หุ้น Plug Power บริษัทผลิต ‘แบตพลังงานไฮโดรเจน’ ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง หรือ ‘ไฮโดรเจน’ จะเป็นพลังงานที่มาแรงในปี 2021?
เมื่อมนุษย์เริ่มเข้าใจว่าจะอยู่ร่วมกันหรือ “จัดการ” โควิด-19 อย่างไร หลายสิ่งที่เคยเป็น “กระแส” ก่อนที่โควิด-19 จะเกิดขึ้น ก็เริ่มกลับมา
โดยเฉพาะกระแสรักสิ่งแวดล้อมที่เริ่มกลับมาช้าๆ และเรื่องใหญ่ที่ทั่วโลกเห็นตรงกันก็คือการเปลี่ยนจากการใช้ “พลังงานฟอสซิล” ไปเป็น “พลังงานสะอาด”
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่หุ้นของ Tesla ในภาพรวมขึ้นเกือบ 7 เท่าตัวมาตลอดปี 2020 จนทำให้อีลอน มัสก์ กลายมาเป็นคนรวยอันดับ 1 ของโลกในช่วงสั้นๆ และบริษัทที่หากินกับพลังงานสะอาดก็เป็นบริษัทที่ดูจะมีอนาคตเป็นพิเศษ
แน่นอน หลายคนก็คงเถียงว่าจริงๆ Tesla ไม่ได้ “มีดี” แค่นั้น ซึ่งก็จริง
แต่ ณ จุดนี้เราจะบอกว่า นอกจากเทสล่า ยังมีบริษัทหนึ่งที่คนไม่ค่อยพูดถึงเท่าไร แต่ในปี 2020 หุ้นขึ้นมา 10 เท่าตัว เรียกได้ว่าขึ้นมาบ้าคลั่งมากยิ่งกว่า Tesla เสียอีก
บริษัทนี้ชื่อว่า Plug Power ซึ่งธุรกิจหลักคือ ผลิต “แบตเตอรี่พลังไฮโดรเจน”
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะงงว่า พลังงานไฮโดรเจนใช้ได้จริงๆ เหรอ?
และนี่แหละ เราอาจจะต้องเล่ากันยาวหน่อย เพราะทั่วๆ ไปความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ แทบไม่มีเลย…
‘ไฮโดรเจน’ พลังงานที่โลกรู้จักตั้งแต่ยุค 1970s
ขอเริ่มจากว่า มนุษย์สร้าง “เครื่องจักรพลังไฮโดรเจน” มาได้อย่างน้อยตั้งแต่ยุค 1970s แล้ว ซึ่งจริงๆ ก็คล้ายๆ กับ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่สร้างมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 แต่เทคโนโลยีมันไม่ฮิต เลยตกกระป๋องไป ต้องหลีกทางให้กับอุตสาหกรรมฟอสซิล
ในช่วงปีหลังๆ ที่โลกกลับมาต้องการ “พลังงานสะอาด” พลังงานไฮโดรเจนก็ถูกกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง เช่นเดียวกับหลายๆ พลังงาน แต่เราไม่ค่อยได้ยิน เพราะมันไม่มี “ฟรีเซนเตอร์” เด็ดๆ สักคน และคนที่เป็นหัวหอกที่จะเปลี่ยนโลกเป็นพลังงานสะอาดอย่างอีลอน มัสก์ ไม่ใช่แค่ไม่ได้ทำเรื่องพลังงานไฮโดรเจน แต่เขาพูดด้วยซ้ำว่ามันเป็นเทคโนโลยี “ขยะ”
พูดง่ายๆ คือเขาเชื่อว่าพลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้นจะเป็นพลังงานสะอาดที่จะได้รับชัยชนะในยุคหลังพลังงานฟอสซิล
แต่ถามว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหรอ? ถ้าไปถามผู้บริหารบริษัทรถยนต์ ส่วนใหญ่กลับไม่เห็นด้วย โดยการสำรวจในปี 2017 ผู้บริหารราว 80% เห็นว่าพลังงานไฮโดรเจนมีอนาคตที่ดีกว่าพลังงานแสงอาทิตย์
คำตอบที่ง่ายที่สุดเลยก็คือ “ปัญหา” ของรถยนต์ไฟฟ้าน่ะแหละครับ คือต่อให้เทคโนโลยีสุดยอดยังไง เวลา “แบตหมด” ยังไงก็ต้องชาร์จเป็นเวลานาน เรียกได้ว่าไม่ได้ชาร์จให้เต็มเร็วได้แบบแค่แวะปั๊มเติมน้ำมันแน่ๆ พูดง่ายๆ คือถ้าจะขับรถทางไกลนี่ลำบากแน่นอน
และปัญหานี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สำหรับยานยนต์ที่ต้องเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในการทำงานอย่างรถบรรทุก เพราะมันไม่สามารถมาหยุด “ชาร์จแบต” ได้
คือทุกวันนี้ถ้ารถบรรทุกเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าหมด สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการขนส่งทุกอย่างต้องช้าไปหมด เพราะต้องเผื่อเวลา “ชาร์จแบต”
แต่สำหรับพลังไฮโดรเจนนั้นไม่ใช่ เพียงแค่หยุดจอดแล้ว “เติมไฮโดรเจน” ก็วิ่งต่อได้ทันทีได้เหมือนเติมน้ำมันเลย
และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ตลาด “รถบรรทุก” แทบจะเป็นคนละเรื่องกับรถยนต์ส่วนบุคคลเลย เพราะเขามองว่ารถบรรทุกไฟฟ้าไม่น่าจะเวิร์ค ด้วยเหตุผลเรื่องต้องหยุดชาร์จแบตที่ว่ามา
‘ไฮโดรเจน’ มากกว่าความฝัน คือความจริงที่มีอนาคต
ซึ่งถามว่าพลังงานไฮโดรเจนเป็นแค่แนวคิดในฝันใช่ไหม? คำตอบคือ เขาทำกันมานานแล้วครับ Toyota ออกรถยนต์พลังไฮโดรเจนรุ่น Mirai มาตั้งแต่ปี 2016 แล้ว และหลังๆ ก็มีสตาร์ทอัพหลายเจ้ามากที่พยายามจะผลักดันพลังงานไฮโดรเจนให้เป็นเมนสตรีม
อันที่จริง พลังงานไฮโดรเจนเป็นเมนสตรีมไปแล้วและเป็นมานานแล้ว แต่อยู่ในโกดัง เพราะรถยกพลังไฮโดรเจนนี่ใช้กันเกลื่อนมานานแล้วในอเมริกา ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่ามันเป็นการใช้แบบ “ในร่ม” ครับ ขืนใช้น้ำมันเชื้อเพลิง มัน “เผาไหม้” ที่ควันออกมา ก็เรียกได้ว่าคงจะ “รมควัน” กันในโกดัง
กล่าวคือมันเป็นพื้นที่ที่ “พลังงานสกปรก” นี่ใช้ไม่ได้อยู่แล้ว การใช้พลังงานไฮโดรเจนก็เลยโต (เครื่องจักรพลังไฮโดรเจนทำงานแล้วจะปล่อย “ไอน้ำ” ออกมาแทน “ไอเสีย” เพราะมันทำงานผ่านปฏิกิริยาระหว่างก๊าซไฮโดรเจน (H2) กับก๊าซออกซิเจน (O) ในอากาศ และผลผลิตก็คือน้ำ หรือ H2O นั่นเอง)
ซึ่งนี่ก็กลับที่บริษัท Plug Power ที่หุ้นขึ้นกว่า Tesla ในปี 2020 ถ้าจะถามว่าธุรกิจหลักคืออะไร หลักๆ ก็คือ ขายแบตเตอรี่พลังไฮโดรเจนให้รถยกในโรงงานนั่นเอง
และบริษัทนี้ก็แรงมาถึงปี 2021 เพราะในเดือนมกราคม ปี 2021 บริษัท SK Group ของเกาหลีใต้ (บริษัทใหญ่อันดับ 3 ของเกาหลีใต้) เข้าซื้อหุ้น Plug Power ไป 10% และหวังจะเป็นซัพพลายเออร์หลักของแบตเตอรี่พลังงานไฮโดรเจนในเอเชีย
และไม่ใช่แค่ SK Group เท่านั้นที่จะมาเล่นเรื่องพลังไฮโดรเจน แต่ยักษ์ร่วมชาติจากเกาหลีอย่าง Hyundai ก็ผลิตรถบรรทุกพลังงานไฮโดรเจนและส่งไปถึงสวิตเซอร์แลนด์เรียบร้อยแล้วในเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา
ศึกพลังงาน แสงอาทิตย์ VS ไฮโดรเจน ใครจะเป็นผู้ชนะ
เรียกได้ว่าพลังงานไฮโดรเจนยังมีที่ทางจะโตได้อีกมากมาย และ “ศึกพลังงานสะอาด” ก็ยังอีกยาวไกล ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราควรจะจับตาดูกัน เพราะหมดโควิด-19 แล้วบรรยากาศ “สู้โลกร้อน” กลับมาเมื่อไหร่ ข้อถกเถียงพลังงานแสงอาทิตย์ VS พลังงานไฮโดรเจนจะโผล่มาแน่นอน เพราะคนจะเริ่มเห็นเรื่อยๆ ว่าการ “เอารถที่ใช้น้ำมันออกจากถนนให้หมด” ที่หลายชาติพยายามจะทำ ไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การใช้รถพลังงานไฟฟ้าเสมอไป เพราะรถพลังงานไฮโดรเจนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก
ถ้าถามว่าศึกนี้จะมหากาพย์แค่ไหน เอาง่ายๆ คือ พลังงานแสงอาทิตย์คือพลังงานมหาศาลที่ใช้ยังไงก็ไม่หมด ส่วนไฮโดรเจนคือธาตุที่มีมากที่สุดในจักรวาล ซึ่งใช้ยังไงก็ไม่น่าหมดอีกเหมือนกัน
ปัญหาของอันแรกคือตอนนี้เทคโนโลยีจัดเก็บ (แบตเตอรี่นั่นเอง) ยังแพงอยู่ และการชาร์จยังทำได้ช้า ส่วนอันหลังแม้ว่าเทคโนโลยีจัดเก็บจะถูกกว่า แต่ “เครื่องยนต์” ที่จะใช้แปลงไฮโดรเจนเป็น “พลังงาน” ยังต้องพัฒนาอีก
นอกจากนี้ ปัจจุบัน “ปั๊มไฮโดรเจน” แม้แต่ในอเมริกายังแทบไม่มีเลย คือซื้อรถมาก็ไม่รู้จะไปเติมที่ไหน
นี่คือศึก “ยักษ์ชนยักษ์” ที่ทั้งสองฝ่ายมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน และผลแพ้ชนะในไม่กี่ปีข้างหน้าอาจเป็นตัวกำหนดว่าอารยธรรมของมนุษย์จะใช้พลังงานอะไรเป็นหลักในอีก 100 ปีต่อจากนี้
อ้างอิง:
- Fool. Plug Power Stock Has Surged 1,000% so Far in 2020, Is It a Buy for 2021? http://bit.ly/39JmaSj
- The Economist. After many false starts, hydrogen power might now bear fruit. http://econ.st/2MymH0z
- CNBC. Elon Musk says the tech is ‘mind-bogglingly stupid,’ but hydrogen cars may yet threaten Tesla. http://cnb.cx/3auXg89
- Forbes. Why Are Car Manufacturers Ignoring Hydrogen Engines?. http://bit.ly/3rpDYIf
- Wikipedia. Timeline of Hydrogen Technologies. http://bit.ly/2LhJsFn