‘กวางเรนเดียร์’ ได้กลายเป็นสัตว์อีกชนิดที่ถูกวิกฤตโลกร้อนหมายหัวเล่นงาน หลังจากหลายปีที่ผ่านมาอุณหภูมิแถบอาร์กติกเริ่มอุ่นขึ้น
ทราบกันดีว่าตอนนี้ภูมิภาคแถบอาร์กติกกำลังเผชิญกับวิกฤตโลกร้อนที่รุนแรง ทั้งจากอุณหภูมิที่ยืนยันแล้วว่าร้อนขึ้น 3 องศาเซลเซียส ฤดูฝนที่จู่ๆ ก็ตกลงมามากเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ฟากฝั่งแผ่นดินที่เรียก ‘ทุนดรา’ ก็เริ่มพบการหดหายไปของหิมะ
การหดหายไปของหิมะนี่เองที่ทำให้กวางเรนเดียร์ต้องเผชิญชะตากรรมอันยากลำบากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
การหายไปของหิมะที่ว่านี้มันคือการแทนที่ด้วยน้ำแข็ง กล่าวคือแม้โดยรวมพื้นที่จะอุ่นขึ้นจนหิมะหายไปไว แต่อุณหภูมิตรงพื้นดินก็ยังเย็นอยู่ หิมะที่ละลายเป็นน้ำจึงจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็งขึ้นมาแทน
ปัญหาอยู่ตรงในฤดูหนาวจะมีพืชชนิดหนึ่งที่เติบโตขึ้นท่ามกลางหิมะ นั่นคือ ‘มอสเรนเดียร์’ หรือ ‘ไลเคน’ ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนากับกวาง และช่วยให้เรนเดียร์มีชีวิตรอดได้ในฤดูหนาวที่อาหารได้ยาก
แต่พอพื้นมีน้ำแข็งเข้ามาแทนที่ อาหารที่เคยหากินได้ง่ายก็กลายเป็นเรื่องยาก ชะตากรรมของกวางไม่ต่างอะไรกับการยืนอยู่หน้าตู้แช่อาหารที่ถูกล็อกแม่กุญแจเอาไว้
และนั่นนำมาสู่โศกนาฏกรรมนับครั้งไม่ถ้วนตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น ในฤดูหนาวปี 2006 กวางเรนเดียร์ในคาบสมุทรยามาลของรัสเซียจำนวน 20,000 ตัว ตายเพราะไม่มีอาหารกิน
ขณะที่ระหว่างปี 2013-2014 มีกวางเรนเดียร์ตายมากถึง 61,000 ตัว ด้วยสาเหตุเดียวกัน หรือในปี 2019 พบศพกวางเรนเดียร์ตายกว่า 200 ตัวในสวาลบาร์ดของนอร์เวย์
อันที่จริง การเกิดน้ำแข็งบนผิวดินไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดหรือเป็นสิ่งใหม่ ถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดเป็นปกติในภูมิภาคนี้ เพียงแต่ระยะหลัเหตุการณ์ที่ว่ามันเกิดบ่อยขึ้น และกินพื้นที่กว้างมากขึ้น
กวางที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติจะพยายามเอาตัวรอดด้วยการอพยพย้ายถิ่นไปหาห้องอาหารแห่งใหม่ ที่ยังไม่รู้แน่ว่าบนเส้นทางจะพบกับสิ่งที่ต้องการหรือไม่
แต่ก็ยังดีกว่าพวกกวางเรนเดียร์ที่อยู่ในความดูแลของคน ซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องการออกไปหาอาหารของคนเลี้ยงที่ถูกบล็อกไว้ด้วยช่วงเวลาฟ้าสางที่หดสั้นลงในฤดูหนาว
และก็เหมือนสัตว์อื่นๆ ที่หากินในธรรมชาติ ที่ถิ่นฐานทางธรรมชาติลดน้อยลงจากการเปลี่ยนแปลงที่ดินเพื่อพัฒนาสิ่งก่อสร้าง อาณาเขตในการหาอาหารของกวางก็ลดน้อยลง ตัวอย่างเช่น การศึกษาหนึ่งในนอร์เวย์พบว่าในศตวรรษที่แล้ว ที่อยู่อาศัยของกวางเรนเดียร์หดตัวลง 70 เปอร์เซ็นต์ เช่น ทุ่งเลี้ยงสัตว์ที่ถูกน้ำท่วมเพื่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ
เมื่อมีข้อจำกัดเรื่องสภาพอากาศบวกรวม ชีวิตของพวกมันก็ต้องดิ้นรนบนความลำบากมากขึ้น
ปริมาณอาหารที่ได้รับน้อยลง และคงน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้นักวิทยาศาสตร์พบข้อเท็จจริงอีกประการว่า จากกวางเรนเดียร์ที่เกิดในปี 1994 เคยมีน้ำหนักถึง 55 กิโลกรัม เมื่อเข้าสู่ระยะโตเต็มวัย แต่ในช่วงหลังปี 2010 เป็นต้นมา เรนเดียร์ที่โตเต็มวัยกลับมีน้ำหนักแค่ 48 กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลมาจากที่แม่กวางหาอาหารได้น้อย ลูกกวางที่เกิดใหม่ส่วนใหญ่จึงมีน้ำหนักน้อยตาม
และเมื่อกวางตายเยอะ ลดน้อยหายไป ผลกระทบย่อมส่งมาถึงคนเราด้วยเช่นกัน
สำหรับกลุ่มที่เลี้ยงกวางเรนเดียร์ ก็หมายถึงราคาและคุณภาพสินค้าที่ลดน้อยถอยลง น้ำนมที่ได้น้อยลง หรือคนในอะแลสกา ที่วันนี้จำเป็นต้องหันมาพึ่งการล่ากวางมากกว่าเมื่อก่อน (เพราะอาหารหลักอย่างแซลมอนก็ลดลง) ก็ต้องพลอยลำบากตามไปด้วย
ยังไม่นับว่า กวางพวกนี้เป็นทั้งนักคัดสรรสายพันธุ์พืชช่วยให้พืชโตช้าได้งอกงามจากการที่มันช่วยกินพืชโตไว ซึ่งพืชหลายชนิดที่โตขึ้นก็เป็นอาหารของคนเหมือนกัน
สุดท้าย คงไม่สรุปอะไรมากไปกว่า ประโยคที่เขียนเปิดไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ‘กวางเรนเดียร์’ ได้กลายเป็นสัตว์อีกชนิดที่ถูกวิกฤตโลกร้อนหมายหัวเล่นงานเข้าเสียแล้ว
อ้างอิง
- Independent. Mass starvation of reindeer linked to climate change and habitat loss. https://bit.ly/33zsNG1
- The Guardian. ‘This new snow has no name’: Sami reindeer herders face climate disaster. https://bit.ly/3mBEhQj
- Gulf News. Over 200 dead reindeer found on Norway’s Arctic Svalbard. https://bit.ly/30E1glT
- The Guardian. Rain to replace snow in the Arctic as climate heats, study finds. https://bit.ly/32cJTcc