ในหลายประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยและยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต่างก็มีกฎหมายป้องกันการหมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้ายกษัตริย์ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ระดับสูง แต่กรณีของไทยซึ่งก็มีกฎหมาย (ห้าม) หมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่ว่ามา กลับกลายเป็นประเด็นที่ผู้แทนจากหลายชาติวิตกกังวลกันอย่างมาก ซึ่งกฎหมายหมิ่นพระบรมฯ นี้ก็คือกฎหมายอาญามาตรา 112 (ม.112) หรือ ‘Lese Majeste Law’ ที่มีคนพูดถึงในระดับโลกตลอดปีที่ผ่านมา
หลักฐานที่ระบุว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นระหว่างประเทศจริงๆ คือ การที่รัฐบาลไทยได้รับ ‘ข้อเสนอแนะ’ จากสมาชิกสหประชาชาติอย่างน้อย 12 ประเทศ ให้พิจารณาทบทวนหรือปฏิรูปกฎหมายนี้ในตอนที่ตัวแทนของรัฐบาลไทยไปนำเสนอรายงานสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนตามกลไกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่เรียกว่า Universal Periodic Review (UPR) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564
กฎหมายหมิ่นสถาบันของไทยมีบทลงโทษ ‘ร้ายแรง’ เกินหน้าหลายประเทศ
รายชื่อ 12 ประเทศที่เสนอให้ไทยพิจารณาทบทวนหรือปรับแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ ม.112 เป็นกลุ่มประเทศที่มีอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจอยู่ไม่น้อย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, แคนาดา, สวิตเซอร์แลนด์, เบลเยียม, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน, ออสเตรีย และลักเซมเบิร์ก
เหตุผลที่หลายประเทศกังวลต่อกฎหมายมาตรานี้ มีการระบุว่าเป็นเพราะสถิติผู้ถูกจับกุมคุมขังด้วยการอ้างอิง ม.112 ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งตอนที่เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เป็นต้นมามีจำนวนสูงมากจนน่าตกใจถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆที่มีกฎหมายใกล้เคียงกันจะเห็นได้ว่าแทบไม่มีการบังคับใช้ให้เห็นกันแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาต่างจากไทยที่มีการใช้กฎหมายนี้อย่างต่อเนื่องกับผู้ที่ออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมืองการปกครองและสถาบันหลัก
ข้อมูลของศูนย์ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ชี้ว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2564 มีผู้ถูกจับกุมและดำเนินคดีด้วยข้อหานี้ประมาณ 162 ราย และมีแนวโน้มว่าตัวเลขผู้ถูกดำเนินคดีจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะการชุมนุมเคลื่อนไหวยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นที่นานาชาติทักท้วงต่อไทยมากกว่าหนึ่งครั้ง
สิ่งที่ตัวแทนรัฐบาลประเทศอื่นมองเป็นเรื่อง ‘ไม่ปกติ’ คือการใช้กฎหมายนี้ดำเนินคดีกับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และอีกกรณีก็คือคดี ‘อัญชัญ’ อดีตข้าราชการที่แชร์คลิปยูทูบวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน และศาลไทยตัดสินว่าผิดกฎหมายอาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทำให้เธอถูกพิพากษาโทษจำคุกรวม 87 ปีจากหลายกระทง ซึ่งคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชนฯ และองค์กรระหว่างประเทศจำนวนมากเห็นตรงกันว่านี่คือบทลงโทษในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ร้ายแรงที่สุดในโลกยุคมิลเลนเนียม
ผู้นำและบุคคลสาธารณะที่มีอำนาจ ‘ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้’
อีกประเด็นที่หลายประเทศแสดงความวิตกกังวลต่อ ม.112 ของไทย เป็นเพราะกฎหมายนี้เปิดโอกาสให้ ‘ใครก็ได้’ เป็นผู้แจ้งความเอาผิดผู้ที่ตนเห็นว่ากระทำการจาบจ้วงหรือหมิ่นพระบรมฯ ซึ่งต่างจากกฎหมายหมิ่นประมาททั่วไปที่ระบุว่า ‘เจ้าทุกข์’ หรือ ‘ผู้เสียหาย’ เท่านั้นถึงจะเป็นผู้แจ้งความได้ ทำให้กฎหมายนี้ถูกมองเป็นเครื่องมือในการจัดการหรือปิดปากผู้ที่เรียกร้องความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งถ้ายึดตามหลักสากลก็จะพบว่าสิทธิเสรีภาพของพลเมืองในการแสดงความคิดเห็นหรือกดดันรัฐด้วยแนวทางสันติวิธีให้ผู้มีอำนาจเหนือกว่าประชาชนรับฟังข้อเรียกร้อง ถือเป็นสิ่งที่ ‘กระทำได้’ และรัฐที่เป็นประชาธิปไตยต้องคุ้มครองสิทธิในด้านนี้
ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่ 12 ประเทศจะเสนอแนะไทยให้ทบทวนกฎหมายอาญา ม.112 ตามกลไก UPR ก็เคยมีแถลงการณ์ของคณะผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเผยแพร่ออกมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยย้ำว่า “กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (lèse-majesté laws) ไม่มีที่ทางอยู่ในประเทศประชาธิปไตย”
เนื้อหาในตอนหนึ่งของแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล ถือว่าบุคคลสาธารณะ ซึ่งรวมถึงผู้มีอำนาจสูงสุดทางการเมืองและประมุขของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่สาธารณชน ‘พึงวิพากษ์วิจารณ์ได้’ ซึ่งถ้าจะอธิบายให้ฟังแบบง่ายๆ คือคนกลุ่มนี้ล้วนมีสถานะ บทบาท และอำนาจ (ไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือจารีตประเพณี) ที่เหนือกว่าประชาชนอยู่แล้ว หากการกระทำใดหรือการดำรงอยู่ของคนเหล่านี้มีผลกระทบต่อสาธารณชน ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องถูกตั้งคำถามหรือทักท้วงได้ และเนื้อหาตอนหนึ่งของแถลงการณ์ยังย้ำด้วยว่าการแสดงความคิดเห็นของสาธารณชนที่สร้างความขุ่นเคืองหรือทำให้บุคคลสาธารณะไม่พอใจ มิได้เป็น ‘เหตุผลอันชอบธรรม’ ในการลงโทษขั้นร้ายแรงต่อผู้กระทำผิดด้วยข้อหานี้
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) รายงานอ้างอิงคำแถลงของตัวแทนรัฐบาลไทยที่ไปรับฟังข้อเสนอแนะในเวทีสิทธิมนุษยชนระดับโลกตามกลไก UPR เมื่อปีที่แล้ว ย้ำว่าการใช้กฎหมาย ม.112 ในไทยเป็นไปอย่างชอบธรรมและระมัดระวัง โดยยืนยันว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเสาหลักอันเป็นที่รักของประชาชนในประเทศ และการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับ ม. 112 มีบทลงโทษสูงเพราะถือว่าเป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ
อ้างอิง
- Politico. European countries where insulting the head of state can land you in prison. https://politi.co/3pI4Gxt
- Article19. Thailand: Accept and implement Universal Periodic Review recommendations. https://bit.ly/3pKgsrq
- OHCHR. Thailand: UN experts alarmed by rise in use of lèse-majesté laws. https://bit.ly/3EJQXuj
- Geneva US Mission. U.S. Statement at the Universal Periodic Review of Thailand. https://bit.ly/3FPMKGY
- Reuters. Thailand defends its strict royal insults law at U.N. rights review. https://reut.rs/3FPQQik
- THLR. Human Rights Situation Report November 2021. https://bit.ly/32FFDm8