งานวิจัยใหม่พบว่า ‘กาแฟ’ เครื่องดื่มยอดฮิตที่เราดื่มกันอยู่เป็นประจำทุกวัน กำลังจะกลายเป็นแรงกระตุ้นรูปแบบใหม่ที่กระตุ้นให้เราอยากซื้อของมากขึ้น จนอาจทำให้เราเผลอซื้อของที่ไม่จำเป็น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ชีวิตคนทำงานจะขาดสิ่งที่เรียกว่า ‘กาแฟ’ ไปไม่ได้เลย หรือ ใครที่ไม่ชอบรสชาติของกาแฟ ก็คงเลือกเครื่องดื่มประเภทอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็น ชา หรือช็อกโกแลต เป็นต้น เพราะเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกไม่มีพลัง สมองไม่แล่น และไม่ตื่นตัวในการทำงาน เราก็มักจะเลือกเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมาช่วยกระตุ้นการทำงานของเราให้กระปรี้กระเปร่ามากยิ่งขึ้น
โดยปริมาณคาเฟอีนที่เหมาะสมต่อวันอยู่ที่ ไม่เกินวันละ 400 มิลลิกรัม หรือเท่ากับการดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน ถ้าให้พูดกันตามตรงก็คงไม่มีใครดื่มมากเกินกว่านี้อยู่แล้ว (หรือจริงๆ แล้วอาจจะมี?)
ถ้าเราได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่เพียงพอต่อวัน นั่นจะส่งผลดีต่อร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็นการช่วยสลายไขมันให้เปลี่ยนเป็นพลังงาน หรือการกระตุ้นการทำงานของสมองที่ดีมากขึ้น เพราะคาเฟอีนจะเข้าไปกระตุ้นสารที่เรียกว่า ‘โดปามีน’ ในสมองให้มีความทรงพลังมากยิ่งขึ้น
ซึ่งสิ่งสำคัญอยู่ที่คำว่า ‘กระตุ้น’ นี่แหละ “เพราะนอกจากคาเฟอีนจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของสมองให้ดียิ่งขึ้นแล้ว สารโดปามีนในสมองยังทำให้มนุษย์มีการควบคุมตัวเองน้อยลงกว่าเดิม”
ทีปยัน บิสวาส (Dipayan Biswas) หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว
การวิจัยนี้ต้องการศึกษาผลกระทบของการดื่มกาแฟก่อนเข้าไปซื้อของว่า มันส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อของที่มีมากขึ้นจริงหรือไม่ เนื่องจากสารโดปามีนที่ส่งผลให้มนุษย์ควบคุมตัวเองได้น้อยลง ซึ่งนั่นยังหมายถึง เราอาจเลือกหยิบของไปเรื่อยโดยไม่ได้คิดนั่นเอง
โดยบิสวาสได้ทำการทดสอบโดยให้ ผู้ที่ต้องการซื้อของ 300 คน เลือกเครื่องดื่มฟรี 2 ชนิด คือ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และไม่มีคาเฟอีน แล้วหลังจากทำการซื้อของเสร็จ ผู้วิจัยจะตรวจสอบใบเสร็จของทุกคนเพื่อดูปริมาณในการซื้อของ
ผลการวิจัยออกมาว่า ผู้ที่ดื่มคาเฟอีนใช้เงินจำนวนมากและมีปริมาณในการซื้อสินค้ามากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ผู้ที่ดื่มคาเฟอีนมีแนวโน้มที่จะซื้อของในหมวดที่ไม่จำเป็นมากกว่า เช่น เทียนไขหรือน้ำหอม แต่ในการซื้อของในหมวดที่จำเป็น การใช้จ่ายระหว่างคนสองกลุ่มแทบไม่ต่างกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการซื้อของที่ร้านค้าหรือซื้อของออนไลน์ ผลลัพธ์ในการวิจัยก็ออกมาในรูปแบบเดียวกัน
ถ้าหากเราสังเกตดีๆ นี่อาจจะเป็นกลยุทธ์ในการตลาดที่หลักแหลม เพราะพวกเขาตั้งใจให้ร้านกาแฟตั้งอยู่บริเวณทางเข้าของห้างสรรพสินค้าอยู่เสมอ เพื่อหวังว่ากาแฟอาจจะช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพในการขายได้ดียิ่งขึ้น
แม้ว่าในการซื้อของของเรา เราก็ต่างมีสิ่งที่ตั้งใจและวางแผนมาแล้วว่าเราจะเลือกซื้ออะไรกลับไปบ้าง แต่บางครั้งเราอาจจะหยิบของที่ไม่จำเป็นติดไม้ติดมือกลับไปด้วย เพราะนี่แหละคือ อิทธิพลของการที่เราดื่มกาแฟก่อนไปซื้อของ
บิสวาสเตือนว่า “ในฐานะของผู้บริโภคด้วยกัน การเก็บคาเฟอีนไว้ดื่มหลังซื้อของเสร็จน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีและประหยัดกว่า”
แล้วทุกคนว่ายังไงกันบ้าง? คิดว่าการตั้งร้านกาแฟบริเวณทางเข้าเป็นการเพิ่มยอดขายหรือเปล่า และคิดว่ากาแฟมีผลต่อการซื้อของที่มากขึ้นจริงหรือ หากใครมีประสบการณ์หรือลองสังเกตพฤติกรรมตัวเองดูแล้ว มาเล่าสู่กันฟังได้นะ
อ้างอิง
- iflscience. Drinking Coffee Before Shopping Could See You Spend Almost 50 Percent More Money. https://bit.ly/3AHfZvQ
- pobpad. คาเฟอีน มีประโยชน์หรือให้โทษต่อร่างกาย. https://bit.ly/2Gwaiqf