เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ค่ำคืนแห่งความประทับใจ เต็มไปด้วยแพสชันและแรงบันดาลใจที่ส่งต่อผ่านยุคสมัย ถ่ายทอดผ่านคอร์ส Fine Dining สุดพิเศษที่ครีเอทขึ้นจากแรงบันดาลใจต่างๆ ในการทำอาหาร
รังสรรค์โดย ‘เชฟบิ๊ก’ อรรถสิทธิ์ พัฒนเสถียรกุล ผู้มีประสบการณ์การทำอาหารทั้งในไทยและต่างประเทศ ปัจจุบันเป็นเจ้าของร้าน Chef’s Table ‘อยากทำแต่ไม่อยากกิน’ และร้านอาหารสไตล์บิสโทร ‘Yak Yang (อยากย่าง)’
ความพิเศษคือ เชฟบิ๊กจะทำเมนูที่ส่งต่อความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่นซึ่งไม่เคยเปิดเผยที่ใดมาก่อน จากเมนูที่กินภายในครอบครัว ยกระดับความพิถีพิถันจนกลายมาเป็นหนึ่งในจานพิเศษในคอร์สนี้ นำเสนอผ่านเครื่องครัวพรีเมียมจาก Zwilling ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการทำอาหารของเชฟบิ๊กที่ได้จากคุณพ่อว่า…เราต้องเลือก ‘ของที่ดีที่สุด’ ในการทำอาหารเสมอ
เมนูคอร์สนี้จะพานักชิมทั้งหลายเดินไปตามเส้นทางแพสชันของเชฟบิ๊ก
เริ่มต้น เปิดมาที่เมนูเรียกน้ำย่อยที่พิเศษสุดๆ เมนู Salmon Croquette เสิร์ฟพร้อมกับ Truffle Soup กินคู่กับ Tuna Tartare แค่จานแรกก็ครบทุกรสสัมผัส อบอวลความละมุน เปิดต่อมรับรสสำหรับจานต่อๆ ไป
จานที่ 2 เมนู Exclusive ที่ทางเชฟเผยว่า เป็นเมนูที่โตมาด้วยกัน และเป็นเมนูประจำครอบครัวที่ขาดไม่ได้ ‘Soup พัฒนะ’ ต้มซุปไก่มันฝรั่ง เมนูเรียบง่ายที่เชฟบิ๊กนำมาพัฒนาเป็น Fine Dining โดยมีเอกลักษณ์ที่นำแป้งพายมาห่อ ความหวานนวลจากซุปที่คุ้นเคย บวกกับการเจาะกินพร้อมแป้งพาย เรียกว่าเป็น perfect match เลยทีเดียว สูตรนี้เป็นสูตรลับเฉพาะที่ส่งต่อภายในครอบครัวเท่านั้น จากคุณพ่อสู่เชฟบิ๊ก และไม่ใช่แค่สูตร แต่รวมถึงคำสอนอื่นๆ ในการทำอาหารด้วย สิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงวัตถุดิบหรือรสชาติที่ต้องดีที่สุด แต่การลงทุนกับเครื่องครัวก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน การคัดสรรอุปกรณ์ก็ต้องเลือกใช้อุปกรณ์ที่ดี คุ้มค่า ซึ่งเชฟบิ๊กบอกว่า
“Zwilling เป็นอุปกรณ์ที่ดีและมีคุณภาพ วัตถุดิบที่ดีที่สุดเมื่อคู่กับเครื่องครัวที่ดีที่สุด ก็จะได้คุณภาพที่สมบูรณ์ในทุกส่วน”
จานที่ 3 ไปต่อกันที่ Pasta Dish เมนูแจ้งเกิดของเชฟบิ๊ก และยังเป็นจุดกำเนิดของ ‘สปาเกตตี โคตรปู’ ที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของร้าน ‘อยากทำแต่ไม่อยากกิน’ เมนูนี้เป็นเมนูประจำของร้านที่ใครมาก็ต้องลอง จานนี้แสดงให้เห็นถึงการคัดสรรของดีมีคุณภาพเป็นความคุ้มค่าและมีอยู่จริง
เชฟอธิบายเพิ่มเติมว่า “ผมมักเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ในฐานะคนทำอาหาร คือการส่งมอบคุณภาพ และความตั้งใจให้ผู้รับประทาน”
จานที่ 4 อีกหนึ่งเมนูที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะดังมากๆ ในโลกโซเชียล ‘Beef Wellington’ เนื้อนุ่มๆ อบแบบ medium ดึงเอาความหวานฉ่ำออกมาจากเนื้อได้อย่างละมุน ได้มาตรฐานอาหารฝรั่งเศสสไตล์คลาสสิก เคล็ดลับที่เชฟบอกมาคือ อุปกรณ์การทำแบบหม้อ Staub จากแบรนด์ Zwilling จุดเด่นของ Cast Iron หม้อและกระทะเหล็กหล่อ คือการกระจายและคงระดับความร้อนในระหว่างการทำอาหารได้เป็นอย่างดี นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้จานนี้เป็นเมนูที่หลายคนไม่เคยลืม
นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่เชฟให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือการเสิร์ฟและนำเสนอ ซึ่งเป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีว่าต้องหั่นเสิร์ฟ มีดที่ใช้จึงสำคัญมาก โดยเชฟใช้เป็น ‘Bread knife’ เชฟบิ๊กยังเล่าให้ฟังว่า … ซึ่งมีดคู่ใจเล่มแรกๆ ของเชฟก็คือมีดจาก Zwilling และ ‘มีด’ ยังเป็นสิ่งที่มีความหมายอีกอย่างต่อเชฟทุกๆ คนด้วย การให้มีดสำหรับเชฟหมายถึงการได้รับการยอมรับและการได้เป็นเชฟอย่างแท้จริง ซึ่งตัวเชฟบิ๊กเองก็มีประสบการณ์ที่ได้ส่งมอบแพสชันการทำอาหารและการยอมรับจากเชฟเกาหลีที่ได้มาเรียนทำอาหารด้วยกัน ด้วยการมอบมีดคู่ใจจาก Zwilling ไปเรียบร้อยแล้ว
จานที่ 5 กินอาหารคาวไปจนครบทุกเมนูก็ต้องมาต่อกันที่ของหวาน Classic Lemon Tarte brûlée ความคลาสสิกของจริง เรียกได้ว่าปิดท้ายอย่างสวยงาม มีทั้งความเปรี้ยวอมหวาน กลิ่นหอม และละมุนลิ้นมากๆ ส่งท้ายความอร่อยของค่ำคืนนี้ได้อย่างลงตัว
ติดตามกิจกรรมดีๆ ‘Pass the Passion Forward’ แบบนี้ เพื่อส่งต่อแพสชันการทำอาหารในครั้งต่อไปได้ที่
https://facebook.com/zwilling.th
เลือกชมสินค้า Zwilling:
Lazada: https://bit.ly/3CcBsNu
Shopee: http://bit.ly/ZWSHPE
Central Online: http://bit.ly/ZWCENTR
MINORPLUS WEBSITE: https://bit.ly/3GDsd99