ในช่วงเวลาที่ข้าวยากหมากแพง เชื่อว่าสิ่งที่เราโหยหามากที่สุดในช่วงเวลานี้หนีไม่พ้น ‘เงิน’
แต่นอกเหนือจากงานที่ทำเป็นประจำ หลายคนก็มองหาช่องทางที่จะให้ ‘เงินทำงาน’ ด้วยตัวเอง หรือที่เรียกกันว่า Passive Income จากช่องทางต่างๆ โดยการที่ไม่ต้องไปทุ่มเทเวลาให้กับมันมากมาย เพื่อชวนให้ทุกคนรวย (ความรู้) ทางการเงินไปพร้อมกัน แคมเปญ #ปีนี้ฉันจะรวย ชวนมาส่องช่องทาง Passive Income รูปแบบต่างๆ กัน
ดอกเบี้ย เงินปันผล
กองทุนรวม
กองทุนรวมคือการระดมทุนจากนักลงทุนจำนวนหลายรายเพื่อให้ได้เป็นเงินก้อนใหญ่ เพื่อนำไปซื้อขาย หรือลงทุนรูปแบบต่างๆ โดยจะมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทนไปขึ้นทะเบียนในฐานะนิติบุคคล เพื่อให้ผู้จัดการเกิดเป็นผลกำไรตอบแทนแก่นักลงทุนต่างๆ ตามสัดส่วน ซึ่งกองทุนเป็น Passive Income ที่มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูงและมีให้เลือกตั้งแต่ระดับความเสี่ยงตั้งแต่ต่ำไปจนถึงเสี่ยงมาก
นอกจากนี้ยังมีการซื้อกองทุนเพื่อช่วย ‘ลดหย่อนภาษี’ สำหรับเงินได้บุคคลธรรมดาโดยมี 2 รูปแบบคอกองทุน ‘SSF’ หรือกองทุนเพื่อการออม ซึ่งต้องถือไม่น้อยกว่า10 ปี ไม่เกิน 30% ของรายได้และไม่เกิน 200,000 บาท และกองทุน ‘RMF’ หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งเน้นการออมในระยะยาวสำหรับตอนเกษียณอายุ โดยมีเงื่อนไขต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปีและถือครองถึงอายุ 55 โดยต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี โดยลงทุนสูงสุดไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ และไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการลดหย่อนภาษีและกลุ่มที่ไม่มีสวัสดิการออมเพื่อวัยเกษียณ
พันธบัตรรัฐบาล, หุ้นกู้
พันธบัตรรัฐบาล หรือตราสารหนี้ คือการที่นักลงทุนจะมีสถานะเป็น ‘เจ้าหนี้’ ของหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ที่จะได้รับการชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยจากหน่วยงานนั้นๆ เพื่อทำภารกิจของรัฐ ซึ่งเป็นการลงทุนที่ไม่ซับซ้อนและค่อนข้างแน่นอนโดยผลตอบแทนและระยะเวลาขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของพันธบัตรนั้นๆ เนื่องจากรัฐอยู่ในสถานะลูกหนี้จึงมีความเสี่ยงต่ำแต่ผลตอบแทนก็อาจต่ำกว่าเช่นกัน
ใกล้เคียงกันหุ้นกู้ คือตราสารหนี้ ที่ใกล้เคียงกับพันธบัตร แต่เป็นของเอกชน โดยบริษัทเอกชนนั้นๆ ต้องการระดมทุนเพื่อประกอบกิจการต่างๆ ตามแผน และผู้ลงทุนจะอยู่ในสถานะ ‘เจ้าหนี้’ ซึ่งจะมีการรับดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาของหุ้นกู้ที่มีการกำหนดที่แน่นอน
ลงทุนหุ้นปันผล
การลงทุนในหุ้นปันผล คือหุ้นที่เมื่อบริษัทที่มีกำไรมากพอ ได้มีการจ่ายผลกำไรแก่ผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ อาจเป็นรายไตรมาส ครึ่งปี หรือรายปี ซึ่งหากลงทุนมากก็จะได้รับผลกำไรตอบแทนมากตามไปด้วย อย่างไรก็ดีการลงทุนในหุ้นปันผลมักเป็นหุ้นที่ไม่มีการเติบโตก้าวกระโดดมาก ไม่มีการนำกำไรมาต่อยอดเพื่อขยายบริษัท และเงินปันผลที่ได้จากหุ้นจะต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย 10 เปอร์เซ็นต์ด้วย
ค่าเช่า
อสังหาริมทรัพย์
สำหรับการลงทุนในระยะยาว หลายคนที่มีเงินทุนนิยมลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็น ที่ดิน คอนโดมิเนียม หอพัก หรือโกดังเก็บของ เพื่อเก็บค่าเช่าซึ่งเป็น Passive Income ที่ค่อนข้างจับต้องได้ อย่างไรก็ดี การลงทุนกับค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นอาจต้องมีใช้ระยะ รวมถึงต้องมีการจัดการ ซ่อมบำรุง และอื่นๆ และรับความเสี่ยงว่าอาจไม่มีผู้เช่า ทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทนในเดือนนั้นๆ
ให้เช่า (อะไรสักอย่าง)
การใช้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นอสังหาริมทรัพย์เสมอไป เพราะเราสามารถรับค่าเช่าเช่น รถยนต์ อุปกรณ์ถ่ายภาพ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หนังสือ ของใช้ หรือแม้แต่สินสอด (เช่าเงิน) ซึ่งต้องมีการสำรวจตลาดว่าสินค้าหรือของเหล่านั้นเป็นที่ต้องการของตลาดหรือไม่ และต้องรับกับค่าเสื่อมสภาพของสิ่งของที่นำมาให้เช่าด้วย
โฆษณาสินค้า
พื้นที่โฆษณา
ปัจจุบันที่ไม่ว่าใครก็สามารถมีสื่อเป็นของตัวเองได้ การขายช่องทางหรือพื้นที่บนโลกออนไลน์ของตัวเองเพื่อการโฆษณาสินค้าหรือบริการ เป็นหนึ่งใน Passive Income ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบการทำช่องยูทูป เฟซบุ๊กเพจ เว็บไซต์ หรืออินสตาแกรม ซึ่งเหมาะกับคนที่มีผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง
การตลาดแบบ Affiliate
การทำตลาดแบบ Affiliate หรือการใช้ลิงก์ของสินค้าต่างๆ บนเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของตัวเอง และได้รับผลตอบแทนสินค้าหากมีการกดซื้อ โดยสามารถได้รับค่าคอมมิชชัน 3-7 เปอร์เซ็นต์ จากการโพสต์ลิงก์ในครั้งเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถดึงให้คนเข้ามากดลิงก์ได้มากแค่ไหน จึงเป็นช่องทางที่เหมาะกับคนที่มีผู้ติดตามบนโซเชียลหรือดูแลเว็บไซต์ที่มีคนเข้าถึงจำนวนหนึ่ง
ขายสินค้าทางออนไลน์
ขายภาพ Stock Photo
การขายภาพออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นอีกช่องทางในการหา Passive Income ที่ได้รับความนิยม โดยการอัพรูปภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย ภาพวาด Vector หรือวิดีโอ บนแพลตฟอร์ม Micro Stock ซึ่งในรูปเดิมสามารถทำงานต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตถ้าหากยังเป็นที่ต้องการ ซึ่งอาจต้องมีการลงทุนในอุปกรณ์เช่นกล้องถ่ายภาพ คอมพิวเตอร์ และต้องมีการสำรวจตลาดว่าภาพแบบไหนที่เป็นที่ต้องการ เพราะอาจไม่มีคนซื้อภาพได้
สติกเกอร์ไลน์
เช่นเดียวกับการขายภาพ การสร้างสติกเกอร์ไลน์ลงขายในแพลตฟอร์มสามารถรายได้ต่อไปซ้ำๆ หากมีคนกดดาวน์โหลด ซึ่งจะมีการแบ่งสัดส่วนรายได้กับไลน์ โดยปัจจุบันสติกเกอร์ไม่จำเป็นต้องเป็นภาพที่สวยงามน่ารักเสมอไป แต่ต้องพึ่งพาความมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย อย่างไรก็ดีอาจต้องรับความเสี่ยงหากสติกเกอร์ไม่ได้รับความนิยมของตลาด
คอร์สเรียนออนไลน์
หลายคนที่มีความถนัดเฉพาะตัวสามารถสร้างคอร์สเรียนของตัวเองเป็นคลิปซึ่งอัปโหลดบนเว็บไซต์ต่างๆ เช่น SkillShare หรือ Udemy เพื่อเก็บค่าเข้าชมหลักสูตร ซึ่งเป็นการลงแรงเพียงครั้งเดียวและสามารถเก็บค่าเข้าเรียนออนไลน์ต่อไปได้เรื่อยๆ ในอนาคต อย่างไรก็ดีอาจ้องมีการทำการตลาดเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับคอร์สเรียนด้วย และชุดความรู้ใดๆ อาจมีระยะเวลาไม่นานต้องมีการอัปเดตความรู้อยู่เสมอๆ
ค่าลิขสิทธิ์
การเก็บค่าลิขสิทธิ์จากทรัพย์สินทางปัญญาก็เป็น Passive Income เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งเพลง เขียนหนังสือ หรือพัฒนานวัตกรรมใดๆ ไปจดสิทธิบัตร ภาพถ่าย หรือวิดีโอ เมื่อมีการนำไปใช้งานจะทำให้ได้รับค่าลิขสิทธิ์ต่อไปซ้ำๆ ตามเงื่อนไขที่ตกลงกับผู้ใช้ อย่างไรก็ดีต้องมีการสำรวจว่าทรัพย์สินทางปัญญานั้นจะมีความต้องการในระยะยาวหรือไม่
การลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income คือการปล่อยให้เงินทำงานโดยไม่ใช้เวลากับการสร้างรายได้นี้มาก แต่สิ่งสำคัญคือควรมีเงินทุนในการตั้งต้นที่มั่นคง การมีรายได้จาก Passive Income อย่างมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องการความเข้าใจสูงและอาจมีความเสี่ยง คุณล่ะคิดว่า Passive Income แบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง
ปีนี้ฉันจะรวย แคมเปญที่พาทุกคนรวย (ความรู้) กับข้อมูลทางการเงินที่จับต้องได้และครบครัน ทั้งรูปแบบบทความ อินโฟฯ และวิดีโอ อย่าให้เรื่องการเงินเป็นเรื่องน่ากลัว อยู่กับเงินด้วยความรู้ความเข้าใจ หลังโควิด-19 ผ่านพ้นไป มาเตรียมตัวรวยไปด้วยกัน! มาติดตามเนื้อหาอื่นๆ ในแคมเปญปีนี้ฉันจะรวยได้ที่ : https://www.brandthink.me/campaign/pi-ni-chan-cha-ruai
อ้างอิง
- Bankrate. passive income ideas to help you make money in 2022. https://bit.ly/32LL6YR
- Forbes. Top Passive Income Ideas. https://bit.ly/3EZpViV
- Bangkokbiznews. ‘หุ้น‘ กับ ‘หุ้นกู้‘ ต่างกันอย่างไร? . https://bit.ly/3qPUkel
- Scb. ทำไมการลงทุนในพันธบัตร จึงเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย.https://bit.ly/31vPQRv