4 Min

1 ใน 5 ของคน Gen Z เป็น LGBTQ+ อ้างอิงผลสำรวจในสหรัฐอเมริกา

4 Min
503 Views
09 Jun 2022

ทุกเดือนมิถุนายน แบรนด์ต่างๆ ชอบเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นสีรุ้งเพื่อฉลองสิ่งที่เรียกว่า ‘Pride Month’ ของชาว LGBTQ+ ซึ่งในไทยทุกวันนี้ก็มีการจัดงานอย่าง Pride Parade กันใหญ่โต

ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับชาว LGBTQ+ หรือกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ

แต่จริงๆ เหล่าแบรนด์ต่างๆ ยันสื่อต่างๆ ในยุคนี้ก็ไม่ได้แค่เปลี่ยนโปรไฟล์ แต่มีการออกผลิตภัณฑ์ ยันมีแคมเปญมากมาย โดยมีชาว LGBTQ+ อยู่ในใจเสมอ และนี่ก็ยังไม่ต้องพูดถึงหนังและซีรีส์ต่างๆ ในปัจจุบันที่แทบจะขาดตัวละคร LGBTQ+ ไปไม่ได้แล้ว

บางคนที่ไม่ชอบ LGBTQ+ ก็อาจมองว่าเป็นกระแสที่บ้าเห่อเดิมๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

แต่เราอยากจะบอกว่าจริงๆ มันมีหลักฐานและคำอธิบายด้านประชากรศาสตร์อยู่ว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ไม่น่าจะเป็นแค่กระแส แต่เป็นแนวโน้มใหม่ของสังคมทั่วโลกซึ่งมีแต่จะใหญ่ขึ้น 

เราอยากจะอธิบายจากสหรัฐอเมริกา ประเทศที่เป็นศูนย์กลางของปรากฏการณ์ทั้งหมด และดันเป็นประเทศที่มีการสำรวจแบบถี่ยิบจนเรามีข้อมูลมาพูดได้ด้วย

ในสหรัฐอเมริกามีโพลแบบหนึ่งที่เรียกว่าโพลสำรวจความเห็นสาธารณะต่อเรื่องต่างๆ และคำถามหนึ่งที่มีมานานแล้วก็คือคุณเห็นด้วยกับการแต่งงานของเพศเดียวกันหรือไม่?’ โดยสำนักที่ทำการสำรวจก็คือสำนักโพลชื่อดังอย่าง Gallup

เราอาจคิดว่าอเมริกาเป็นประเทศที่เปิดกว้างเรื่องพวกนี้ แต่อันที่จริง ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนี้เคร่งศาสนามาก และก็ต่อต้านการแต่งงานเพศเดียวกันมาช้านานในนามของศาสนา

อย่างไรก็ดี ความเห็นในสังคมก็ค่อยๆ เปลี่ยน เพราะในปี 2011 เป็นปีแรกที่ผลโพลชี้ว่าประชากรอเมริกันเกิน 50 เปอร์เซ็นต์เห็นด้วยกับการแต่งงานเพศเดียวกัน และตัวเลขนี้ก็พุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนในปีล่าสุดที่สำรวจคือ 2021 มันกลายเป็น 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยทุกวันนี้ ถ้าแยกเป็นรัฐๆ มีแค่ 2 รัฐในอเมริกาเท่านั้นที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเพศเดียวกัน ซึ่งคือรัฐอาร์คันซอส์ และ มิสซิสซิปปี รัฐอื่นๆ นั้นถึงจะอนุรักษนิยมแค่ไหนในทางสังคมการเมือง แต่คนส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการแต่งงานของเพศเดียวกันไปหมดแล้ว

บรรยากาศความคิดนี้เปลี่ยนไปช้าๆ จนในปี 2015 ศาลสูงสุดก็ตัดสินว่าแม้แต่รัฐที่ไม่อนุญาตให้มีการแต่งงานเพศเดียวกัน ก็ต้องยอมรับสถานะการแต่งงานที่คนเพศเดียวกันแต่งงานกันในรัฐอื่น ซึ่งในทางปฏิบัติ นี่ก็เหมือนแก้กฎหมายให้ทุกรัฐยอมรับการแต่งงานเพศเดียวกันนั่นแหละ

ตรงนี้จะเห็นว่าการยอมรับทางสังคมของอเมริกาต่อ LGBTQ+ เพิ่มขึ้นจริงๆ ในรอบ 10 ปีหลัง และมีตัวเลขยืนยันชัดเจน

แต่ไม่ใช่แค่การยอมรับ LGBTQ+ ที่เพิ่มขึ้น เพราะจริงๆ จำนวนประชากร LGBTQ+ ในสหรัฐฯ ก็เพิ่มขึ้นด้วย

เพราะ Gallup โพลเจ้าเก่าก็มีการสำรวจประชากร LGBTQ+ และพบว่าจากปี 2012 มา 2021 จำนวน LGBTQ+ ในสังคมอเมริกันเพิ่มจาก 3.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรมาเป็น 7.1 เปอร์เซ็นต์ของประชากร หรือพูดง่ายๆ คือเพิ่มเป็นเท่าตัว

ถ้ามาดูแบบแยกรุ่นก็จะเห็นเลยว่ายิ่งคนรุ่นใหม่จะยิ่งเป็น LGBTQ+ กันเยอะขึ้น เพราะในขณะที่คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์และเจน X นั้นมีสัดส่วนประชากร LGBTQ+ ในรุ่นเพียงนิดเดียว ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ของทั้งรุ่น แต่พอมาเจน Y คนเป็น LGBTQ+ นั้นกลับเพิ่มเป็นถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของทั้งรุ่น และพอมาเป็นเจน Z ก็จะเห็นเลยว่าคนบอกว่าตัวเองเป็น LGBTQ+ กันถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของทั้งรุ่น หรือถ้ามีเจน Z เดินมา 5 คน ต้องมีสักคนเป็น LGBTQ+ 

และนี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมเวลายิ่งผ่านไปจำนวน LGBTQ+ ในสังคมก็ยิ่งเยอะ เพราะคนรุ่นใหม่ๆ เป็นกันเยอะจริงๆ และก็ต้องเน้นว่าโพลนี้เขาจะสำรวจคนอายุเกิน 18 ปีเท่านั้น ยังไม่ได้นับพวก LGBTQ+ แบบเด็กๆ ที่กำลังจะเข้ามาขยายจำนวนประชากร LGBTQ+ ดังนั้นคนรุ่นใหม่ๆ ที่เป็น LGBTQ+ ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตแน่ๆ

สิ่งที่น่าสนใจคือถ้าไปดูในรายละเอียด เราจะเห็นเลยว่า ในบรรดาคนเจน Z ที่บอกว่าตัวเองเป็น LGBTQ+ นั้นเกินครึ่งระบุว่าตัวเองเป็นไบเซ็กชวล’ (Bisexual) หรือพูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาพร้อมจะมีความรักโดยไม่เกี่ยงว่าอีกฝ่ายจะเป็นหญิงหรือชาย ซึ่งถ้าลงไปในรายละเอียด เราก็จะเห็นว่าคนที่นิยมระบุอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองแบบนี้ส่วนใหญ่คือผู้หญิง และเราจะเห็นเลยว่าจำนวนผู้หญิงที่เป็นไบนั้นมากกว่าเลสเบี้ยน’ (หญิงรักหญิง) เป็น 3 เท่าตัว ในขณะที่เพศชายจะบอกว่าตัวเองเป็นเกย์มากกว่าจะบอกว่าตัวเองเป็นไบ

กลุ่มประชากรย่อยๆ ใน LGBTQ+ นี้ถ้าจะว่ากันก็คงคุยและวิเคราะห์กันได้อีกยาวๆ แต่ที่ยกมาเล่าในที่นี้ก็อยากจะชี้ให้เห็นว่า อย่างน้อยๆ ในอเมริกาเอง ประชากรกลุ่มนี้ก็ขยายขึ้นเป็นเท่าตัวจริงๆ ในรอบ 10 ปีให้หลัง และแนวโน้มคือจะเยอะขึ้นไปอีกในอนาคตอันใกล้ และนี่เป็นเหตุผลที่แบรนด์ต่างๆ ที่ไม่เคยสนใจเรื่องความเท่าเทียมของอัตลักษณ์ทางเพศอะไรก่อนหน้านี้จะหันมาโบกสะบัดธงสีรุ้งทุกเดือนมิถุนายนกันหมด

เพราะสุดท้าย ไม่ว่าใครจะชอบหรือไม่ ตัวเลขมันไม่หลอก ประชากรกลุ่มนี้เพิ่มเยอะขึ้นจริงๆ

และถ้าจะถามว่าทำไมเยอะขึ้น? ก็คงต้องพูดหรือกระทั่งเถียงกันอีกยาว เพราะในขณะที่ผู้สนับสนุน LGBTQ+ บอกว่า พอสังคมยอมรับมากขึ้น คนก็กล้าเปิดตัวมากขึ้น พวกคนที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมกลับเชื่อว่ามันคือพฤติกรรมเลียนแบบของเด็กๆ หลังจากคอนเทนต์ LGBTQ+ เพิ่มมาจนล้นในสารพัดสื่อ หลังจากที่พวกบริษัทต่างๆ หวังจะโหนกระแส LGBTQ+ และผลิตคอนเทนต์เกี่ยวกับกลุ่มหลากหลายทางเพศออกมารัวๆ

ตรงนี้ถ้าจะว่ากันอย่างซีเรียส ก็ไม่มีการศึกษาจริงๆ จังๆ เช่นกันว่าการเสพสื่อที่มีเนื้อหา LGBTQ+ เยอะๆ จะทำให้เป็น LGBTQ+ จริงหรือไม่ แต่นี่ก็อาจเป็นแค่พล็อตเดิมๆ แบบในอดีตที่คนเชื่อว่าการฟังเพลงรุนแรง การเล่นเกมรุนแรง จะทำให้คนมีพฤติกรรมรุนแรงตามไปด้วย อันเป็นความเชื่อที่จะนำไปสู่การพยายามควบคุมสื่อทั้งที่จริงๆ ภายหลังจากกระแสพวกนี้ผ่านไปหลายปี ก็มักจะมีงานวิจัยมาบอกว่าความเชื่อพวกนี้มันไม่มีรากฐานอยู่บนความจริงใดๆ เลย มีแต่การมโนไปเองของพวกคนรุ่นเก่าที่เห็นสื่อใหม่ๆ แล้วหวาดกลัวว่ามันจะส่งผลลบต่อพฤติกรรมของเด็กๆ

อ้างอิง