2 Min

ผลวิจัยชี้ คนเริ่มแยกไม่ออกแล้ว ระหว่าง ‘หน้าคนจริงๆ ’ กับ ‘หน้าคนที่สร้างโดย AI’ แถมอย่างหลังดันน่าเชื่อถือกว่าด้วย

2 Min
672 Views
09 Mar 2022

ในบรรดาเทคโนโลยีเกี่ยวกับ AI กลุ่มเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วที่สุดคือ ‘เทคโนโลยีเกี่ยวกับใบหน้า’ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับใบหน้าหรือจำลองใบหน้า โดยเทคโนโลยีจำลองใบหน้าที่เราน่าจะได้ยินบ่อยสุดคือ ‘Deepfake’ หรือเทคโนโลยีเอาหน้าคนหนึ่งไปใส่อีกคนหนึ่งไม่ว่าจะเป็นในภาพนิ่งหรือในวิดีโอ

แต่ Deepfake เป็นเทคโนโลยีโผล่มาหลายปีแล้ว ในช่วงหลังๆ ที่เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นไปอีก ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเอาหน้าคนคนหนึ่งไปใส่ในหน้าอีกคนด้วยซ้ำ แต่มันสามารถ ‘สร้างใบหน้าคน’ ที่ไม่มีตัวตน ออกมาให้เหมือนกับเป็นคนจริงๆ ได้แล้ว

เรื่องพวกนี้ก็มีให้เล่นมาสักพักแล้ว เช่น เว็บอย่าง https://www.whichfaceisreal.com/ ก็มีให้เราเข้าไปเล่นว่าหน้าคนไหนในรูปเป็นคนจริงๆ หน้าไหนเป็น AI หรือเว็บอย่าง https://this-person-does-not-exist.com/en นั้นเราก็สามารถเข้าไปให้ AI สร้าง ‘หน้าคนที่ไม่มีตัวตนจริง’ ออกมาอย่างสุ่มๆ ได้

จริงๆ ถ้าติดตามเรื่องนี้มาตลอด มันก็จะมีอะไรให้เราเล่นอีก และเราก็จะรู้สึกว่า เรา ‘เดาผิด’ บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่เราไม่สามารถแยกใบหน้าคนจริงๆ กับใบหน้าที่สร้างจาก AI ออกอีกต่อไปแล้ว

ทีนี้เทคโนโลยีมันก็พัฒนาไปเรื่อยๆ และถูกทดลองเรื่อยๆ ล่าสุดในปี 2022 AI ตัวใหม่ของมหาวิทยาลัยแลนคาสเตอร์ก็ถูกเอาไปทดสอบสร้างหน้าคน และให้กลุ่มตัวอย่างหลักร้อยคนแยกแยะว่าเป็นหน้าคนจริงๆ หรือไม่

ผลปรากฏว่าพวกเขาสามารถแยกแยะหน้าคนจริงๆ ออกจาก AI ได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น นั่นหมายความว่าตอนนี้โอกาสจะเดาผิดเดาถูกได้มันครึ่งๆ แล้ว หรือในทางปฏิบัติ นี่ก็แปลว่าเราแยกหน้าคนจริงๆ จากออกจากหน้าที่ AI สร้างขึ้นไม่ได้แล้วนั่นเอง (เพราะถ้าเลือกได้สองอย่าง คือใช้หรือไม่ใช้ AI แล้วคนเลือกถูกแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ มันก็หมายความว่าคนแยกแยะไม่ได้แล้วเพราะอัตราเดาถูกมันเท่ากับการเดาสุ่มหรือทาย ‘หัวก้อย’ เลย)

แต่ที่โหดกว่านั้น นักวิจัยทดลองต่อไปอีกโดยให้อาสาสมัครลอง ‘ให้คะแนน’ ว่าคนไหนหน้าตาดู ‘น่าเชื่อถือ’ กว่ากัน โดยในรูปที่ให้อาสาสมัครไปให้คะแนน นั้นมีรูปคนจริงๆ กับรูปจาก AI ผสมปนเปกัน ผลก็คือ คะแนนของใบหน้าที่ถูกสร้างโดย AI ได้ นั้นสูงกว่าหน้าคนจริงๆ อีก

พูดง่ายๆ ตอนนี้เรามีเทคโนโลยีที่สร้างใบหน้าที่คนเห็นแล้วจะคิดว่าเป็นคนจริงๆ ไม่พอ พวกเขายังรู้สึกว่าหน้าตามันน่าเชื่อถือกว่าคนจริงๆ เสียอีก

ทั้งหมดนี้คือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอันน่าตื่นเต้น แต่อีกด้านหนึ่ง ‘ความน่ากลัว’ ของมันก็คือ พัฒนาการระดับนี้ก็การันตีด้วยเช่นกันว่า ถ้ามันจะถูกเอามาใช้เพื่อ ‘หลอกลวง’ คนก็ย่อมจะเชื่อสนิทใจ ซึ่งอะไรพวกนี้ คนก็พยายามจะสาธิตให้ดูมาพักใหญ่แล้วว่าเราสามารถทำคลิปผู้นำประเทศต่างๆ ออกมาพูดอะไรก็ได้แบบเนียนกริ๊บ

ดังนั้นในโลกที่เทคโนโลยีระดับนี้ดำรงอยู่ บางทีเราอาจต้อง ‘เชื่อในสิ่งที่เห็น’ ให้น้อยลงมากๆ เพราะถ้าวิดีโอแบบไม่มีที่มาที่ไปโผล่มา เราต้องตระหนักเสมอว่า ‘หน้าคน’ ในวิดีโออาจเป็นผลผลิตของ AI สุดล้ำก็ได้

อ้างอิง

  • Futurism. SCIENTISTS WARN THAT NEW AI-GENERATED FACES ARE SEEN AS MORE TRUSTWORTHY THAN REAL ONES. https://bit.ly/3MxDsDj
  • Neuroscience News. AI Generated Faces Are More Trustworthy Than Real Faces Say Researchers Who Warn of ‘Deep Fakes’. https://bit.ly/3tC4WyR