ถ้าใครตามข่าวพวกหุ่นยนต์ ก็คงจะเห็นว่าช่วงหลังๆ มีการผลิต “หุ่นหมา” มามากขึ้นมาก ไม่ได้มีแต่ของ Boston Dynamics แล้ว แต่บริษัทอื่นๆ ก็ผลิตเช่นกัน
ซึ่งถามว่ามีอะไรใหม่ หลักๆ คือ หลังๆ “หุ่นหมา” พวกนี้ทั่วๆ ไปก็หน้าตาเหมือนเดิม แต่มันก็เดินขึ้นลงพื้นต่างระดับได้คล่องแคล่วขึ้น รับน้ำหนักได้มากขึ้น หรือพูดง่ายๆ ระบบ AI เพื่อการเคลื่อนไหวของมันทำงานดีขึ้น
แต่ถ้าอะไรพวกนี้ไม่ทำให้รู้สึก “ตื่นตา” ล่าสุด ในงานประชุมทหารประจำชาติของอเมริกาแห่งปี 2021 มันมีการ “แสดงสินค้า” ตัวใหม่ ที่น่าจะมีการใช้ในกองทัพอเมริกาในอนาคต
และสิ่งที่ว่าก็คือ “หุ่นหมา” แต่เป็นหุ่นหมาธรรมดาไม่มีใครสนใจหรอกครับ มันต้องติดเอาสไนเปอร์ไรเฟิลติดไว้บนหลัง
ปังทันทีครับ สารพัดสำนักข่าวลงข่าวนี้ ราวกับเร็วๆ นี้จะมีภาวะหุ่นยนต์บุกยึดโลก
มันไม่ได้น่ากลัวแบบนั้นครับ
ถ้าใครตามเทคโนโลยีพวกนี้ ก็คงจะรู้ว่า หุ่นหมานี่มันถูกทำมาใช้ในทาง “การทหาร” แต่แรกอยู่แล้ว คือด้วยดีไซน์มันชัดอยู่แล้วว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะเอาไว้ใช้ภาคธุรกิจ หุ่นใช้ในภาคธุรกิจปกติมันเดินพื้นเรียบๆ ในอาหารสถานที่ที่มนุษย์สร้างขึ้น ดังนั้นมันจะมี “ล้อ” กันเป็นส่วนใหญ่ไม่ต้องมี “ขา” เหมือนหุ่นหมาที่ต้องเดินขึ้นที่ต่ำที่สูงตลอด เนื่องจากมันต้อง “ทำงานกลางแจ้ง” เพราะตอนแรกเลยเขาตั้งใจใช้มันเพื่อช่วยทหารขนสัมภาระ
ดังนั้นกองทัพกับหุ่นหมา มันไม่ได้ห่างไกลอะไรกัน ไอ้หุ่นพวกนี้มันสร้างมาให้กองทัพใช้อยู่แล้ว
ซึ่งโดยดีไซน์ หุ่นหมารุ่นหลังๆ เขาก็พยายามจะติดอะไรลงบนหลังหุ่นหมาเพื่อให้ทำอะไรได้มากขึ้น ซึ่งก็ติดแขนกลบ้าง อะไรบ้าง แต่พอสิ่งที่มาติดคือ “ปืน” คนก็หวาดผวาทันที จินตนาการไปว่าสักพัก ไอ้หุ่นหมามันต้องวิ่งไล่ยิงคนแน่ๆ
อย่างแรกเลยนะครับ ดู “การออกแบบ” เลย ไอ้ปืนที่ติดบนหลังหุ่นหมา มันไม่ใช่ “ปืนกล” เอาไว้กราดยิงรัวๆ แต่เป็นสไนเปอร์ไรเฟิล ที่เน้นระยะหวังผลเป็นกิโลเมตร
ดังนั้นด้วยการออกแบบ มันชัดเลยว่ามันเอาไว้ “ซุ่มยิง” ไม่ใช่ “กราดยิง”
ซึ่งถามว่าทำไมเป็นแบบนี้ จริงๆ คือเราเลยเล่าแล้วว่าในหลายประเทศ เขาจงใจจะ “ลดขนาดกองทัพ” กันในปี 2030 โดยเป้าคือจะลดจำนวนคนลง แต่จะเพิ่มจำนวนหุ่นยนต์มากขึ้น (เราเล่าแล้วที่ : ) ซึ่งเป้าหมายของการทำแบบนี้ก็เพราะ จริงๆ ในโลกตะวันตก เขาไม่อยากเอา “คน” มารบกันแล้ว เพราะมันเสี่ยงทำให้พลเมืองของชาติต้องเสียชีวิต ดังนั้นในสนามรบ ถ้าเป็นไปได้ เขาจะใช้ “หุ่นยนต์” ลงไปทำงาน “ภาคสนาม” แทนหมด
ดังนั้นไอ้หุ่นยนต์ติดสไนเปอร์ไรเฟิลนี้ จริงๆ มันไม่ใช่อะไรซับซ้อนเลย หน้าที่มันคือใช้แทน “พลแม่นปืน” หรือ “สไนเปอร์” นั่นเองสำหรับกองทัพในยุคต่อไป
และก็อย่างตกใจไป ถ้าอ่านข่าว เขาบอกชัดเจนว่า หุ่นยนต์มันไม่ได้มีสิทธิ์ “ลั่นไก” เองนะครับ คนที่ลั่นไกหรือกระทั่งเล็งคือคนที่ควบคุมปืนจากระยะไกล ดังนั้นเรียกให้ตรงก็คือ มันคือหุ่นยนต์ที่เอาไว้ “แบกปืน” นั่นแหละ
ซึ่งตรงนี้ เหล่าเทคโนโลยีควบคุมปืนจากระยะไกลนี่เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่มาสักพักแล้ว และมันก็ทำงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น (ใช่ครับ นี่เป็นผลพวงส่วนหนึ่งของ 5G ด้วย เพราะเน็ตไม่เร็วพอ การควบคุมระยะไกลแบบละเอียดมากๆ จะทำไม่ได้ ไม่ว่านั่นจะเป็นการคุมการผ่าตัดระยะไกล หรือคุมเล็งปืนจากระยะไกล)
และถ้ายังไม่ลืมกัน ล่าสุดนี้เขาเปิดเผยมาแล้วว่าการฆ่านักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์อิหร่านตอนหลายปี 2020 มันเป็นผลจากการใช้ “ปืนสไนเปอร์” ควบคุมระยะไกลแบบที่ว่ามานี้เองของทางอิสราเอล คือมันมีคนคุมปืน แค่ไม่ได้อยู่ตรงปืน อยู่ใกล้จากปืนมาก และควบคุมปืนด้วยจอยสติกจากระยะไกล ทำการเล็งและยิงเหมือนกำลังเล่นเกมอยู่
และหุ่นยนต์หมาที่ดู “น่ากลัว” นี่ ในทางปฏิบัติก็คือการมีปืนแบบที่ว่าไปอยู่บนหลังมันเท่านั้นเอง
ซึ่งทั้งหมดนี้ เขาไม่ได้ใช้ AI ให้มันคิดเองอะไรเลย ส่วนใหญ่ให้คนคุมได้ล้วนๆ โดยเฉพาะปืน พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าคนไม่ “ลั่นไก” ก็ไม่มีใครตาย
ดังนั้น อย่าไปกลัว “หุ่นยนต์” เลยครับ เพราะ ณ ตรงนี้เลย มนุษย์นี่แหละที่น่ากลัวที่สุด
อ้างอิง:
- Popular Mechanics. Welp, Now We Have Robo-Dogs With Sniper Rifles. https://bit.ly/2XCpiMC
- Popular Mechanics. Everything We Know About Israel’s Robotic Machine Gun. https://bit.ly/3GcKASy