3 Min

ทำไม ‘พิตบูล’ ถึงเปลี่ยนจากหมาฮิตสุดในอเมริกามาเป็น ‘ภัยสังคม’

3 Min
1939 Views
24 Nov 2022

ถ้าจะพูดถึงหมานี่น่ากลัวที่สุดภาพที่ใครหลายคนมักนึกถึงก็คือพิตบูล’ (American Pit Bull Terrier) เพราะคงคุ้นเคยกับข่าวหมาสายพันธุ์นี้ไปกัดคนจนบาดเจ็บบ้าง บ้างก็ถึงขั้นเสียชีวิต และในหลายประเทศก็มีกฎหมายห้ามเลี้ยงพิตบูลด้วย พิตบูลจึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งหมาดุร้ายไปโดยปริยาย

แต่รู้ไหมว่า ย้อนกลับไปในอเมริการาวสัก 100 ปีก่อน ภาพจำของพิตบูลไม่ใช่แบบนี้เลย เพราะพิตบูลนั้นเทียบได้กับลาบราดอร์รีทริฟเวอร์และโกลเดนรีทริฟเวอร์มันเป็นภายตัวแทนของหมาที่ไปปรากฏในโฆษณาหลายชิ้น ถ้าเป็นยุคนี้ การถ่ายภาพโฆษณาครอบครัวแสนสุขต้องมีโกลเดนริทรีฟเวอร์สักตัว หรือโฆษณาทิชชูต้องมีลาบราดอร์รีทริฟเวอร์ แต่ในยุคโน้น ตั้งแต่โฆษณาแผ่นเสียง ยันป้ายโฆษณาชวนเชื่อให้คนรักชาติ หมาที่ปรากฏมันก็ต้องเป็นพิตบูลเท่านั้น

100 ปีที่แล้วพิตบูลคือหมาที่คนอเมริกันเลี้ยงกันแพร่หลายมาก และมันยังเป็นหมาน่ารักไม่มีพิษภัยใดๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพิตบูลจึงกลายเป็นตัวแทนของหมาดุร้ายในวันนี้

ในฐานะที่เป็นหมายอดฮิต ดังนั้นคนก็จะเลี้ยงพิตยูลเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจน แต่บังเอิญว่าช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เศรษฐกิจอเมริกาขยายตัวคนมีรายได้มากขึ้นตั้งแต่คนรวยยันคนจนและคนจนเองก็อยากเลี้ยงหมามากขึ้นพวกเขาจึงเลือกเลี้ยงพิตบูล

เมื่อพิตบูลฮิตมากชนชั้นล่างเลี้ยงมันมากขึ้นซึ่งพวกเขาก็ไม่สามารถเลี้ยงหมาได้แบบมีสวัสดิภาพที่ดีนักคนยากจนในเมืองจึงเลี้ยงหมาด้วยการล่ามโซ่ไว้ทั้งวันไม่นับการทุบตีทำร่ายปัจจัยเหล่านี้ทำให้หมาดุขึ้นไม่จำเป็นต้องพิตบูลหมาพันธ์ุไหนก็ดุขึ้นทั้งนั้นถ้าเลี้ยงแบบนี้

แต่ที่โหดกว่านั้น ในสมัยนั้นชนชั้นล่างนิยมการเล่นหมากัดกันและนิยมจนแทบจะกลายเป็นกีฬาเพื่อความบันเทิง (อารมณ์เหมือนการตีไก่และกัดปลาของบ้านเรานั่นแหละ) และหมาที่ถูกเอามากัดกันก็คือพวกพิตบูล อันเป็นหมายอดฮิตน่ะแหละ

และนั่นก็ทำให้ในหลายๆ รัฐค่อยๆ ออกกฎหมายแบนการเอาหมามากัดกัน และในปี 1975 ทุกรัฐในอเมริกาก็แบนกีฬานองเลือดชนิดนี้จนหมด

แน่นอน มันก็ยังมีคนลักลอบเอาหมามากัดกัน แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือภาพจำของสังคมอเมริกันต่อหมาพิตบูลมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว เพราะในช่วงที่การเอาหมามากัดกันถูกแบนไปจากอเมริกา พิตบูลถูกมองว่าเป็นหมาของพวกคนผิวสี พวกพ่อค้ายา ที่เลี้ยงเอาไว้ถ้าไม่เอาไว้กัดคน ก็เลี้ยงเอาไว้แอบกัดกันเพื่อเล่นพนัน

และถ้าไปดูนิตยสารดังต่างๆ ในช่วงทศวรรษ 1980 ก็จะเห็นเลยว่าภาพของพิตบูลมันไม่ใช่เพื่อนรักของมนุษย์อีกแล้ว แต่ได้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารไป

และนั่นทำให้ภาพของพิตบูลกลายเป็นสัญลักษณ์ของความดุร้ายจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพอมันไปประสานกับกฎหมายแบนสุนัขเฉพาะสายพันธุ์ในหลายๆ ประเทศที่ห้ามเลี้ยงและเพาะพันธุ์พิตบูล’ (และสุนัขพันธ์ุใหญ่อีกจำนวนหนึ่ง) มันก็ยิ่งผลิตซ้ำภาพความน่ากลัวของพิตบูลยิ่งขึ้นไปอีก

แล้วความจริงเป็นยังไง? คำตอบแบบที่ไปถามผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงสุนัข เขาก็บอกตรงกันว่าไม่มีหมาพันธุ์ไหนที่เกิดมาดุหมาจะเป็นยังไงมันขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู การเลี้ยงพิตบูลให้น่ารักมันก็เลี้ยงได้ หมาน่ารักดูไม่มีพิษภัยแบบลาบราดอร์ถ้าเลี้ยงไม่ดีมันก็ทำให้หมาดุได้

ซึ่งถ้าถามลึกลงไปอีกว่าทำไมพิตบูลที่คนเลี้ยงๆ กันมันถึงดุ คำตอบที่ตรงก็คงจงใจเลี้ยงให้มันดุเป็นส่วนใหญ่ คนเลี้ยงมันเพราะมันหน้าโหด เพราะมันมีกล้ามเป็นมัดๆ ทั้งตัว และคอมมอนเซนส์คนก็คิดว่านี่แหละดุแน่ เลยเลี้ยงมันด้วยความคาดหวังแบบนั้น มันก็เลยเป็นไปตามนั้น และพอเป็นแบบนั้นปัญหามันไม่ใช่ที่ตัวหมา มันอยู่ที่คน และการออกกฎหมายแบนหมาบางสายพันธุ์มันก็ไม่มีความแฟร์อะไรกับหมาทั้งนั้น

ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าพอเห็นพิตบูลแล้วจะคิดว่ามันไม่ดุ เพราะหมาทุกตัวตั้งแต่หน้าโหดยันหน้าตาน่ารัก ตัวใหญ่เท่าคนยันตัวเล็กแบบใส่กระเป๋าเสื้อได้ มันดุได้ทั้งนั้น การไปเล่นกับหมาโดยคิดว่ามันไม่ดุแบบไม่ถามคนเลี้ยงก่อน คือสิ่งที่ผิด แต่ถ้าคนเลี้ยงเขาบอกไม่ดุ แบบนั้นก็ค่อยพิจารณาเล่นได้

เพราะสุดท้ายก็ต้องจำไว้เสมอว่า ไม่ว่าจะพิตบูลหรือลาบราดอร์ มันจะเป็นหมาน่ารักของครอบครัวหรือเป็นเครื่องจักรสังหาร มันก็อยู่ที่การเลี้ยงดูทั้งนั้น

อ้างอิง

  • Pit bulls went from America’s best friend to public enemy – now they’re slowly coming full circle. http://bit.ly/3tTKytz