2 Min

ในสหรัฐฯ กำลังมีกฎหมายให้เหล่านายจ้างต้อง ‘บอกเงินเดือน’ ตอนประกาศรับสมัครงาน

2 Min
600 Views
31 Oct 2022

หลายๆ คนอาจโตมาในยุคที่มีสิ่งที่เรียกว่ามารยาทสังคมและกฎห้ามถามเงินเดือนกัน ซึ่งเอาจริงๆ เราก็จะรู้แค่เงินเดือนของคนใกล้ตัวหรือคนสนิทกันมากๆ เท่านั้น

แต่ในยุคนี้ หลายคนคงได้ยินว่าคนเริ่มถามเงินเดือนกันมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในกระแสความพยายามลดความเหลื่อมล้ำที่แพร่มาตั้งแต่คน Gen Y และหนักขึ้นใน Gen Z

ว่าแต่ทำไมเราถึงรู้เงินเดือนคนอื่นไม่ได้ล่ะ?

เอาจริงๆ แล้วแนวคิดเรื่องการห้ามบอกเงินเดือนกัน เกิดจากความพยายามของหลายบริษัทในการให้เงินเดือนพนักงานต่างๆ กันเพื่อผลกำไรที่มากที่สุดของบริษัท และไม่มีกฎหมายคุ้มครองการแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องเงินเดือนของพนักงานด้วย บางบริษัทก็เขียนลงไปในสัญญาเลยว่า ห้ามพูดคุยเรื่องเงินเดือนกับเพื่อนพนักงาน

ซึ่งเมื่อเราไม่คุย เราก็ไม่มีทางรู้ว่าบริษัทจ่ายเราน้อย และเราก็ไม่โวยวาย ยอมรับค่าแรงน้อยๆ นั้นไป

อะไรพวกนี้เป็นผลอย่างหนึ่งของการลดสิทธิแรงงานในช่วงทศวรรษ 1980 ที่มาพร้อมกับการไล่ถล่มพวกสารพัดสหภาพแรงงานในทุกระดับในโลกตะวันตก ซึ่งพอสหภาพแรงงานอ่อนกำลังลงไป พวกบริษัทก็กดค่าแรงกันสนุกเลย และก็มีงานวิจัยมามากมายว่าตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมาค่าแรงจริงของแรงงานในภาพรวมมันแทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลย แต่ผลกำไรของบริษัทต่างๆ มีแต่จะมากขึ้น

แต่ถ้าจะเล่าย้อนไปถึงตรงนั้นก็คงจะไกลไป ประเด็นคือ ทุกวันนี้ เราอยู่ในสภาพการจ้างงานที่ในทางปฏิบัติเราไม่มีสิทธิ์รู้ว่าเราได้มากน้อยกว่าคนอื่น

แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างน้อยๆ ก็ในสหรัฐอเมริกานี่แหละ

ในอเมริกา แม้ว่ารัฐบาลกลางจะยังไม่ขยับอะไร แต่กระแสกฎหมายอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น ณ ปี 2022 ในหลายต่อหลายรัฐก็คือ กฎหมายจำพวกให้นายจ้างเปิดเผยค่าจ้างตอนประกาศรับสมัครงาน ห้ามนายจ้างถามค่าแรงของที่เก่าเมื่อคนมาสมัครงาน รวมไปจนถึงประกาศว่าลูกจ้างมีสิทธิ์ในการพูดคุยเรื่องค่าแรงกันโดยนายจ้างห้ามลงโทษใดๆ

ในทางหลักการ อะไรพวกนี้จะช่วยปรับให้นายจ้างไม่สามารถลักไก่ไปจ้างพนักงานใหม่โดยกดค่าจ้างต่ำๆ ได้ และพร้อมกันนั้นก็เป็นหลักประกันว่า คนที่ทำงานอยู่แล้วจะได้รับรู้ราคาตลาดของงานที่ตัวเองทำอยู่ด้วยว่าถ้าจะไปสมัครที่อื่นเขาจะให้เท่าไร

ในอเมริกาเขาทำแบบนี้เพราะมันมีปัญหาเรื่องการให้ค่าจ้างผู้หญิงและคนที่ไม่ใช่คนขาวต่ำกว่าผู้ชายคนขาว ซึ่งปัญหาพวกนี้ก็ใหญ่จริงๆ เพราะเป็นสิ่งที่ทำกันมาเป็นกระบวนการและเป็นระบบ และตัวเลขจำนวนมากก็บ่งชี้ว่าช่องว่างค่าจ้างทั้งระหว่างผู้ชายและผู้หญิง ไปจนถึงคนขาวและคนผิวสีอื่นในอเมริกานั้นก็กว้างกว่าประเทศพัฒนาแล้วชาติอื่นเยอะพอควร (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับยุโรป)

อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยู่อีกซีกโลกอย่างเรา คือ กระแสเปิดเผยค่าจ้างของอเมริกามันน่าจะสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลกได้ ตามสไตล์มาตรฐานอเมริกันหรือพูดง่ายๆ คือถ้าคนทั่วโลกเห็นว่าอเมริกาทำได้ คนอเมริกันมีสิทธิ์นั้นได้ ตนก็ควรจะมีสิทธิ์ด้วย การเรียกร้องสิทธิ์ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีมาก่อนก็จะเริ่มขึ้น ซึ่งอะไรพวกนี้มันไปเร็วมากในยุคที่อินเทอร์เน็ตเชื่อมผู้คนเข้าถึงกัน

แต่สำหรับคนทำงาน เรื่องค่าแรงเท่าเทียมก็คงจะเข้าใจว่านี่น่าจะเป็นแค่ก้าวเล็กๆเท่านั้น เพราะจริงๆ บริษัทจำนวนมากนั้นก็เปิดเผยค่าแรงอยู่แล้วสำหรับตำแหน่งระดับล่างๆ แต่พวกตำแหน่งระดับบนๆ ขึ้นมาที่เขาใช้เฮดฮันเตอร์ล่าตัวหาคนมาทำงาน มักจะไม่เปิดเผยค่าแรง และกฎหมายที่ว่ามาทั้งหมดก็ไม่ได้ช่วยอะไรด้วย และการปิดค่าแรงตำแหน่งบนๆ นี่ก็น่าจะเป็นประเด็นพอควร เพราะธีมเรื่องความเท่าเทียมค่าแรงที่มีมาตลอด 10 กว่าปีนี้ คือการตั้งคำถามถึงการขยายตัวของรายได้ของคนระดับผู้บริหารที่เพิ่มขึ้นแบบหลุดโลกมากๆ ถ้าเทียบกับพนักงานระดับล่าง

ดังนั้นมันยังมีงานต้องทำอีกเยอะกว่าโลกจะไปถึงจุดที่ค่าจ้างมีความเป็นธรรม

อ้างอิง