‘ป๊อปอาย’ อาจไม่ได้ชอบกินผัก แต่เพราะนักวิทย์เบลอจัด ใส่จุดทศนิยมผิดจนค่าโภชนาการโอเวอร์เกินจริง
ในที่นี้มีใครมีประสบการณ์ถูกผู้ปกครองรบเร้าให้กิน ‘ผัก’ เพื่อจะได้แข็งแรงเหมือนอย่าง ‘ป๊อปอาย’ (Popeye) กันบ้างไหม? หากใครเคยเจออย่างนั้น ถือเป็นคนมีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากแล้วนะ
แต่ไม่ว่าจะชอบหรือไม่อย่างไร คงปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงเวลาหนึ่ง ตัวละครในชุดกะลาสีเรือ กล้ามโต ชอบคาบไปป์ตลอดเวลา และกินผักกระป๋อง (ผักที่ป๊อปอายกินคือผักปวยเล้ง (Spinach) ไม่ใช่ผักโขม (Amaranth) ตามที่มีการแปลในเวอร์ชันภาษาไทย) คือหนึ่งในการ์ตูนที่ฮิตติดลมบน สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จไว้อย่างมากมาย
โดยเฉพาะในสหรัฐอมริกา ที่ภาพลักษณ์นั้นถูกนำไปปรากฏตัวอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนโทรทัศน์ หนังสือการ์ตูน (ภายหลังยังถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์) วิดีโอเกม และสินค้าต่างๆ ออกมานับไม่ถ้วน แม้แต่มิกกี้เมาส์ยังต้องยอมศิโรราบไปในช่วงเวลาหนึ่ง
อิทธิพลนั้นยังแรงไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องราวในเนื้อหา อย่างฉากการกินผักปวยเล้งเพื่อเอาชนะ ‘บลูตัส’ คู่อริตลอดกาลในเกือบทุกๆ ตอน ก็ทำให้ยอดขายผักในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์
โดยเฉพาะที่เมืองคริสตัลซิตี้ ในเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแปรรูปและขนส่งปวยเล้ง มีออร์เดอร์สั่งปวยเล้งกระป๋องเข้ามาวันละ 10,000 กระป๋อง เลยทีเดียว แถมเรื่องนี้ยังช่วยพยุงเศรษฐกิจของเมืองในยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great depression) เอาไว้ด้วย (ซึ่งก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่รูปปั้นป๊อปอายถูกสร้างขึ้นที่เมืองนี้)
แต่ใครจะคิดล่ะ ว่าเรื่องราวอันเป็นอัตลักษณ์นี้ เมื่อย้อนกลับไปยังข้อเท็จจริง ที่มาของสูตรพลังงานกลับผิดฝาผิดฝั่งไปเสียหมด เพราะนักเคมีดันบันทึกค่าสารอาหารในปวยเล้งสูงเกินจริง
จุดตั้งต้นของเรื่องนี้มาจาก อีริช ฟอน โวล์ฟ (Erich Von Wolfe) นักเคมีชาวเยอรมัน ผู้ค้นคว้าทำข้อมูลปริมาณธาตุเหล็กในพืชผักใบเขียวดันไปวางจุดทศนิยมผิดตำแหน่ง ตอนเขียนรายงานส่งวารสารการแพทย์ ในปี 1870 แทนที่จะเขียนว่า ปวยเล้งมีธาตุเหล็ก 3.5 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม เขากลับเขียนว่าปวยเล้งมีธาตุเหล็ก 35 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณจริงถึง 10 เท่า
ด้วยค่าพลังงานที่โอเวอร์เกินจริงไปมาก ก็คงไม่แปลกที่ใครจะนำมาใช้อ้างอิง ดังนั้นเมื่อ ‘ป๊อปอาย’ ถูกสร้างขึ้น ผู้บริหารสตูดิโอจึงแนะนำ เอลซี ซีการ์ (Elzie Segar) ผู้ให้กำเนิดตัวละคร เขียนให้ป๊อปอายกินปวยเล้งเพื่อเสริมความแข็งแรง เพราะมันเห็นชัดขนาดนั้นว่ามีคุณสมบัติทางโภชนาการที่ได้รับการยกย่องสูง
และจากนั้นเรื่องราวตำนานของนักกินผักเพิ่มพลังก็เกิดขึ้น โดยเฉพาะเวอร์ชันซีรีส์ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ ถูกผลิตมากกว่า 200 ตอน
ส่วนข้อมูลที่ผิดไปนั้นตอนนี้ถูกแก้ไขแล้ว แต่กว่าจะแก้ก็ต้องรอเกือบ 70 ปี หลังมีนักวิทยาศาสตร์ย้อนมาตรวจสอบวัดค่าพลังงานในผักชนิดนี้อีกหน จึงรู้ว่ารายละเอียดที่เชื่อกันมานมนานนั้นผิดไปจากความเป็นจริงมาก
แต่ก็นั่นล่ะ บางครั้งความผิดพลาดก็สร้างเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อให้เกิดขึ้นกับโลกได้ เหมือนอย่างการ์ตูนเรื่องนี้ที่กลายเป็นตำนาน และอยู่ในใจวัยเด็กของหลายๆ คน มาจนถึงทุกวันนี้
อ้างอิง
- How spinach became Popeye’s secret weapon https://shorturl.asia/T0uZr
- The True Science of Spinach and What the Popeye Mythology Teaches Us about How Error Spreads https://shorturl.asia/PU29l