ทุกเดือนมิถุนายน แบรนด์ต่างๆ ชอบเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นสีรุ้งเพื่อฉลองสิ่งที่เรียกว่า ‘Pride Month’ ของชาว LGBTQ+ ซึ่งในไทยทุกวันนี้ก็มีการจัดงานอย่าง Pride Parade กันใหญ่โต
ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่อง ‘น่ายินดี’ สำหรับชาว LGBTQ+ หรือกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ
แต่จริงๆ เหล่าแบรนด์ต่างๆ ยันสื่อต่างๆ ในยุคนี้ก็ไม่ได้แค่เปลี่ยนโปรไฟล์ แต่มีการออกผลิตภัณฑ์ ยันมีแคมเปญมากมาย โดยมีชาว LGBTQ+ อยู่ในใจเสมอ และนี่ก็ยังไม่ต้องพูดถึงหนังและซีรีส์ต่างๆ ในปัจจุบันที่แทบจะขาดตัวละคร LGBTQ+ ไปไม่ได้แล้ว
บางคนที่ไม่ชอบ LGBTQ+ ก็อาจมองว่าเป็นกระแสที่บ้าเห่อเดิมๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
…แต่เราอยากจะบอกว่าจริงๆ มันมีหลักฐานและคำอธิบายด้านประชากรศาสตร์อยู่ว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ไม่น่าจะเป็นแค่กระแส แต่เป็นแนวโน้มใหม่ของสังคมทั่วโลกซึ่งมีแต่จะใหญ่ขึ้น
เราอยากจะอธิบายจากสหรัฐอเมริกา ประเทศที่เป็นศูนย์กลางของปรากฏการณ์ทั้งหมด และดันเป็นประเทศที่มี ‘การสำรวจ’ แบบถี่ยิบจนเรามีข้อมูลมาพูดได้ด้วย
ในสหรัฐอเมริกามีโพลแบบหนึ่งที่เรียกว่าโพลสำรวจ ‘ความเห็นสาธารณะ’ ต่อเรื่องต่างๆ และคำถามหนึ่งที่มีมานานแล้วก็คือ ‘คุณเห็นด้วยกับการแต่งงานของเพศเดียวกันหรือไม่?’ โดยสำนักที่ทำการสำรวจก็คือสำนักโพลชื่อดังอย่าง Gallup
เราอาจคิดว่าอเมริกาเป็นประเทศที่เปิดกว้างเรื่องพวกนี้ แต่อันที่จริง ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนี้เคร่งศาสนามาก และก็ต่อต้านการแต่งงานเพศเดียวกันมาช้านานในนามของศาสนา
อย่างไรก็ดี ความเห็นในสังคมก็ค่อยๆ เปลี่ยน เพราะในปี 2011 เป็นปีแรกที่ผลโพลชี้ว่าประชากรอเมริกันเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ‘เห็นด้วย’ กับการแต่งงานเพศเดียวกัน และตัวเลขนี้ก็พุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนในปีล่าสุดที่สำรวจคือ 2021 มันกลายเป็น 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยทุกวันนี้ ถ้าแยกเป็นรัฐๆ มีแค่ 2 รัฐในอเมริกาเท่านั้นที่ ‘คนส่วนใหญ่’ ยังไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของเพศเดียวกัน ซึ่งคือรัฐอาร์คันซอส์ และ มิสซิสซิปปี รัฐอื่นๆ นั้นถึงจะ ‘อนุรักษนิยม’ แค่ไหนในทางสังคมการเมือง แต่คนส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการแต่งงานของเพศเดียวกันไปหมดแล้ว
บรรยากาศความคิดนี้เปลี่ยนไปช้าๆ จนในปี 2015 ศาลสูงสุดก็ตัดสินว่าแม้แต่รัฐที่ไม่อนุญาตให้มีการแต่งงานเพศเดียวกัน ก็ต้องยอมรับ ‘สถานะการแต่งงาน’ ที่คนเพศเดียวกันแต่งงานกันในรัฐอื่น ซึ่งในทางปฏิบัติ นี่ก็เหมือนแก้กฎหมายให้ทุกรัฐยอมรับ ‘การแต่งงานเพศเดียวกัน’ นั่นแหละ
ตรงนี้จะเห็นว่า ‘การยอมรับทางสังคม’ ของอเมริกาต่อ LGBTQ+ เพิ่มขึ้นจริงๆ ในรอบ 10 ปีหลัง และมีตัวเลขยืนยันชัดเจน
แต่ไม่ใช่แค่การยอมรับ LGBTQ+ ที่เพิ่มขึ้น เพราะจริงๆ จำนวนประชากร LGBTQ+ ในสหรัฐฯ ก็เพิ่มขึ้นด้วย
เพราะ Gallup โพลเจ้าเก่าก็มีการสำรวจประชากร LGBTQ+ และพบว่าจากปี 2012 มา 2021 จำนวน LGBTQ+ ในสังคมอเมริกันเพิ่มจาก 3.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรมาเป็น 7.1 เปอร์เซ็นต์ของประชากร หรือพูดง่ายๆ คือเพิ่มเป็นเท่าตัว
ถ้ามาดูแบบ ‘แยกรุ่น’ ก็จะเห็นเลยว่ายิ่งคนรุ่นใหม่จะยิ่งเป็น LGBTQ+ กันเยอะขึ้น เพราะในขณะที่คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์และเจน X นั้นมีสัดส่วนประชากร LGBTQ+ ในรุ่นเพียงนิดเดียว ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ของทั้งรุ่น แต่พอมาเจน Y คนเป็น LGBTQ+ นั้นกลับเพิ่มเป็นถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของทั้งรุ่น และพอมาเป็นเจน Z ก็จะเห็นเลยว่าคนบอกว่าตัวเองเป็น LGBTQ+ กันถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของทั้งรุ่น หรือถ้ามีเจน Z เดินมา 5 คน ต้องมีสักคนเป็น LGBTQ+
และนี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมเวลายิ่งผ่านไปจำนวน LGBTQ+ ในสังคมก็ยิ่งเยอะ เพราะคนรุ่นใหม่ๆ เป็นกันเยอะจริงๆ และก็ต้องเน้นว่าโพลนี้เขาจะสำรวจคนอายุเกิน 18 ปีเท่านั้น ยังไม่ได้นับพวก LGBTQ+ แบบเด็กๆ ที่กำลังจะเข้ามาขยายจำนวนประชากร LGBTQ+ ดังนั้นคนรุ่นใหม่ๆ ที่เป็น LGBTQ+ ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตแน่ๆ
สิ่งที่น่าสนใจคือถ้าไปดูในรายละเอียด เราจะเห็นเลยว่า ในบรรดาคนเจน Z ที่บอกว่าตัวเองเป็น LGBTQ+ นั้น ‘เกินครึ่ง’ ระบุว่าตัวเองเป็น ‘ไบเซ็กชวล’ (Bisexual) หรือพูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาพร้อมจะมีความรักโดยไม่เกี่ยงว่าอีกฝ่ายจะเป็นหญิงหรือชาย ซึ่งถ้าลงไปในรายละเอียด เราก็จะเห็นว่าคนที่นิยมระบุอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองแบบนี้ส่วนใหญ่คือผู้หญิง และเราจะเห็นเลยว่าจำนวนผู้หญิงที่เป็น ‘ไบ’ นั้นมากกว่า ‘เลสเบี้ยน’ (หญิงรักหญิง) เป็น 3 เท่าตัว ในขณะที่เพศชายจะบอกว่าตัวเองเป็น ‘เกย์’ มากกว่าจะบอกว่าตัวเองเป็น ‘ไบ’
กลุ่มประชากรย่อยๆ ใน LGBTQ+ นี้ถ้าจะว่ากันก็คงคุยและวิเคราะห์กันได้อีกยาวๆ แต่ที่ยกมาเล่าในที่นี้ก็อยากจะชี้ให้เห็นว่า อย่างน้อยๆ ในอเมริกาเอง ประชากรกลุ่มนี้ก็ขยายขึ้นเป็นเท่าตัวจริงๆ ในรอบ 10 ปีให้หลัง และแนวโน้มคือจะเยอะขึ้นไปอีกในอนาคตอันใกล้ และนี่เป็นเหตุผลที่แบรนด์ต่างๆ ที่ไม่เคยสนใจเรื่องความเท่าเทียมของอัตลักษณ์ทางเพศอะไรก่อนหน้านี้จะหันมาโบกสะบัด ‘ธงสีรุ้ง’ ทุกเดือนมิถุนายนกันหมด
เพราะสุดท้าย ไม่ว่าใครจะชอบหรือไม่ ตัวเลขมันไม่หลอก ประชากรกลุ่มนี้เพิ่มเยอะขึ้นจริงๆ
และถ้าจะถามว่าทำไมเยอะขึ้น? ก็คงต้องพูดหรือกระทั่งเถียงกันอีกยาว เพราะในขณะที่ผู้สนับสนุน LGBTQ+ บอกว่า พอสังคมยอมรับมากขึ้น คนก็กล้าเปิดตัวมากขึ้น พวกคนที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมกลับเชื่อว่ามันคือ ‘พฤติกรรมเลียนแบบ’ ของเด็กๆ หลังจากคอนเทนต์ LGBTQ+ เพิ่มมาจนล้นในสารพัดสื่อ หลังจากที่พวกบริษัทต่างๆ หวังจะโหนกระแส LGBTQ+ และผลิตคอนเทนต์เกี่ยวกับกลุ่มหลากหลายทางเพศออกมารัวๆ
ตรงนี้ถ้าจะว่ากันอย่างซีเรียส ก็ไม่มีการศึกษาจริงๆ จังๆ เช่นกันว่าการเสพสื่อที่มีเนื้อหา LGBTQ+ เยอะๆ จะทำให้เป็น LGBTQ+ จริงหรือไม่ แต่นี่ก็อาจเป็นแค่พล็อตเดิมๆ แบบในอดีตที่คนเชื่อว่าการฟังเพลงรุนแรง การเล่นเกมรุนแรง จะทำให้คนมีพฤติกรรมรุนแรงตามไปด้วย อันเป็นความเชื่อที่จะนำไปสู่การพยายาม ‘ควบคุมสื่อ’ ทั้งที่จริงๆ ภายหลังจากกระแสพวกนี้ผ่านไปหลายปี ก็มักจะมีงานวิจัยมาบอกว่า ‘ความเชื่อ’ พวกนี้มันไม่มีรากฐานอยู่บนความจริงใดๆ เลย มีแต่การ ‘มโนไปเอง’ ของพวกคนรุ่นเก่าที่เห็นสื่อใหม่ๆ แล้วหวาดกลัวว่ามันจะส่งผลลบต่อพฤติกรรมของเด็กๆ
อ้างอิง
- Gallup. LGBT Identification in U.S. Ticks Up to 7.1%. https://bit.ly/3zga5RP
- Wikipedia. Same-sex marriage in the United States. https://bit.ly/3xlJS2K
- Gallup. Record-High 70% in U.S. Support Same-Sex Marriage. https://bit.ly/3xnnYMK