Ride On – ควบสู้ฟัด เกิดมาเจ็บเพื่อเธอ สะท้อนแสงสุดท้าย ของอาชีพเสี่ยงตายบนจอ
หากใครติดตามงานของเฉินหลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะยุคทองของเขาในช่วง 80s-90s เราจะพบกฎอันแสนเคร่งครัดเสมอในหนังของเขา ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็กชั่นเสี่ยงตาย แต่ไม่พบเห็นการตายแบบจะๆ ตา รวมไปถึงการเสริมส่งภาพลักษณ์ของตนในคาแรกเตอร์เดิมๆ ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน และขาดเสียมิได้คือภาพเบื้องหลังการแสดงผิดคิวเพื่อตอกย้ำให้คนดูได้เห็นว่ากว่าจะได้มาซึ่งฉากเสี่ยงตายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย วินาทีแห่งความเป็นความตายเกิดขึ้นได้เสมอในหนังและการแสดงของเขา
กาลเวลาผ่านไป นักแสดงคนอื่นๆ ยิ่งสูงวัยขึ้น ก็ยิ่งมีที่ทางและบทบาทในการแสดงมากขึ้น แต่สำหรับเฉินหลงแล้ว ฉากโลดโผนเสี่ยงตายยังคงเป็นทั้งจุดขายและตราประทับอันคงกระพันที่ติดตัวเขาอย่างแยกไม่ออก ด้วยความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เขาไม่อาจรั้งชื่อเสียงอันเรืองรองได้เช่นอดีตอีกต่อไป การเอาฉากโลดโผนเสี่ยงตายออกไปจากชีวิตเขา ก็เหมือนการเอาออกซิเจนออกจากร่างกายอันรวยริน โดยประจักษ์ชัดจากหนังช่วงหลังๆ ที่แทบไม่ได้รับความสนใจเฉกเช่นยุคที่เคยรุ่งเรืองอีกต่อไป
‘Ride On’ หรือ ‘ควบสู้ฟัด’ คือลมหายใจอีกเฮือกในความพยายามพิสูจน์ตัวตนของเฉินหลง ว่าเขานั้นมีคุณูปการเช่นไรต่อหนังแอ็กชั่นในยุคทอง และขาลงของเขานั้นมันแสนเศร้าเยี่ยงไร ในบทบาทของสตันต์แมนตกอับที่อยู่ในช่วงโรยราและบกพร่องในหน้าที่ของความเป็นพ่อ หากแต่เขากำลังมีความหวังอีกครั้งเมื่อได้รับการหยิบยื่นโอกาสให้เล่นหนังอีกครั้งพร้อมม้าคู่ใจ และการกลับมาเชื่อมใจกับลูกสาวที่ห่างเหินกันอีกครั้ง
การน้อมรับความร่วงโรยของตน ผ่านสังขารอันเหี่ยวเฉา คือปราการด่านแรกที่นักดูหนังต้องตกใจ ในขณะที่หนังเรื่องอื่นๆ แม้จะเห็นริ้วรอยบ้าง แต่เรื่องนี้ดูจะเป็นความจริงที่ทั้งตัวเฉินหลงและคนดูต่างต้องยอมรับในความเป็นจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การนำม้าคู่ใจที่เขารับเลี้ยงดู ด้วยแรกเกิดมีความผิดปกติของปอดและขาของม้าตัวนี้ เกือบจะทำให้มันถูกการุณยฆาต แสดงให้เห็นว่าเฉินหลงก็ไม่ต่างกับม้าพิการที่เมื่อได้รับโอกาสที่ดี เขาต้องตอบแทนคืนกลับไป การทุ่มเทจนหมดหัวใจจนทำให้ร่างกายของเขาค่อยๆ สึกหรอ พร้อมกับการแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดอยู่เสมอจากความผิดพลาดทางการแสดง ยิ่งแสดงให้เห็นว่าบทบาทของเขา (รวมไปถึงหน้าที่ของนักแสดงเสี่ยงตายในกองถ่ายหนังทุกเรื่อง) คือการพร้อมยอมรับความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บ เพื่อแลกกับหนังที่ดีสักเรื่องนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ยิ่งซีนที่หนังจงใจใส่ภาพเบื้องหลังฉากเสี่ยงตายจากหนังเรื่องเก่าๆ ที่ถาโถมโหมซัดเพื่อหวังผลให้เห็นความเจ็บปวดรวดร้าวของการแสดงจากหนังเรื่องก่อนๆ ของเขาเพียงไม่กี่วินาที กลับสร้างความสะเทือนใจอันยิ่งใหญ่ให้เห็นถึงเจตจำนงอันแรงกล้าในการแสดงฉากผาดโผน
จากเบื้องหลังของหนังที่เราเคยหัวเราะเฮฮา อาจจะทำให้ความรู้สึกที่เคยดู เปลี่ยนไป
นอกจากนี้ เนื้อหาดราม่าที่คนดูอาจไม่ค่อยคุ้นเคยในหนังของเขา เพื่ออยากให้รับรู้ว่าการเป็นสตันต์แมนที่มีหน้าที่เพียงรับมือรับเท้าจากดาราเพียงไม่กี่วินาทีนั้นไม่ใช่ง่ายๆ และควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ให้มากกว่านี้แล้ว
Ride On กำลังทับซ้อนภาพแห่งความจริงของเฉินหลงที่บอกคนดูอย่างอ้อมๆ ว่า เวลาของเขาบนจอในฐานะนักแสดงอันโลดโผนเสี่ยงตายอาจกำลังใกล้หมดลงแล้ว “การกระโดดมันง่าย แต่การก้าวลงนั้นยาก” แต่จงเชื่อว่าจิตวิญญาณแห่งการเป็นนักสู้ของเขาไม่เคยเหือดหาย และยังคงสง่างามบนจอตลอดไปตราบนานเท่านาน