Select Paragraph To Read
- การเติบโตของอุตสาหกรรมนมจากพืช
- โตขึ้นเพราะอะไร
- ‘นม’ อะไรดีที่สุด
- ในฐานะผู้บริโภคเราควรเลือกแบบไหน
สำหรับใครก็ตามที่ชอบดื่มนมเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะรสชาติใด เปรี้ยว หวาน มัน จืด เป็นนมวัวหรือนมถั่วเหลือง และนมชนิดอื่นๆ เราทราบกันหรือไม่ว่านมชนิดใดที่ดีต่อโลกมากที่สุด
จั่วหัวมาเช่นนี้ อาจชวนมึนงงสักเล็กน้อย เพราะตามปกติคนเราจะดื่มนมด้วยเหตุทางสุขภาพ คัดสรรนมที่ดีต่อร่างกาย (และรสชาติ) เอาไว้ก่อน
แต่ในยุคที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมอาจเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุร้อยแปดพันเก้าจากชีวิตประจำวัน (โดยไม่รู้ตัว) ก็อาจต้องรู้กันหน่อยว่านมแบบไหนที่ดีกับเราแล้ว ยังดีกับโลกด้วยเช่นกัน
การเติบโตของอุตสาหกรรมนมจากพืช
แน่นอนว่า นมวัว ถือเป็นนมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายคนเรามากที่สุด แต่มันก็อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน
ดังที่พบเห็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยแพ้แลคโตส หรือน้ำตาลชนิดหนึ่งที่พบได้ในน้ำนมของวัว แพะ หากร่างกายใครรับไม่ได้ก็จะมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หนักเข้าก็ถึงอาเจียน ถ่ายเหลวถ่ายหนักตามมา
ด้วยเหตุนั้น จึงมีคนหัวใสคิดค้น ‘นมทางเลือก’ ให้คนที่อยากดื่มนมแต่แพ้แลคโตส ซึ่งที่คุ้นกันมากที่สุดก็คือ นมถั่วเหลือง ที่เห็นได้ทั่วไปตามซูเปอร์มาร์เก็ตยันร้านโชห่วยริมทาง
แต่ในปัจจุบัน นมทางเลือกจากพืช ไม่ได้มีแต่ถั่วเหลืองเพียงอย่างเดียว ยังมีนมมังสวิรัติชนิดอื่นๆ ตามออกมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะจากข้าวโอ๊ต อัลมอนด์ ฯลฯ
โดยตามข้อมูลล่าสุดพบว่า ‘นมทางเลือก’ ที่ทำมาจากพืชสารพัดสารเพ กำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามากินส่วนแบ่งในตลาดสินค้าประเภทนมอย่างน่าสนใจทีเดียว
ปัจจุบัน ครัวเรือนในสหรัฐหันมาซื้อนมจากพืชมากถึง 41% แล้ว และตลาดก็ยังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ตามที่คาดกันไว้ในปี 2026 จะมีมูลค่าในตลาดถึง 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากยอดขายทั่วโลก (รายงานโดย Global Market Insights)
โตขึ้นเพราะอะไร
เหตุที่ทำให้ตลาดโตขึ้นนั้น มีการวิเคราะห์กันว่า การดื่มนมจากพืชตื่นขึ้นพร้อมๆ กับกระแสผู้คนที่หันมาสนใจอาหารมังสวิรัติกันมากขึ้น
แน่นอนว่า เหตุผลเรื่องแลคโตสก็ยังถือเป็นกลุ่มใหญ่ ในความหมายมากกว่าดื่ม หรือคือการแพ้นมที่เป็นส่วนผสมในอาหาร
ส่วนเรื่องทางสิ่งแวดล้อมถูกระบุไว้เป็นหมายเหตุต่อท้าย แม้ว่าจริงๆ แล้วประเด็นนี้มีเรื่องมีราวให้ชวนขบคิดต่อ
‘นม’ อะไรดีที่สุด
ตามที่จั่วหัวไว้ตั้งแต่ตอนต้น ในที่นี้เราคงไม่มาชั่งน้ำหนักว่านมชนิดไหนดีต่อสุขภาพมากที่สุด แต่จะมาคุยกันต่อถึงนมจากพืชที่ออกมามากมายว่าอย่างไหนดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ากัน
ซึ่งผลที่ได้จากการเปรียบเทียบจากนมจากพืช 5 ชนิด ได้แก่ อัลมอนด์ เฮเซลนัท ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต และกัญชา
หากว่ากันในเรื่องใหญ่ๆ อย่างปัญหาโลกร้อน การปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ จากภาคอุตสาหกรรม เราพบว่า นมอัลมอนด์และเฮเซลนัทมีปริมาณคาร์บอนฯ ต่ำที่สุด เนื่องจากเราสามารถปลูกร่วมกับต้นไม้ชนิดอื่นๆ ได้ แทนที่เพาะปลูกแบบทุ่งพืชเชิงเดี่ยว จึงใช้พื้นที่น้อยกว่ามาก และมีข้อดีด้วยว่าต้นไม้ที่ปลุกร่วมยังดึงคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศได้อีกต่อหนึ่ง
ตรงกันข้าม หากพูดกันถึงเรื่องการประหยัดน้ำ กลับพบว่า การปลูกถั่วเหลืองกลับใช้น้ำน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับปริมาณนมที่เท่ากัน
หรือในอีกด้านหนึ่ง กลับพบด้วยว่า หากต้องการรักษาธาตุอาหารในดิน นมข้าวโอ๊ตถูกยกเป็นทางเลือกดีที่สุด เพราะมีศักยภาพในฐานะพืชคลุมดิน สามารถปลูกได้ในช่วงอากาศเย็น จึงสามารถช่วยคืนสารอาหารให้กับดินในช่วงนอกฤดูเพาะปลูก
ดังนั้น ผลมันจึงกลับกลายเป็นว่า แต่ละอย่างกลายเป็นมีดีคนละด้าน ไม่มีแบบไหนที่ดีที่สุด คำตอบจึงเป็นเรื่องการ “ผสมผสาน” สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
เช่น อุตสาหกรรมต้องไม่เพิ่มคาร์บอนฯ จนถึงจุดที่ทำให้อุณหภูมิโลกเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ต้องสอดคล้องกับทรัพยากรของน้ำจืดที่เหลืออยู่ในอนาคต หรือต้องไปทำให้คุณภาพดินเสื่อมสภาพจนเพาะปลูกสิ่งใดไม่ได้
หรือในอนาคตหากเราสามารถพัฒนาพันธุ์พืชเพื่อให้ผลที่มีประสิทธิภาพได้ดีกว่าเดิม นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง (เช่นเดียวกับที่ตอนนี้เราพยายามลดก๊าซมีเทนจากการเรอของวัวได้สำเร็จ)
ในฐานะผู้บริโภคเราควรเลือกแบบไหน
ปัจจุบัน มีงานวิจัยทางสิ่งแวดล้อมหลายชิ้นที่พยายามโน้มน้าวให้คนหันมาดื่มนมจากพืชแทนนมวัว ถึงแม้นมจากพืชจะมีข้อดีในหลายๆ ด้าน แต่ก็อาจมีเรื่องเบื้องหลังดำมืดซ่อนอยู่ และกลายเป็นอุตสาหกรรมทำลายป่าทำโลกร้อนได้เหมือนกัน
หากจะว่ากันง่ายๆ ก่อนการซื้อสินค้า ควรพยายามมองหา “ฉลากเขียว” หรือ “ฉลากสิ่งแวดล้อม” บนผลิตภัณฑ์ก่อน ซึ่งจะช่วยการรันตีได้ระดับหนึ่งว่าต้นทางของสินค้านั้นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจริง (ต่อให้เป็นนมวัวก็ตาม)
ใครอยากรู้เรื่องฉลากเพิ่มเติม สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ในบทความเรื่อง “ดู ‘ฉลาก’ ก่อนซื้อ วิธีง่ายๆ ที่ผู้บริโภคจะช่วยให้โลกไม่โดนทำร้าย” ได้ที่: https://bit.ly/3wv2mLX
หรืออีกเรื่องหนึ่งที่เราควรใส่ใจคือ การดื่มนมให้หมดพอดีกับวันหมดอายุ ก็เป็นอีกทางที่ช่วยให้เราใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและไม่เสียเปล่าที่สุด
อ้างอิง
- NBC News. Plant-based milk vs. cow’s milk: What’s the difference? https://nbcnews.to/3sWmpR8
- Cision. Plant Milk Market Revenue to Hit $21 Billion by 2026, Says Global Market Insights, Inc. https://prn.to/3mpjUnU
- Global Citizen. Which Plant-Based Milk Is Best for the Environment? https://bit.ly/3sSTjSF