8 Min

ข่าวลือ-เรื่องลวง-ทฤษฎีสมคบคิด และอนาคตแสนระส่ำระสายของราชวงศ์อังกฤษ (?) ทบทวน 45 วัน เกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังคิงชาร์ลสที่ 3 ประชวรด้วยโรคมะเร็ง

8 Min
142 Views
20 Mar 2024

[บทความนี้เจตนาเลือกใช้ราชาศัพท์เท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น]

นับเป็นเรื่องฮือฮาในโลกโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้ #RoyalAnnouncement และคำว่า Buckingham Palace เป็นคีย์เวิร์ดติดเทรนด์ X หรือทวิตเตอร์ ในช่วงวันที่ 18 มีนาคม 2024 เนื่องจากมีการเผยแพร่ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของการลดธงลงครึ่งเสาที่พระราชวังบักกิงแฮม

เป็นที่ทราบกันดีว่า ธงที่อยู่เหนือพระราชวังบักกิงแฮมนั้นมีความหมายหลายประการ และหนึ่งในนั้นคือการชักธง Royal Standard (ธงประจำพระองค์ของประมุขอังกฤษ) ที่หมายความว่า ประมุขประทับอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้น และเช่นเดียวกัน การลดธงครึ่งเสานั่นย่อมมี ‘ความหมายพิเศษ’ ที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์อังกฤษ

โดยนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา มีเหตุการณ์ลดธงเหนือพระราชวังบักกิงแฮมที่เกี่ยวข้องกับผู้นำสูงสุดของสถาบันและสมาชิกราชวงศ์ ที่สร้างความเศร้าสลดให้กับชาวบริเตนและผู้คนทั่วโลก ดังนี้
.การลดธงครึ่งเสาที่พระราชวังบักกิงแฮม เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1952 คิงจอร์จที่ 6 พระราชบิดาของควีนเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคต

  1. การลดธงครึ่งเสาที่พระราชวังบักกิงแฮม เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 1997 ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระชายาองค์แรกของคิงชาร์ลสที่ 3 สวรรคต (ไม่มีการลดธง Royal Standard)
  2. การลดธงครึ่งเสาที่พระราชวังบักกิงแฮม เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2022 ควีนเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคต

เหตุการณ์การลดธงลงครึ่งเสาในครั้งนี้ ทำให้เกิดการคาดเดาต่างๆ นานา เกี่ยวกับ ‘ข่าวร้าย’ ที่อาจเกิดขึ้นกับ คิงชาร์ลสที่ 3 หรือ แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ เนื่องจากทั้งสองพระองค์อยู่ในระหว่างการรักษาตัวและพักฟื้นจากอาการเจ็บป่วยที่ ‘ไม่ระบุสาเหตุที่แน่ชัด’ และเว็บไซต์ รวมถึงโซเชียลมีเดียทางการของพระราชวังบักกิงแฮมก็ไม่ได้เปิดเผยถึงสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้

ตั้งแต่สำนักพระราชวังอังกฤษแถลงการณ์ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ขณะนี้ คิงชาร์ลสที่ 3 เริ่มเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งตาม ‘แบบมาตรฐาน’ ในฐานะ ‘ผู้ป่วยนอก’ แล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังจากที่ทีมแพทย์วินิจฉัยว่า ทรงป่วยด้วย ‘โรคมะเร็งชนิดหนึ่ง’ ทำให้สายตาของผู้คนทั่วทั้งโลกต่างกลับมาให้ความสนใจความเคลื่อนไหวต่างๆ ในรั้วพระราชวังบักกิงแฮม ที่ ‘อาจ’ ทำให้ราชวงศ์อังกฤษเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้งในอนาคตอันใกล้

แม้ในแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว จะระบุเนื้อความสำคัญอีกหลายเรื่อง ได้แก่ จากนี้คิงชาร์ลสที่ 3 จะงดออกงานสาธารณะชั่วคราว โดยมีควีนคามิลลาและเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน หรือแม้แต่การแสดงความรู้สึกส่วนตัวของคิงชาร์ลสที่ 3 ที่เผยว่ายังคงมั่นใจว่าการรักษาจะเป็นไปได้ด้วยดี และทรงรอคอยที่จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ให้ได้โดยเร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้

แต่สาระสำคัญที่ชาวบริเตนและผู้คนทั้งโลกอยากทราบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น คิงชาร์ลสที่ 3 ป่วยในระยะใด หรือข้อมูลการพยากรณ์โรคว่ามีแนวโน้มจะเป็นอย่างไรต่อไป กลับ ‘ไม่ปรากฏ’ ในแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว มีเพียงแต่การยืนยันว่า ไม่ได้ทรงป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

ก่อนที่พระราชวังบักกิงแฮมจะออกแถลงการณ์ที่ระบุว่าผู้นำสถาบันสูงสุดกำลังรักษาตัวจากโรคมะเร็งที่ไม่ระบุชนิด ก่อนหน้านี้ คิงชาร์ลสที่ 3 เคยเข้ารับการรักษาอาการต่อมลูกหมากโต ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน และปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งสุดท้าย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024 ขณะที่เสด็จฯ ไปทรงร่วมพิธีทางศาสนาที่โบสถ์ในพระตำหนักซานดริงแฮม

หลังจากนั้นอีกประมาณเดือนกว่าๆ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2024 ตามเวลาท้องถิ่นอังกฤษ คิงชาร์ลสที่ 3 ‘กลับมาทรงงาน’ เป็นครั้งแรก หลังจาก ‘ลาป่วย’ โดยงานแรกเป็นการพบกับ ริชี ซูแน็ก (Rishi Sunak) นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่มาถวายรายงานการทำงานของรัฐบาลประจำสัปดาห์ ณ พระราชวังบักกิงแฮม

สื่อต่างประเทศอย่าง Metro ระบุในเนื้อข่าวว่า ‘พระพักตร์แจ่มใส แย้มพระสรวล’ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ทูลต่อคิงชาร์ลสที่ 3 ว่า “วิเศษมากที่เห็นพระองค์ทรงดูมีพระพลานามัยแข็งแรง” อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ‘ความคลุมเครือ’ ในแถลงการณ์จากสำนักพระราชวังอังกฤษ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน

สำหรับกรณี ‘ข่าวลือต่างๆ’ เกี่ยวกับ ‘แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์’ ที่หายหน้าหายตาไปจากแวดวงสังคม หลังจากที่เข้ารับการผ่าตัดช่องท้อง เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2024 และพักฟื้นที่โรงพยาบาลลอนดอน คลินิก นานถึง 13 คืน และก่อนหน้านี้พระองค์ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอีกเลย นับตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม เมื่อปีที่แล้

แม้เมื่อวานนี้ (19 มีนาคม 2024) สื่อต่างประเทศได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายของเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ที่ไปซื้อของที่ร้านวินด์เซอร์ ฟาร์ม ใกล้พระตำหนักที่ประทับ เป็นการปรากฏตัวต่อหน้าอย่างไม่เป็นทางการพร้อมกัน และไม่ใช่ภาพตัดต่ออย่างที่เคยมีการเผยแพร่มาก่อนหน้านี้ นับเป็นการสยบข่าวลือและดราม่าเกี่ยวกับเจ้าหญิงแห่งเวลส์ที่หายตัวไปตั้งแต่วันคริสต์มาสที่ผ่านมา

หากลองย้อนกลับไปสังเกตท่าทีของสำนักพระราชวังเคนซิงตันในช่วงแรกๆ และการตอบโต้ต่อข่าวลือหนาหูในโซเชียลมีเดีย ณ ขณะนั้น ทางพระราชวังเคนซิงตันทำเพียงแค่การยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง พร้อมระบุว่าเจ้าหญิงแห่งเวลส์จะไม่กลับมาปรากฏตัวต่อสาธารณะก่อนเทศกาลวันอีสเตอร์ นั่นหมายความว่า จะไม่มีผู้ใดได้พบเห็นพระองค์อีกเลย จนกว่าจะถึงวันที่ 31 มีนาคมนี้ และมีเพียงการอัปเดตอาการแบบผิวเผินเป็นระยะๆ ว่าเจ้าหญิงที่ทุกคนรอคอยนั้น ‘อาการดีขึ้นเรื่อยๆ’

แม้ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จะมีผู้พบเห็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ นั่งอยู่ในรถยนต์ยี่ห้ออาวดี้ (Audi) ระบบ 4×4 ที่แครอล มิดเดิลตัน (แม่ของเจ้าหญิงแห่งเวลส์) เป็นคนขับ ใกล้กับปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งนั่นเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกแบบ ‘เป็นการส่วนตัว’ แต่ก็ยังมีทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ เกี่ยวกับเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ออกมาเรื่อยๆ

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ข่าวลือและการคาดเดาต่างๆ นานาเกี่ยวกับเจ้าหญิงแห่งเวลส์ แพร่สะพัดและหนาหูขึ้นเรื่อยๆ อีกครั้งในโลกออนไลน์ นั่นคือ การที่เจ้าชายแห่งเวลส์ทรงยกเลิกการเดินทางไปร่วมพิธีรำลึกคอนสแตนตินที่ 2 แห่งกรีซ กษัตริย์พระองค์สุดท้ายของกรีซก่อนการล้มล้างระบอบกษัตริย์ในปี 1973 และเป็นพ่อทูลหัวของเจ้าชายแห่งเวลส์ อย่างกะทันหัน ด้วยเหตุผลส่วนตัว

ด้านที่ปรึกษาของสำนักพระราชวัง ได้ออกมาตอบโต้ ‘ความบ้าคลั่งบนโซเชียลมีเดีย’ (madness of social media) ผ่าน The Sun พร้อมระบุว่า จะ ‘ไม่มี’ การเปลี่ยนแปลงการดำเนินการใดๆ อย่างแน่นอน พร้อมยืนยันแข็งขันว่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ‘มีสิทธิ์’ ที่จะรักษาความเป็นส่วนตัว และขอให้สาธารณชนเคารพความเป็นส่วนตัวของพระองค์ด้วยเช่นกัน

จนกระทั่งในวันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา สำนักพระราชวังเคนซิงตันได้เผยแพร่ภาพเจ้าหญิงแห่งเวลส์ พร้อมลูกๆ ทั้ง 3 พระองค์ ในโอกาสวันแม่ของอังกฤษ พร้อมระบุว่า เจ้าชายแห่งเวลส์เป็นผู้ถ่ายภาพดังกล่าว แต่ภายหลังสื่อต่างประเทศหลายสำนักต่างพากันทยอยลบภาพนี้ เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการตกแต่งรูปภาพ จนเจ้าหญิงแห่งเวลส์ต้องโพสต์ข้อความขอโทษที่ทำให้เกิด ‘ความเข้าใจผิด’ ใน X บัญชีทางการ ชื่อว่า The Prince and Princess of Wales ด้วยข้อความว่า

“Like many amateur photographers, I do occasionally experiment with editing. I wanted to express my apologies for any confusion the family photograph we shared yesterday caused. I hope everyone celebrating had a very happy Mother’s Day.”

จากการเจ็บป่วยจนต้อง ‘ลางาน’ พร้อมๆ กันของผู้นำสถาบันสูงสุดและสมาชิกระดับอาวุโสแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ ทำให้เจ้าชายแห่งเวลส์ ทายาทอันดับ 1 ของบัลลังก์อังกฤษ กลายเป็น ‘ตัวแบก’ อย่างเลี่ยงไม่ได้

แต่ในขณะที่คิงชาร์ลสที่ 3 เริ่มเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งได้ไม่นาน เจ้าชายแห่งเวลส์กลับขอ ‘ลด’ งานใหญ่ๆ ลงบ้าง เพื่อทำหน้าที่ ‘พ่อ’ ที่ต้องดูแลลูกๆ ทั้ง 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายจอร์จ (10 ปี), เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ (8 ปี) และเจ้าชายหลุยส์ (5 ปี) แทนเจ้าหญิงแห่งเวลส์

ภาระอันหนักอึ้งของประมุขสูงสุดจึงตกไปอยู่ที่สมาชิกราชวงศ์อาวุโสพระองค์อื่นแทน นั่นคือ ควีนคามิลลา และเจ้าหญิงแอนน์ ผู้เป็นน้องสาวของคิงชาร์ลสที่ 3 และอาแท้ๆ ของเจ้าชายแห่งเวลส์ ซึ่งทั้งคู่ก็มีอายุมากกว่า 70 กันแล้ว 

ทำให้เกิดกระแสกดดันจากประชาชนชาวอังกฤษและโซเชียลมีเดียที่เรียกร้องให้ รัชทายาทอันดับ 1 กลับมาเป็น ‘เสาหลัก’ และทำหน้าที่เป็น ‘ตัวแทนพระราชวงศ์’ แต่เจ้าชายแห่งเวลส์ก็ยืนกรานที่จะให้ความสำคัญกับลูกๆ เป็นอันดับแรก และจะรอจนกว่าเจ้าหญิงแห่งเวลส์กลับมาแข็งแรง จึงจะกลับมาทำงานตามปกติ

อย่างไรก็ดี อีกหนึ่ง ‘รอยร้าว’ จางๆ ในราชวงศ์วินด์เซอร์ที่เห็นได้ชัดเจน จากกรณี เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ‘บินด่วน’ จากรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา กลับมาอังกฤษทันที เพื่อเยี่ยมอาการพระราชบิดาโดย ‘ไม่ได้’ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตก่อน หลังจากที่พระราชวังอังกฤษออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2024 ที่สร้าง ‘ความไม่แฮปปี้’ ให้กับควีนคามิลลา แม่เลี้ยงของดยุกแห่งซัสเซกซ์

แม้จะเป็นการพบกันสั้นๆ ประมาณ 30 นาที ระหว่างพ่อ-ลูก ที่พระตำหนักแคลเรนซ์เฮาส์ แต่กลับมีสื่อต่างประเทศรายงานว่า คิงชาร์ลสที่ 3 ก็ทรง ‘หนักใจ’ กับการเสด็จกลับมาอังกฤษในครั้งนี้ของดยุกแห่งซัสเซกซ์ แม้ว่าดัชเชสแห่งซัสเซกซ์จะไม่ได้กลับมาด้วยก็ตาม

และในวันต่อมา ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงให้สัมภาษณ์ในรายการ Good Morning America ของสหรัฐอเมริกาว่า เป็นความปีติอย่างยิ่งที่ได้ใช้เวลาร่วมกับพระราชบิดา พร้อมทรงประกาศชัดเจนว่า “พระองค์รักครอบครัวของพระองค์”

ข่าวลือนั้นไม่เพียงแต่ซัดเข้าหาพระราชวังเคนซิงตันเท่านั้น หลังจากที่คิงชาร์ลสที่ 3 เริ่มเข้ารับการรักษามะเร็งที่ทางสำนักพระราชวังอังกฤษไม่ได้ระบุชนิด ในฐานะผู้ป่วยนอกแล้ว ยังมีทฤษฎีสมคบคิดอีกมากมายเกี่ยวกับอาการของโรคและการสืบราชสันตติวงศ์อังกฤษ รวมไปถึงการอ้างอิงถึงคำทำนายของนอสตราดามุส ที่ ‘อาจ’ กล่าวถึงดวงชะตาของคิงชาร์ลสที่ 3 ไว้ในปีนี้

ด้วยปัญหาสุขภาพที่รุมเร้า อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กษัตริย์อังกฤษวัย 75 สละราชสมบัติและส่งต่อมงกุฎไปให้ เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ พระราชโอรสองค์โต ขึ้นครองบัลลังก์อังกฤษแทน

ด้าน ทอม ควินน์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องราชวงศ์อังกฤษให้สัมภาษณ์กับ The Mirror ว่า คิงชาร์ลสที่ 3 ยังทรงตระหนักดีว่า ว่าที่กษัตริย์ของอังกฤษ คือ เจ้าชายวิลเลียม ผู้ซึ่งเป็นหัวใจของแผนสืบทอดราชบัลลังก์ ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

แม้ก่อนหน้านี้ สำนักพระราชวังอังกฤษเชื่อว่า คิงชาร์ลสที่ 3 จะมีพระพลานามัยแข็งแรงไปจนถึงอายุประมาณ 85 พรรษา แล้วจึงค่อยเริ่มแผนสืบทอดราชบัลลังก์ แต่การตรวจพบโรคมะเร็งนั้นมาเร็วกว่าที่คิด และอาจรุนแรงกว่าที่สำนักพระราชวังอังกฤษพยายามทำให้สาธารณชนเข้าใจเช่นนั้น

นอกจากนั้น ทอม ควินน์ ยังแสดงความเห็นด้วยว่า แผนสืบทอดราชบัลลังก์เป็น ‘ความลับขั้นสูง’ และไม่มีผู้ใดเชื่อว่าดยุกแห่งซัสเซกซ์จะได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ เนื่องจากอุปนิสัยส่วนพระองค์ ที่หากเกิดเรื่องที่ทำให้ดยุกแห่งซัสเซกซ์รู้สึกกำลังโดนดูถูก หรือไม่ได้รับในสิ่งที่พระองค์รู้สึกไปเองว่าสมควรได้รับ เรื่องราวความลับขั้นสูงนี้อาจไปถึงหูสำนักข่าวและสื่อต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

นับเป็นช่วงเวลา 45 วันที่ความโกลาหลวุ่นวาย ข่าวลือ เรื่องลวง และทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ได้ถาโถมโหมกระหน่ำซัดหน้ารั้วพระราชวังอังกฤษอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าสิ่งใดและความเปลี่ยนแปลงใดก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้นภายใต้ร่มเงาของชายคาพระราชวังบักกิงแฮม นั่นหมายถึง ‘แรงกระเพื่อมใหญ่’ ที่กำลังกระทบกับสังคมโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้

เพราะนี่คืออีกหนึ่งราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่และยาวนานที่สุดในโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สายตาหลายล้านคู่จากทั่วทุกมุมโลกจะกำลังจับจ้องอย่างไม่คลาดสายตา 

อ้างอิง

  • King Charles pictured back at work for the first time since cancer diagnosis https://shorturl.asia/X4YEj
  • King Charles leaves hospital as Kate recovers at home https://shorturl.asia/UyToz
  • Princess of Wales returns home after 14-day hospital stay laden with gifts from well-wishers – before a cheery King Charles gives a wave as he leaves same clinic hours later after prostate operation https://shorturl.asia/IbQoy
  • UTTER MADNESS Palace aides blast wild conspiracy theories about Princess Kate’s health branding them ‘madness of social media’ https://shorturl.asia/Gf30A
  • ‘What a treat to see her!’ Royal watchers share joy as Princess of Wales is seen in public for first time since her op in school run photos published in US – silencing conspiracy theorists and showing her recovery is progressing https://shorturl.asia/1iodV
  • KATE Middleton has been seen for the first time since her hospital operation. https://shorturl.asia/omTPZ
  • Palace breaks silence on Kate Middleton conspiracy theories as spokesman says royal is focusing ‘on his work and not on social media’ https://shorturl.asia/omTPZ
  • ‘Finally, everyone can calm down’: Palace source suggests picture of Kate Middleton smiling on farm shop trip with Prince William should stop conspiracy theorists circling https://shorturl.asia/V4DM9
  • EXCLUSIVE: King Charles’ succession plans in motion and Prince Harry won’t be trusted, says expert https://shorturl.asia/0UQiE
  • X The Prince and Princess of Wales @KensingtonRoyal https://shorturl.asia/QOIKS
  • Kate, Princess of Wales, apologizes for altering family photo that fueled rumors about her health https://shorturl.asia/cSshf
  • Prince Harry ‘outraged’ Camilla with his behaviour during 30-minute visit to King Charles https://shorturl.asia/GN09Q
  • Prince Harry talks seeing King Charles amid cancer battle: ‘I love my family’ https://shorturl.asia/W2AlN