถูกต้องหรอก แค่เราเลือกทางหนึ่งพัฒนาการมันก็จะเป็นไปแบบหนึ่ง และเลือกอีกทาง พัฒนาการมันก็จะเป็นไปอีกทางเท่านั้นเอง โดยแต่ละทางมันก็มีข้อดีข้อเสียของมัน

ซึ่งสิ่งเลวร้ายที่สุดก็คือการที่เราถูกบีบให้เลือกสักทางก่อนที่เราจะเห็นแผนที่ของข้อดีข้อเสียทุกทางเลือกเสียก่อน

อ้างอิง