2 Min

เลิกเป็นคนที่ ‘อะไรก็ได้’ แล้วชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น

2 Min
1800 Views
24 Jan 2022

เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำอะไรตามใจคนรอบตัวอยู่เสมอ ไม่เคยปฏิเสธอะไรเลย หรือเห็นด้วยกับทุกความคิดเห็นของคนอื่นอยู่หรือเปล่า ถ้าใช่ก็แสดงว่าเราอาจจะกำลังเป็นคนที่อะไรก็ได้อยู่ก็ได้นะ แต่หลายคนก็อาจจะยังสงสัยว่า แล้วคนที่อะไรก็ได้เป็นอย่างไรนะ ในประเด็นนี้เราจะชวนทุกคนมาทำความเข้าใจกัน!

‘People-Pleaser’ อาจเป็นคำที่เราได้ยินกันไม่บ่อยนัก แต่หากเปลี่ยนเป็นคำว่าคนที่อะไรก็ได้หรือคนที่ชอบทำอะไรตามใจคนอื่น ไม่เคยปฏิเสธ ไม่เคยมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากคนอื่นเลย ไม่ว่าใครจะพูดหรือทำอะไรก็เห็นด้วยไปเสียทุกอย่าง ก็อาจจะพอทำให้ทุกคนเข้าใจความหมายของคำนี้และเห็นภาพกันชัดมากขึ้น

แต่เมื่อพูดถึงคนที่อะไรก็ได้หากเราเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำอะไรตามใจคนอื่นอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน ก็อาจเกิดคำถามในใจได้ว่า เราก็เป็นคนที่อะไรก็ได้หรือเปล่านะ วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนมาสำรวจตัวเองกัน ว่าเราแค่ตามใจคนอื่นแค่ในบางเรื่องเท่านั้น หรือเรากำลังเป็นคนที่อะไรก็ได้กับทุกเรื่องแล้วจริงๆ

  • รู้สึกว่าการที่ต้องพูดปฏิเสธคนอื่นเป็นเรื่องยาก
  • กังวลว่าคนอื่นจะคิดหรือมองเราอย่างไร
  • เห็นด้วยกับคนอื่น แม้ว่าในใจเราอาจจะไม่ได้เห็นด้วยก็ตาม
  • ต้องการการยอมรับจากคนอื่น
  • มักจะตำหนิหรือโทษตัวเองก่อนเสมอ

ถ้าคำตอบส่วนมากของเราคือใช่ก็มีแนวโน้มว่าเราอาจจะกำลังเป็นคนที่อะไรก็ได้จริงๆ แล้วแหละ!

แต่ในความจริงแล้ว การเป็นคนที่อะไรก็ได้กับทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก เพราะการที่เราละเลยความรู้สึกและความต้องการของตัวเองจริงๆ เอาแต่คอยทำตามคำขอของคนอื่น และไม่เคยปฏิเสธอะไรเลย ก็สามารถทำให้เราเกิดความเครียด ความวิตกกังวล และสูญเสียความมั่นใจในตัวเองได้เหมือนกัน

สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นคนที่อะไรก็ได้ วันนี้เราจึงมีวิธีที่จะช่วยให้คุณเลิกเป็นคนที่อะไรก็ได้มาฝากกัน! เพราะมันคงจะดีกว่าถ้าเรารู้จักปฏิเสธคนอื่น และทำตามความต้องการของตัวเองบ้าง เพื่อที่เราจะได้มีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น

  1. ให้ความช่วยเหลือคนอื่นแค่เท่าที่เราพอช่วยได้การสร้างขอบเขตของความช่วยเหลือที่เราช่วยได้จะช่วยให้เรารู้ตัวเองว่าเราสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะทำให้เราไม่เหนื่อยกับการช่วยเหลือคนอื่นมากเกินไป และมีเวลาทำตามความต้องการของตัวเองด้วย
  2. กล้าที่จะปฏิเสธให้เป็น โดยอาจเริ่มจากปฏิเสธในเรื่องเล็กน้อยก่อนเริ่มแรกเราอาจรู้สึกว่าการพูดปฏิเสธคำขอร้องของคนอื่นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ถ้าสมมติเราลองเริ่มจากปฏิเสธที่จะรับงานมาช่วยทำให้ทั้งหมด เปลี่ยนเป็นช่วยเหลือแค่บางส่วนหรือให้คำแนะนำแทน ก็น่าจะเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เราปฏิเสธได้ง่ายขึ้น
  3. ใส่ใจความต้องการหรือความรู้สึกของตัวเองให้มากขึ้นการเลิกแคร์ความคิดหรือความต้องการของคนอื่นและหันมาทำในสิ่งที่ใจเราต้องการบ้าง จะทำให้เรามีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น และนอกจากนี้ การได้ทำในสิ่งที่เราชอบหรืออยากทำจริงๆ งานมันก็จะออกมาดีมากกว่าแน่นอน
  4. เลิกเป็นผู้ให้เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องรู้จักเป็นผู้รับจากคนอื่นด้วยเราทุกคนสามารถให้ความช่วยเหลือคนอื่นได้ แต่อย่าลืมว่าบางครั้งตัวเราเองก็ต้องการความช่วยเหลือด้วยเหมือนกัน เพราะในความจริงแล้วก็ไม่มีใครเลยที่จะสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองในทุกเรื่องเสมอไป 
  5. เราทุกคนต่างรู้ดีว่าอะไรที่มันมากไปก็คงไม่ดีอยู่แล้ว การหยิบยื่นความช่วยเหลือหรือทำตามใจคนอื่นมากเกินไปก็เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราจึงควรช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่ตัวเองไหว และย้ำเตือนกับตัวเองไว้เสมอว่าทุกความสัมพันธ์ที่ดีก็ไม่ควรมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาเปรียบกัน 

 สุดท้ายแล้ว เราอยากบอกทุกคนว่า การใส่ใจความต้องการของตัวเองให้มากขึ้นและรู้จักปฏิเสธคนอื่นบ้างในบางครั้ง มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเลย และคนอื่นก็คงไม่ได้มองว่าคุณไร้น้ำใจหรือเห็นแก่ตัวอย่างที่ใจคุณเป็นกังวล ในทางกลับกัน มันอาจจะทำให้คุณได้ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตกลับคืนมาก็ได้นะ 

อ้างอิง