นักอนุรักษ์ชี้ มนุษย์ต้องเลิกเลี้ยงหมาแมว เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
ทุกวันนี้ ผู้คนจำนวนมากหันมาให้ความสำคัญกับปัญหาเรื่องโลกร้อนกันมากขึ้น บางเรื่องเป็นสิ่งที่เราสามารถลงมือทำได้เอง บางเรื่องอาจต้องว่ากันด้วยนโยบายระดับชาติ แต่บางเรื่องก็แปลกแหวกแนวจนอาจเผลออุทาน “WTF!?”
เช่นในกรณีที่นำมาเล่าสู่กันฟัง เป็นแนวคิดช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยขอให้ “มนุษย์เลิกเลี้ยงสัตว์”
ไอเดียนี้เกิดขึ้นโดย Donnachadh McCarthy นักเขียนและนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมชาวอังกฤษ ที่รวบรวมข้อมูลผลกระทบจากการเลี้ยงสัตว์ของคนเรามาเสนอเป็นไอเดียที่ทำให้เหล่า “ทาส” รู้สึกปวดใจเมื่อได้ฟัง
เขายกตัวอย่างว่า ในประเทศอังกฤษแมวตัวหนึ่งฆ่านกฆ่าหนู ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยเฉลี่ย 18 ศพต่อปี รวมๆ กันปีหนึ่งมีสัตว์ถูกแมวฆ่าไปเกือบ 200 ล้านตัว ซึ่งมันจะส่งผลให้สัตว์ป่าอื่นๆ ต้องประสบกับการสูญพันธุ์
แถมยังตอกย้ำความร้ายกาจอีกว่า พวกแมวมันฆ่าเล่นๆ เอาไว้อวดเจ้าของ ไม่ได้ฆ่าเพื่อกิน ซึ่งมันไม่ใช่กลไกที่ถูกต้องในระบบนิเวศ

ในปี 2019 พบว่า แมวฆ่านกในอังกฤษมากถึง 54 ล้านตัว | Smithsonian Mag
นอกจากนี้ นักอนุรักษ์ได้ยกงานวิจัยมาบอกด้วยว่า รู้ไหมว่าการผลิตอาหารหมาและแมวคือหนึ่งในตัวการปล่อยคาร์บอนฯ ที่สำคัญ ทั้งจากภาคกระบวนการผลิต ตั้งแต่การทำลายป่าเพื่อเลี้ยงสัตว์มาทำอาหาร การจับปลา ไปจนถึงเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติก ที่เป็นปัญหาอยู่เต็มมหาสมุทร ขยะจากอุปกรณ์เลี้ยงแมวก็ยังเอาไปรีไซเคิลไม่ได้อีก พวกภาชนะใส่ฉี่ใส่อึแมวก็ยังทำให้เกิดของเสียที่ต้องเปลืองพลังงานในการกำจัด ทั้งหมดทั้งมวลคือการทำร้ายโลก และเราควรหยุดมันไว้เสียเดี๋ยวนี้!
นาย McCarthy ได้เอาเหตุผลและข้อมูลทางวิชาการต่างๆ ที่ว่ามาเขียนเป็นบทความ By owning a pet, you are doing more damage to the environment than you might realise เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ independent.co.uk ที่เขาเป็นคอลัมนิสต์ เพื่อหวังให้คนหันมาเปลี่ยนพฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์เพื่อช่วยโลก
แต่ทันทีที่บทความถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ นักอนุรักษ์ชาวอังกฤษก็ต้องพบกับกระแสต่อต้านตามมามากมาย ถึงขั้นมีคนมาท้าดีเบทด้วยเลยทีเดียว
ด้วยกลุ่มคนที่เลี้ยงสัตว์มองว่าแนวคิดของนี้ไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไร หมาแมว คือเพื่อนที่ดีของคนเรามานมนาน ไม่มีใครยอมทิ้งสิ่งที่รักได้ง่ายๆ หรอก
บางคนสวนกลับไปว่า “เห็นด้วยกับการช่วยโลก แต่การเลิกเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่วิธีที่จะทำได้!” หรือ “ฉันคิดว่าการสนทนานี้เป็นการตอกย้ำความจริงที่ว่า มีมนุษย์บนโลกใบนี้จำนวนมากเกินไป”
หรือบางคนก็สอนเชิงกลับไปว่า “ควรรณรงค์การเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มีคาร์บอนเป็นศูนย์ มากกว่าการพยายามแยกผู้คนออกจากสัตว์เลี้ยงของพวกเขา”
แม้แต่สื่อใหญ่อย่าง Vox ก็ยังโดดลงมาเล่นเรื่องนี้ ผ่านการนำเสนอภาพการ์ตูนเรื่อง “สัตว์เลี้ยงของเรากำลังกัดกินโลกจริงหรือ ?” ที่นำเสนอปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการเลี้ยงสัตว์พร้อมวิธีแก้ไขปัญหา โดยไม่จำเป็นต้องเลิกเลี้ยงอย่างที่นาย McCarthy เสนอ
แต่เอาเข้าจริงๆ ความคิดของนาย McCarthy ก็ไม่ได้สุดโต่งแบบที่สั่งให้ทุกคนต้องเลิกเลี้ยงไปเลย ตามใจความสุดท้ายของบทความที่เขาเขียนว่า ถ้ามีอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร แต่อย่าพยายามรับเลี้ยงเพิ่ม เดี๋ยวมันจะสร้างปัญหาให้กับโลกเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในข้อเท็จจริงประการหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปีที่ผ่านมาคนอังกฤษสนใจหาซื้อสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น เพราะต้องการเพื่อนไว้คลายเหงาในช่วงล็อกดาวน์ แต่พอกลับมาทำงานปกติ สัตว์เลี้ยงจำนวนมากก็ไม่ได้รับการดูแล ออกมาตุหรัดตุเหร่ฆ่านกฆ่าหนูเล่นนอกบ้าน จนกลายเป็นปัญหาใหม่ให้กับสิ่งแวดล้อมขึ้นจริงๆ
อ้างอิง
- Independent. By owning a pet, you are doing more damage to the environment than you might realise. https://bit.ly/2RAgdk7
- Wales Online. Fury as environmentalist claims people need to give up ‘cruel’ need for pets to stop climate change. https://bit.ly/2R7cieD
- Vox. Are our pets gobbling up the planet? https://bit.ly/3ty8MqN