อยากรวยทำยังไง? สมัยก่อนในยุคฮาวทูพีคๆ เขาก็จะมีเช็คลิสต์ว่าคุณต้องทำแบบนั้นแบบนี้แล้วจะรวย แต่หลังๆ มันก็มักจะมา ‘โป๊ะแตก’ ว่าคนที่รวยๆ น่ะ ‘บ้านรวย’ เป็นฐานทั้งนั้น หรือพูดอีกแบบ ไม่ค่อยมีมหาเศรษฐีคนไหน ‘เกิดมาจน’ แล้วไต่เต้าเป็นมหาเศรษฐีได้สักเท่าไรนัก
แต่แม้จะเป็นแบบนั้น เอาจริงๆ ถ้ามาดูคนที่เป็นมหาเศรษฐีพีคๆ ในยุคนี้แม้พวกเขาจะมีฐานว่า ‘บ้านพอมีฐานะ’ (บางคนจะเรียก ‘บ้านรวย‘ ก็ใช่ที่เพราะเขาคือ ‘ชนชั้นกลาง‘) แต่ประเด็นคือ คนคนที่ “บ้านรวย” หรือกระทั้งคนที่เป็น ‘ชนชั้นกลางสูง’ ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะไต่เต้าจนเป็นเศรษฐีหรือกระทั่งมหาเศรษฐีได้หมด และก็ไม่ต้องพูดถึงคนที่มีพื้นเพอีกจำนวนมากที่นอกจากจะไม่ได้รวยเท่าที่บ้านแล้ว ใช้ชีวิตไปยังจนกว่าที่บ้านอีก
แม้ว่ามันจะไม่มีสูตรสำเร็จที่จะทำให้คนจนเป็นเศรษฐี แต่ก็มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้คนที่พอมีฐานะอยู่แล้วนั้น ‘รวยขึ้นไปอีก’ จริงๆ แต่มันคืออะไรบ้างล่ะ? สิ่งเหล่านี้คือลักษณะร่วมของมหาเศรษฐีร่วมสมัยทั้งหมดที่ ‘รวยมาด้วยตนเอง’ จากการศึกษามา ของ Manfred Kets de Vries นักวิชาการด้านการศึกษาชาวดัตช์ ซึ่งเรียกได้ว่าน่าสนใจทีเดียวและมีความเป็นเหตุเป็นผล
ลักษณะแรกที่ทุกคนมีร่วมกันคือ ‘อยากรวย’ อันนี้ก็พื้นฐานเลย ที่เห็นรวยๆ กัน ไม่มีใครตกกระไดพลอยโจนแล้วรวย มัน ‘รวยโดยเจตนา’ ทั้งนั้น ดังนั้นถ้าไม่คิดจะรวย ก็อย่าหวังจะรวย
แต่เท่านั้นไม่พอ อยากรวยมันไม่พอ มันต้อง ‘มุ่งมั่น’ ด้วย คืออยากรวยนี่ใครก็อยาก แต่ใครจะมีความมุ่งมั่นในเป้าหมาย และภารกิจต่างๆ ระหว่างทางมากพอก็บอกได้เลยว่าน้อยคน
ตรงนี้ อยากรวยแล้ว มุ่งมั่นแล้ว ก็ยังไม่พอ เพราะจะรวยระดับมหาเศรษฐี สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือต้องสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเอง ดังนั้น สิ่งที่ต้องมีก็คือสามารถในการดีลกับคนหรือเป็นคน ‘ดีลเก่ง’ อันนี้สำคัญ บางคนมุ่งมั่น วิสัยทัศน์เลิศ แต่ทักษะในการดีลกับคนเป็นศูนย์ ก็อย่างหวังเลยว่าจะไปได้ถึงระดับมหาเศรษฐี
คุณอยากรวยแล้ว มุ่งมั่นแล้ว ดีลกับคนเก่งแล้ว คุณก็อาจไม่รวย ถ้าคุณไม่คิดและทำไม่เหมือนคนอื่น หรือคุณต้อง ‘คิดแปลก’ ตรงนี้สำคัญ คุณอยากรวยและมุ่งมั่น คุณอาจเป็นผู้บริหารที่ดีได้ แต่ถ้าวิธีคิดคุณยังเป็นปกติ คุณไม่มีทางจะสร้างธุรกิจระดับพลิกโฉมอุตสาหกรรมและร่ำรวยไปกับมันได้
ที่นี้ อยากรวย มุ่งมั่น ดีลเก่ง คิดไม่เหมือนชาวบ้าน มันพอรึยัง คำตอบคือไม่ เพราะคุณมีลักษณะพวกนี้แล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือคุณต้อง ‘บ้างาน’ พอควรเลยแหละ บ้าระดับที่พร้อมจะทำความสัมพันธ์กับคนรอบๆ ตัวพังเลย เพราะในโลกนี้ อย่าคิดว่าคุณคิดไม่เหมือนชาวบ้านคนเดียว คนเลเวลเดียวกับคุณมันมีเต็มไปหมด และในทุกอย่างที่เท่าๆ กัน บางทีมันไปวัดกันที่คุณทุ่มเทกับงานแค่ไหน
โอเค คุณอยากรวยแล้ว คุณมุ่งมั่นก็แล้ว คุณดีลเก่งและคิดไม่เหมือนชาวบ้าน แถมยังบ้างานอีก เป็นมหาเศรษฐีได้รึยัง? คำตอบคือยังห่างไกล เพราะมีอย่างที่ว่ามาทั้งหมด เอาจริงๆ คุณอาจเป็นได้แค่ลูกจ้างด้วยซ้ำ คุณจะเป็นนักธุรกิจหรือผู้ประกอบการไม่ได้เลยถ้าคุณไม่ ‘กล้าเสี่ยง’ อันนี้ซีเรียสจริงจัง ไม่ใช่ทุกคนที่จะรับความเสี่ยงได้ทั้งหมด แม้แต่คนที่มีทุนมหาศาลในมือ บางคนไม่เคยเสี่ยงก็กลัวความเสี่ยงด้วยซ้ำ ซึ่งขาดความกล้าได้กล้าเสียไปแล้ว คุณเริ่มธุรกิจที่ทำให้คุณเป็นมหาเศรษฐีไม่ได้หรอก
ณ ตรงนี้คุณอยากรวย มุ่งมั่น ดีลเก่ง คิดแหวกแนว ทุ่มเทกับงาน ก็แล้ว รับความเสี่ยงก็ได้ แต่สิ่งที่จะทำให้คุณไปได้ดีในการทำธุรกิจคือได้ คือคุณต้อง ‘ชอบแข่ง’ ด้วย ซึ่งคิดง่ายๆ เลยก็ได้ ถ้าคุณเท่ากันทุกอย่างหมด คนหนึ่งทำแล้วเบื่อ คนหนึ่งทำแล้วสนุก ก็ไม่ต้องแปลกใจว่าสุดท้ายคนหลังมันจะพัฒนาไปมากกว่าคนแรก ฉันใดก็ฉันนั้นเอง ในโลกธุรกิจคุณต้องแข่งขัน มันเป็นเรื่องชีวิตประจำวันที่คุณต้องไม่มองว่าเป็นเรื่องผิดปกติ จะบอก ‘อ่อนแอก็แพ้ไป’ ก็ได้ แต่ความเป็นจริงคือในงานที่คุณต้องทุ่มเท ต้องเสี่ยง และถ้าคุณไม่สนุกกับมัน มันจะทำลายคุณในที่สุด และก็ไม่ใช่ทุกคนในโลกแน่ๆ ที่จะสนุกกับโลกแบบนี้
เอ้า อยากรวย มุ่งมั่น ดีลเก่ง คิดแปลก ทุ่มเท พร้อมเสี่ยง ชอบแข่ง มันพอรึยัง? มันอาจขาดอีกนิดเดียว และเป็นสิ่งที่อธิบายได้ยากด้วยมันคือการที่คุณต้องมี ‘สัญชาตญาณดี’ คือความสามารถในการตัดสินใจอย่างถูกตั้งแบบไม่มีเหตุผล อันนี้อาจฟังดูไม่แฟร์และไม่มีคำอธิบาย แต่มันเป็นความเป็นจริงที่ว่าในบรรดาคนที่คุณลักษณะพร้อมทุกอย่าง บางทีสิ่งที่กำหนดว่าคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จ อีกคนจะล้มเหลว มันไม่ใช่อะไรเลยแต่เป็นการตัดสินใจแค่ครั้งเดียวในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และมันก็ไม่มีคำอธิบายอะไรด้วยว่าทำไมคนหนึ่งถึงตัดสินใจถูกหรือผิด นอกจากการบอกว่า ‘สัญชาตญาณ’ คนหนึ่งดีอีกคนไม่ดี
แน่นอน อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็คงรู้ว่า จริงๆ การจะไปถึงขั้น ‘มหาเศรษฐี’ มันไม่ใช่ง่าย เพราะแม้คุณลักษณะจะพร้อมหมด ตัดสินใจผิดรอบเดียวก็ทำทุกอย่างพังดื้อๆ ได้ ดังนั้นคนจะไปถึงตรงนั้นมันจะบอกว่าต้อง ‘พึ่งดวง’ ด้วยก็ไม่ผิด แต่จะบอกว่า ‘มีแต่ดวง’ ก็คงไม่ใช่เช่นกัน เพราะปราศจากลักษณะที่ว่ามาทั้งหมด โอกาสในการขยายทรัพย์สินเป็นเท่าทวีคูณมันก็เป็นไปได้ยาก
และสุดท้ายถ้าเราจะบอกว่าคนรวยได้เพราะ ‘รวยอยู่แล้ว’ ป่านนี้คนถูกหวยคงเป็นมหาเศรษฐีกันไปหมดแล้วล่ะครับ
อ้างอิง
- Inc. 9 Qualities of Self-Made Billionaires, According to an Executive Coach Who Works With Them. https://www.inc.com/…/billionaire-entrepreneur…