เพียง 500,000 บาท ก็มีลูกกับหุ่นยนต์ได้! เทคโนโลยีใหม่จากบริษัทเทคจีน พัฒนา ‘หุ่นยนต์ที่ท้องและคลอดทารก’ ได้แล้ว
ในโลกยุคปัจจุบัน คนทั่วโลกหวาดกลัวกับการแย่งงานจาก AI และบรรดา ‘หุ่นยนต์’ ติด AI ทั้งหลาย คนขับแท็กซี่ คนขับรถบรรทุก ก็ต้องหวาดหวั่นกับบรรดายานยนต์ไร้คนขับ คนทำงานสร้างสรรค์ยันงานบริการทั้งหลายก็โดนท้าทายด้วย Generative AI
และ ‘งาน’ ของมนุษย์ต่อไปที่จะถูกท้าทายคือความเป็น ‘แม่’
แน่นอน เราอาจได้ยินข่าวเศร้าบ่อยๆ ในช่วงหลังกับมนุษย์ที่ถลำลึกเกินไปในการคุยกับ AI จนรู้สึกว่ามันมีตัวตนและรักเราจริงๆ เพราะสุดท้ายสายพันธุ์มนุษย์ก็ยังต้องดำรงต่อไปในพื้นที่ทางกายภาพ ผ่านการสืบพันธุ์โดยใช้เพศอยู่ ถ้ามนุษย์ไม่มีเพศสัมพันธ์กัน เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จบ
กระนั้นก็ยังมีบริษัทที่บ้าพอ ที่มองไกลกว่านั้นว่ามนุษย์สามารถ ‘สืบพันธุ์’ กับหุ่นยนต์ที่จะตั้งครรภ์และคลอดลูกของมนุษย์ได้
นี่ไม่ใช่พล็อตนิยายไซไฟ ไม่ใช่ตอนใหม่ของ ‘Black Mirror’ แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ณ โลกมนุษย์ในคริสต์ศักราช 2025
ดร.จาง ฉีเฟิ่ง ผู้ก่อตั้ง Kaiwa Technology สตาร์ทอัพด้านหุ่นยนต์จากมณฑลกวางตุ้ง อ้างว่าเขามีตัวแบบเทคโนโลยี ‘หุ่นยนต์ที่ตั้งท้องได้’ แล้ว ไอเดียคือการเอาเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาผสมกับเทคโนโลยี ‘มดลูกสังเคราะห์’ (Artificial Womb) และก็แน่นอนว่าต้องเอามาผสมกับเทคโนโลยีที่ใช้มานานแล้วอย่างการทำ ‘เด็กหลอดแก้ว’
ข่าวนี้แน่นอนว่าดังเพราะประกาศกลาง World Robot Conference ที่กรุงปักกิ่งในเดือนสิงหาคม 2025 แต่ที่โหดกว่านั้นคือ ดร.จางได้ ‘เคาะราคา’ ผู้อยากมีลูกกับหุ่นยนต์ไว้เลยว่าสนนราคาอยู่ที่ 100,000 หยวน หรือ 500,000 บาท
อ่านมาถึงตรงนี้ อาจมีคำถามว่าราคาคุยหรือเปล่า ทำได้จริงหรือ?
เอาจริงๆ แล้ว เทคโนโลยีจำพวก ‘มดลูกเทียม’ ถูกทดลองกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมานานแล้ว ในปี 2017 นักวิจัยฝั่งอเมริกาก็เคยทดลองให้มดลูกเทียมอุ้มท้องตัวอ่อนแกะได้สำเร็จ
แต่เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ถูกทดลองในมนุษย์ ด้วยเหตุผลทางจริยธรรม
แต่ทั้งนี้หลายคนก็รู้ว่าจีนคือห้องทดลองขนาดใหญ่ที่เป็น ‘ข้อยกเว้น’ ของจริยธรรมแบบตะวันตก หรือพูดง่ายๆ การทดลองหลายอย่างที่ทำในตะวันตกไม่ได้ สามารถทำในจีนได้ ในเงื่อนไขว่าต้องไม่ขัดอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ หรือพรรคคอมมิวนิสต์ต้องยอมให้ทำ
อย่างไรก็ตาม หากดูตามบริบทปัจจุบัน จีนประสบปัญหาประชากรลดลงต่อเนื่องหลายปี กระทั่งประชากรน้อยกว่าอินเดียแล้ว เหตุผลส่วนหนึ่งคือเรื่องเศรษฐกิจเช่นเดียวกับทุกที่ในโลกที่ ‘คนรุ่นใหม่ไม่อยากมีลูก’ ก็จริง แต่อีกด้าน ปัญหาของจีนมีความพิเศษคือ จีนมีสมดุลทางประชากรที่พังไปเมื่อครั้ง ‘นโยบายลูกคนเดียว’ ส่งผลให้จีนมีประชากรหญิงมากกว่าชาย และนั่นทำให้ผู้ชายในจีนต้องพยายามอย่างมากในการหาภรรยาในประเทศ
พูดให้ตรงๆ ง่ายๆ ด้วยโครงสร้างประชากร เห็นชัดเจนเลยว่าผู้หญิงจีน ‘ขาดแคลน’ เพราะคนรุ่นก่อนที่มีลูก ก็มีแต่ลูกชายกัน ส่วนคนรุ่นใหม่เองก็ไม่ยอมมีลูก
และนี่เองทำให้เทคโนโลยีใดก็ตามที่จะทำให้คนมีลูกมากขึ้นย่อมตอบโจทย์ และนี่เป็นเหตุผลที่จีนเกิดการวิจัยเพื่อสร้างหุ่นยนต์ที่ตั้งครรภ์และคลอดบุตรได้
พูดอีกแบบคือ ถึง ‘ผลิตภัณฑ์’ ยังไม่ออกมา แต่เมื่อได้เงินวิจัยมาถึงขนาดนี้ พรรคคอมมิวนิสต์น่าจะไฟเขียวแน่ๆ และก็น่าจะผ่าน ซึ่งถ้าผ่านก็น่าจะมีพวกอินฟลูเอนเซอร์จีนไปรีวิวการมีลูกกับหุ่นยนต์เป็นแน่แท้
แน่นอน เรื่องทั้งหมดทำให้ทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักศีลธรรม กระทั่งมนุษย์ทั่วโลกขนลุก เพราะนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่มนุษย์จะเกิดขึ้นได้โดยไม่มี ‘แม่’ ผู้อุ้มท้อง และพวกที่สะดุ้งสุดคือเฟมินิสต์ในโลกตะวันตก เพราะถ้าเทคโนโลยีแบบนี้เกิด ที่ทางและบทบาทของ ‘ผู้หญิง’ ในสังคมคงจะเปลี่ยนไปหมดเลย และน่าจะไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วย
อ้างอิง:
- Interesting Engineering. China firm plans world’s first pregnancy humanoid robot using artificial womb. https://shorter.me/QEgaJ
- Unilad Tech. China develops pregnancy humanoid robot that ‘could give birth to human baby’ in dystopian world first. https://shorter.me/La1Va