เราทุกคนต่างมีความคาดหวังกับตัวเองเสมอ บางคนอาจจะต้องการที่จะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ หรือบางคนอาจจะต้องการที่จะมีชีวิตให้เป็นไปตามสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ จนในหลายครั้งความคาดหวังทั้งจากตัวเอง และคนรอบข้างก็กลายเป็นแรงกดดันที่เราคาดไม่ถึง
บางครั้งมันอาจเป็นเรื่องดีเพราะการกดดันตัวเองมักจะนำมาสู่ความตั้งใจมุ่งมั่นและเป็นแรงผลักดันให้เราอยากจะทำสิ่งต่างๆในขีวิตให้สำเร็จ
แต่ในบางครั้ง ความกดดันที่มากจนเกินไปก็อาจทำให้เราไม่อยากทำอะไรเลยเหมือนกัน ความกดดันที่มากเกินไปจะทำให้เราไม่มีความสุขกับปัจจุบัน หรือผลลัพธ์ของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น (แม้ว่าจะดีในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม) ซึ่งอาจส่งผลต่อทั้งสภาพจิตใจและร่างกายของเรา
เราจะคิดว่ามันยังดีไม่พอ หรือมันสามารถดีขึ้นได้มากกว่านี้ ท้ายที่สุด มันอาจจะทำให้เราไม่อยากจะทำมันอีกหรือหมดใจที่จะทำมันนั่นเอง
ซึ่งความ ‘กดดันตัวเอง’ และ ‘ความคาดหวังที่เรามีต่อตัวเอง’ ก็เชื่อมโยงกับ ‘การเห็นคุณค่าตัวเอง’ ด้วยเช่นกัน
ลองนึกภาพตามดูก็ได้ พอเราคาดหวัง เราก็พยายามนึกถึงภาพตัวเองที่ควรจะเป็นในอนาคต
ถ้าเป็นคนที่เห็นคุณค่าในตัวเองสูง หรือมีความเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เราก็จะยิ่งคาดหวังกับตัวเองสูงขึ้นไปอีก
ในขณะเดียวกันถึงแม้จะเป็นคนที่เห็นคุณค่าในตัวเองต่ำไม่ค่อยเชื่อว่าตัวเองจะสามารถทำอะไรให้ออกมาดีได้ก็จะยิ่งทำให้เกิดความคาดหวังในตัวเองที่สูงมากเหมือนกัน
แต่อาจจะต่างกันในแง่ของ การที่อยากที่จะเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น การที่อยากจะทำมันให้ได้
เพราะฉะนั้นไม่ว่าคนที่เห็นคุณค่าในตัวเองสูงหรือต่ำ ต่างต้องการให้ทุกสิ่งเป็นไปตามความคาดหวัง ทำให้ยิ่งสร้างแรงกดดันต่อการกระทำต่างๆของตัวเองที่มากเกินไป
การที่เรามีความกดดันในตัวเองที่มากเกินไป ทำให้เราไม่พอใจในสิ่งที่เราทำได้หรือผลลัพธ์ของสิ่งที่เราทำออกมาเสียที เพราะคิดแต่เพียงว่ามันดีพอแล้วหรือยัง นอกจากจะส่งผลกระทบต่อตัวเองโดยตรงแล้ว ความกดดันนี้ ก็สามารถส่งผลต่อคนรอบข้างได้อีกด้วย การที่เราไม่มีความสุขกับปัจจุบันเพราะมัวแต่กังวลกับอนาคต ทำให้คนรอบข้างหรือคนใกล้ตัวได้รับพลังงานลบที่เราสร้างมันขึ้นมาจากการกดดันตัวเองมากเกินไปได้เช่นเดียวกัน
เมื่อการที่เรากดดันตัวเองมากเกินไป เป็นผลลบต่อตัวเองและคนอื่น การลดความกดดันให้น้อยลงจึงจำเป็นและสามารถทำได้ คือ
การยอมรับความสำเร็จของตัวเองการพอใจในผลลัพธ์ของสิ่งที่เราทำลงไปไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบที่สุดด้วยการต้องเอาชนะตัวเองตลอดเวลา
มีความยืดหยุ่นให้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีไปกับสิ่งที่กำลังจะทำ ทำมันอย่างพอดีในแบบที่เรารู้สึกว่า ‘เราทำดีที่สุดแล้ว’
มีความสมดุลในชีวิต ให้ความสนใจกับความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น ให้เวลากับตัวเองอย่างเพียงพอในการรักษาจิตใจและร่างกายจากการทำงานหนักเพื่ออนาคตที่ดี
มีความคิดในเชิงบวกกับสิ่งที่ทำอยู่ มีความคิดที่เชื่อว่าเราสามารถที่จะทำมันออกมาได้อย่างดี และเราสามารถที่จะแก้ไขสิ่งเหล่านั้นได้ เมื่อต้องเจอกับความผิดพลาด
ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ปล่อยให้ตัวเองรู้สึกไปกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดความรู้สึกเหล่านั้นให้ยอมรับมัน และมุ่งหน้าทำในสิ่งที่ต้องทำต่อไปให้ดีที่สุด
เรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเอง ยอมรับจุดอ่อนและความผิดพลาดของตัวเอง นำเอาความผิดพลาดมาพัฒนาตัวเองให้อยากจะทำในสิ่งต่างๆให้ดียิ่งขึ้น
มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะไม่กดดันตัวเองจนมากเกินไป เราอาจจะกลัวว่าการที่เราผ่อนคลายเพียงระยะเวลาสั้นๆ จะทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ดีพอเท่าที่เราคาดหวังไว้ แต่การกดดันตัวเองให้น้อยลง เป็นการสร้างสมดุลให้กับชีวิตและความรู้สึกของเราได้เป็นอย่างดี
และไม่ว่าผลลัพธ์ของชีวิตเราจะเป็นยังไง เราไม่จำเป็นจะต้องไปเสียใจกับสิ่งเหล่านั้น เพราะเราทำมันอย่างดีที่สุดแล้ว และหากคุณรู้สึกว่าคุณกดดันตัวเองจนมากเกินไป จนปัญหานี้กระทบกับชีวิตในปัจจุบัน การได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญก็ถือเป็นตัวช่วยอีกทางเลือกหนึ่งเช่นเดียวกัน
อ้างอิง
- kidshelpline.Putting pressure on yourself. https://bit.ly/3AZnCfw
- verywellmind.How to Stop Putting Pressure on Yourself. https://bit.ly/3QorTik