4 Min

ทั่วโลกพูดอะไรเกี่ยวกับ 112 บ้าง ?

4 Min
735 Views
13 Jan 2022

ในหลายประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยและยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต่างก็มีกฎหมายป้องกันการหมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้ายกษัตริย์ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ระดับสูง แต่กรณีของไทยซึ่งก็มีกฎหมาย (ห้าม) หมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่ว่ามา กลับกลายเป็นประเด็นที่ผู้แทนจากหลายชาติวิตกกังวลกันอย่างมาก ซึ่งกฎหมายหมิ่นพระบรมฯ นี้ก็คือกฎหมายอาญามาตรา 112 (.112) หรือ ‘Lese Majeste Law’ ที่มีคนพูดถึงในระดับโลกตลอดปีที่ผ่านมา

หลักฐานที่ระบุว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นระหว่างประเทศจริงๆ คือ การที่รัฐบาลไทยได้รับข้อเสนอแนะจากสมาชิกสหประชาชาติอย่างน้อย 12 ประเทศ ให้พิจารณาทบทวนหรือปฏิรูปกฎหมายนี้ในตอนที่ตัวแทนของรัฐบาลไทยไปนำเสนอรายงานสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนตามกลไกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่เรียกว่า Universal Periodic Review (UPR) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564

กฎหมายหมิ่นสถาบันของไทยมีบทลงโทษร้ายแรงเกินหน้าหลายประเทศ

รายชื่อ 12 ประเทศที่เสนอให้ไทยพิจารณาทบทวนหรือปรับแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ ม.112 เป็นกลุ่มประเทศที่มีอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจอยู่ไม่น้อย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, แคนาดา, สวิตเซอร์แลนด์, เบลเยียม, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน, ออสเตรีย และลักเซมเบิร์ก

เหตุผลที่หลายประเทศกังวลต่อกฎหมายมาตรานี้ มีการระบุว่าเป็นเพราะสถิติผู้ถูกจับกุมคุมขังด้วยการอ้างอิง ม.112 ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งตอนที่เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เป็นต้นมามีจำนวนสูงมากจนน่าตกใจถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆที่มีกฎหมายใกล้เคียงกันจะเห็นได้ว่าแทบไม่มีการบังคับใช้ให้เห็นกันแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาต่างจากไทยที่มีการใช้กฎหมายนี้อย่างต่อเนื่องกับผู้ที่ออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมืองการปกครองและสถาบันหลัก

ข้อมูลของศูนย์ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ชี้ว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2564 มีผู้ถูกจับกุมและดำเนินคดีด้วยข้อหานี้ประมาณ 162 ราย และมีแนวโน้มว่าตัวเลขผู้ถูกดำเนินคดีจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะการชุมนุมเคลื่อนไหวยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นที่นานาชาติทักท้วงต่อไทยมากกว่าหนึ่งครั้ง

สิ่งที่ตัวแทนรัฐบาลประเทศอื่นมองเป็นเรื่องไม่ปกติคือการใช้กฎหมายนี้ดำเนินคดีกับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี และอีกกรณีก็คือคดีอัญชัญอดีตข้าราชการที่แชร์คลิปยูทูบวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน และศาลไทยตัดสินว่าผิดกฎหมายอาญา ม.112 และ พ...คอมพิวเตอร์ ทำให้เธอถูกพิพากษาโทษจำคุกรวม 87 ปีจากหลายกระทง ซึ่งคณะมนตรีด้านสิทธิมนุษยชนฯ และองค์กรระหว่างประเทศจำนวนมากเห็นตรงกันว่านี่คือบทลงโทษในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ร้ายแรงที่สุดในโลกยุคมิลเลนเนียม

ผู้นำและบุคคลสาธารณะที่มีอำนาจต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้

อีกประเด็นที่หลายประเทศแสดงความวิตกกังวลต่อ ม.112 ของไทย เป็นเพราะกฎหมายนี้เปิดโอกาสให้ใครก็ได้เป็นผู้แจ้งความเอาผิดผู้ที่ตนเห็นว่ากระทำการจาบจ้วงหรือหมิ่นพระบรมฯ ซึ่งต่างจากกฎหมายหมิ่นประมาททั่วไปที่ระบุว่าเจ้าทุกข์หรือผู้เสียหายเท่านั้นถึงจะเป็นผู้แจ้งความได้ ทำให้กฎหมายนี้ถูกมองเป็นเครื่องมือในการจัดการหรือปิดปากผู้ที่เรียกร้องความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งถ้ายึดตามหลักสากลก็จะพบว่าสิทธิเสรีภาพของพลเมืองในการแสดงความคิดเห็นหรือกดดันรัฐด้วยแนวทางสันติวิธีให้ผู้มีอำนาจเหนือกว่าประชาชนรับฟังข้อเรียกร้อง ถือเป็นสิ่งที่กระทำได้และรัฐที่เป็นประชาธิปไตยต้องคุ้มครองสิทธิในด้านนี้

ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่ 12 ประเทศจะเสนอแนะไทยให้ทบทวนกฎหมายอาญา ม.112 ตามกลไก UPR ก็เคยมีแถลงการณ์ของคณะผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเผยแพร่ออกมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยย้ำว่ากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (lèse-majesté laws) ไม่มีที่ทางอยู่ในประเทศประชาธิปไตย

เนื้อหาในตอนหนึ่งของแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล ถือว่าบุคคลสาธารณะ ซึ่งรวมถึงผู้มีอำนาจสูงสุดทางการเมืองและประมุขของประเทศ เป็นกลุ่มคนที่สาธารณชนพึงวิพากษ์วิจารณ์ได้ซึ่งถ้าจะอธิบายให้ฟังแบบง่ายๆ คือคนกลุ่มนี้ล้วนมีสถานะ บทบาท และอำนาจ (ไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือจารีตประเพณี) ที่เหนือกว่าประชาชนอยู่แล้ว หากการกระทำใดหรือการดำรงอยู่ของคนเหล่านี้มีผลกระทบต่อสาธารณชน ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องถูกตั้งคำถามหรือทักท้วงได้ และเนื้อหาตอนหนึ่งของแถลงการณ์ยังย้ำด้วยว่าการแสดงความคิดเห็นของสาธารณชนที่สร้างความขุ่นเคืองหรือทำให้บุคคลสาธารณะไม่พอใจ มิได้เป็นเหตุผลอันชอบธรรมในการลงโทษขั้นร้ายแรงต่อผู้กระทำผิดด้วยข้อหานี้

อย่างไรก็ดี สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) รายงานอ้างอิงคำแถลงของตัวแทนรัฐบาลไทยที่ไปรับฟังข้อเสนอแนะในเวทีสิทธิมนุษยชนระดับโลกตามกลไก UPR เมื่อปีที่แล้ว ย้ำว่าการใช้กฎหมาย ม.112 ในไทยเป็นไปอย่างชอบธรรมและระมัดระวัง โดยยืนยันว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเสาหลักอันเป็นที่รักของประชาชนในประเทศ และการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับ ม. 112 มีบทลงโทษสูงเพราะถือว่าเป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ

อ้างอิง