2 Min

พบร่าง “นาย-ทาส” ในเมืองปอมเปอี จากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 2 พันปีก่อน

2 Min
594 Views
30 Nov 2020

ในการศึกษาประวัติศาสตร์ เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับเมืองปอมเปอี ประเทศอิตาลี ที่ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติครั้งใหญ่จากการระเบิดของภูเขาไฟวิซูเวียสที่ถล่มเมืองปอมเปอีและเมืองในบริเวณใกล้เคียงหายวับไปเมื่อปีค.ศ.79

และสิ่งที่ทำให้นักโบราณคดีให้ความสนใจกับเมืองปอมเปอีเป็นอย่างมากเพราะการเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากความร้อนของภูเขาไฟทำให้ร่างของชาวเมืองถูกเก็บไว้ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์

ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน มีรายงานว่า พบร่างของชาวปอมเปอีที่ถูกความร้อนจากลาวาคงรูปร่างที่สมบูรณ์เอาไว้เพิ่มเติมอีก 2 ร่าง โดยทั้งคู่ถูกฝังอยู่ด้วยกันบริเวณบ้านชานเมืองของเมืองปอมเปอี

ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าทั้งคู่รอดจากการปะทุในระยะแรก แต่เสียชีวิตจากการระเบิดปะทุครั้งที่ 2 ในเช้าวันต่อมา

จากการวิเคราะห์เชื่อว่าชายทั้งคู่มีสถานะเป็นเศรษฐีและทาสรับใช้ โดยชายที่คาดว่าเป็นทาสนั้นมีอายุราว 18-25 ปี และมีร่องรอยถูกกดทับบริเวณกระดูกสันหลังหลายแห่ง จึงคาดว่าเป็นผู้ที่ผ่านการใช้แรงงานหรือเป็นทาสในยุคสมัยนั้น

ในขณะที่ชายอีกคนมีอายุราว 30-40 ปี มีโครงสร้างกระดูกที่แข็งแรงกว่า และยังพบร่องรอยของเสื้อคลุมจากขนสัตว์ที่ให้ความอบอุ่นบริเวณรอบคอ

ภาพจำลองการระเบิดของภูเขาไฟวิซูเวียส l Devastating Disasters

Massimo Osanna ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์เมืองปอมเปอีระบุว่า ชายทั้งสองเสียชีวิตอย่างกะทันหันหรือที่เรียกว่า “Thermal Shock” จากการถูกความร้อนสูงอย่างฉับพลันสามารถสังเกตได้จากมือและเท้าของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายที่กำแน่น การค้นพบครั้งนี้ทำให้นักวิจัยเข้าใจระบบความสัมพันธ์และชนชั้นในอดีตมากขึ้น และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้เราคาดเดาทิศทางการหนีออกจากเมืองของประชาชนปอมเปอีในขณะนั้นได้

เมืองปอมเปอี l tititudorancea

เมืองปอมเปอีเป็นเมืองที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อ 550 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งในยุคแรกยังเป็นเพียงเมืองของชนเผ่าเร่ร่อน กระทั่งราว 80 ปีก่อนคริสตกาล ปอมเปอีก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน และกลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่รุ่งเรืองในเวลาต่อมา แต่ในปีค.ศ.79 ปอมเปอีก็ต้องเผชิญกับภัยจากภูเขาไฟวิซูเวียสที่ถล่มเมืองทั้งหมด

ซากเมืองปอมเปอีถูกค้นพบครั้งแรกในศตวรรษที่ 16 และเริ่มมีการขุดค้นเพื่อศึกษาในปี 1748 จนถึงปัจจุบันพบผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 1,500 ราย

ปัจจุบันยังคงดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีภายในอุทยาน แต่ไม่อนุญาตให้คนภายนอกหรือนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้ เนื่องจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

อ้างอิง: