4 Min

งานยากรออยู่! กษัตริย์ ‘ชาร์ลส์ที่ 3’ & ราชินี ‘คามิลลา’ ทรงมีคะแนนนิยมตามหลังเชื้อพระวงศ์รุ่นลูก

4 Min
536 Views
15 Sep 2022

นับตั้งแต่สมเด็จพระราชินีนาถควีนเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคตเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2022 รัฐบาลอังกฤษก็แถลงยืนยันว่า มกุฎราชกุมารชาร์ลส์ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ต่อจากพระมารดาในฐานะสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3’ โดยทันที

อย่างไรก็ดี พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะจัดขึ้นอย่างเป็นทางการหลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีพระบรมศพควีนเอลิซาเบธที่ 2 ไปแล้ว

ขณะที่บรรยากาศทั่วไปในสหราชอาณาจักรมีการลดธงชาติเพื่อไว้อาลัยตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน และมีคนทยอยเดินทางมาวางช่อดอกไม้ไว้อาลัยที่หน้าพระราชวังบักกิงแฮมในกรุงลอนดอน และปราสาทบัลมอรัลในสกอตแลนด์ ซึ่งเป็นที่ที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคต ส่วนผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่างก็ส่งสาสน์แสดงความเสียใจมายังสมาชิกราชวงศ์อังกฤษที่ทรงใกล้ชิดกับควีนผู้ล่วงลับ

สำนักข่าว Reuters รายงานว่าประชาชนอังกฤษจำนวนมากเติบโตมาในรัชสมัยของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ผู้ทรงครองราชย์ยาวนานกว่า 70 ปี ทำให้พวกเขารู้สึกผูกพันกับพระองค์ และคนอังกฤษหลายรายให้สัมภาษณ์ว่าตัวเองรู้สึกเคว้งคว้างและเศร้าใจอย่างหนัก เพราะราชวงศ์อังกฤษสูญเสียเสาหลักไปแล้ว

แม้แต่กลุ่มรีพับลิกันที่ตามปกติแล้วเป็นตัวตั้งตัวตีหลักในการเรียกร้องให้อังกฤษเปลี่ยนจากประเทศที่มีกษัตริย์ทรงเป็นประมุขไปเป็นสาธารณรัฐ ก็ยังประกาศหยุดเคลื่อนไหวชั่วคราวเพื่อให้เกียรติแก่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 และครอบครัวของพระองค์ แต่ก็มีสื่อต่างประเทศที่ประเมินว่าหลังจากนี้ไม่นาน ข้อเรียกร้องให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์จะถูกนำมาถกเถียงกันอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในอังกฤษ แต่รวมถึงต่างแดนด้วย

สิ้นควีนเอลิซาเบธที่ 2’ ประเทศเครือจักรภพก็อาจสิ้นเยื่อใย

สื่อเก่าแก่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง Time รายงานว่า ผู้คนในบางประเทศเริ่มออกมาเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลของตัวเองพิจารณาถอนตัวจากการเป็นสมาชิกประเทศเครือจักรภพอังกฤษที่เป็นพันธะผูกพันตั้งแต่ยุคอาณานิคมเมื่อครั้งอดีต ซึ่งประเทศพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในแถบแคริบเบียน และอีกประเทศหนึ่งที่มีกลุ่มคนออกตัวค่อนข้างแรงก็คือออสเตรเลีย

กลุ่มรอยัลลิสต์ในออสเตรเลียแย้งว่า การลงประชามติเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นแล้วช่วงปลายทศวรรษ 1990 และเสียงข้างมากก็เลือกที่จะอยู่ในเครือจักรภพอังกฤษต่อไป ซึ่งเหมือนตอกย้ำกลายๆ ว่าไม่ควรต้องพูดเรื่องนี้กันใหม่ แต่กลุ่มรีพับลิกันยกเหตุผลมายืนยันว่า ตอนนี้อังกฤษมีกษัตริย์พระองค์ใหม่แล้ว แต่เป็นกษัตริย์ผู้ทรงมีประวัติอื้อฉาวในอดีต แถมพวกเขายังมองว่ากฎการสืบทอดตำแหน่งและยศถาบรรดาศักดิ์โดยยึดโยงกับสายเลือดของเหล่าสมาชิกราชวงศ์เป็นเรื่องล้าหลังที่สมควรยกเลิกเช่นกัน

ร่องรอยความเคลื่อนไหวเหล่านี้บ่งชี้ว่าคิงชาร์ลส์ที่ 3 อาจต้องทรงเหน็ดเหนื่อยอีกมากกว่าที่พระองค์จะเป็นที่ยอมรับในฐานะประมุขพระองค์ใหม่ ทั้งในประเทศและในเครือจักรภพอังกฤษ ยิ่งถ้าดูผลสำรวจความเห็นของคนอังกฤษที่เกี่ยวกับสมาชิกราชวงศ์ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2022 พบว่า มีคนรุ่นใหม่ในอังกฤษ อายุระหว่าง 18-24 ปี ตอบว่าสถาบันกษัตริย์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ คะแนนนิยมของคิงชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งเมื่อหลายเดือนก่อนทรงเป็นมกุฎราชกุมาร ถูกทิ้งห่างจากเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ โดยควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีคะแนนนิยมสูงสุด อันดับต่อมาคือดัชเชสเคท และเจ้าชายวิลเลียม พระสุณิสา และพระโอรสของพระองค์เอง ตามด้วยเจ้าชายฟิลิป พระราชบิดาผู้ทรงล่วงลับไปแล้วนานนับปี จากนั้นจึงเป็นเจ้าหญิงแอนน์ พระขนิษฐา และ ซารา ฟิลิป พระนัดดา

เรื่องอื้อฉาวในครอบครัวยังเป็นเงาตามติดกษัตริย์พระองค์ใหม่

สาเหตุหลักที่ทำให้คิงชาร์ลส์ที่ 3 ไม่ค่อยเป็นที่รักในหมู่ประชาชนสักเท่าไหร่ เพราะผู้คนยังมีภาพจำในความลังเลไม่เด็ดขาดของพระองค์ในอดีต ซึ่งเกี่ยวพันกับอดีตพระชายาไดอานาเจ้าหญิงแห่งเวลส์ เนื่องจากคิงชาร์ลส์ถูกเปิดโปงเรื่องมีสัมพันธ์ในแบบชู้สาวกับ คามิลลา พาร์คเกอร์ โบลว์ส อดีตภริยานายทหารที่พระองค์รู้จักและสนิทสนมตั้งแต่ก่อนจะเสกสมรสกับไดอานา และยังคงสานต่อความสัมพันธ์หลังจากเสกสมรสไปแล้ว ซึ่งชาวคริสต์ที่เคร่งครัดในอังกฤษก็มองว่า การคบชู้เป็นเรื่องผิดศีลธรรม ยิ่งคนที่เป็นเชื้อพระวงศ์ทำแบบนี้ด้วยแล้วจะนับเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาชนได้อย่างไร

นอกจากนี้ยังเคยมีสื่อรายงานว่า เจ้าชายชาร์ลส์ในอดีตมักจะแสดงท่าทีไม่พอใจพระชายาไดอานาเวลาที่ต้องออกงานพิธีการร่วมกัน เพราะพระชายาในขณะนั้นได้รับความสนใจจากผู้คนและสื่อมวลชนมากกว่าพระองค์เอง จึงมีนักวิเคราะห์ประเมินว่าเจ้าชายชาร์ลส์อาจรู้สึกว่าพระองค์เป็นรองอดีตพระชายา ซึ่งส่งผลให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ไปกันไม่รอด

เมื่อทรงหย่าร้างกับอดีตพระชายา และเข้าพิธีเสกสมรสใหม่กับดัชเชสคามิลลาแห่งคอร์นวอลล์ ซึ่งขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีคามิลลาณ ปัจจุบัน ก็ยิ่งทำให้คนอังกฤษจำนวนมากรู้สึกไม่พอใจกว่าเดิม เพราะรู้สึกตะขิดตะขวงใจที่คนที่พวกเขามองว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกลายเป็นคนที่ได้รับตำแหน่งสำคัญซึ่งเปรียบได้กับสัญลักษณ์ของประเทศ แม้แต่กลุ่มรอยัลลิสต์ที่สนับสนุนสถาบันกษัตริย์จำนวนไม่น้อยก็เคยตั้งคำถามว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะทรงหลีกทางให้เจ้าชายวิลเลียม พระโอรสองค์โตขึ้นเป็นกษัตริย์แทนได้หรือไม่

ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบคือไม่ได้เพราะตามธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยเป็นมา การสืบทอดสันตติวงศ์ก็ต้องเป็นไปตามลำดับอาวุโสและสายเลือดของทายาทพระองค์โตเป็นหลัก ต่อให้เจ้าชายวิลเลียมและดัชเชสเคทจะได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนมากกว่าก็ถือว่าไม่สมควร

ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองอังกฤษจึงประเมินว่า คิงชาร์ลส์ที่ 3 จะต้องเผชิญความท้าทายอีกหลายเรื่อง และต้องพิสูจน์พระองค์ให้ได้ว่าเหมาะสมกับตำแหน่งประมุขของประเทศและเครือจักรภพอังกฤษอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นแล้วก็อาจต้องเจอกับเสียงเรียกร้องให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ที่ก่อตัวรอตั้งแต่ยังไม่เริ่มพระราชพิธีบรมราชาภิเษกกันเลย และก็ต้องวัดใจว่ารอยัลลิสต์ในอังกฤษจะยังคงสนับสนุนสถาบันกษัตริย์ต่อไปเหมือนเดิมหรือไม่

อ้างอิง