บิดาแห่งระเบิดปรมาณู 5 สิ่งที่ควรรู้ ก่อนได้ดูหนังใหม่ ของเสด็จพ่อ Nolan ‘Oppenheimer’ ในปีหน้า

4 Min
11700 Views
02 Aug 2022

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ค่ายหนัง Universal ได้เปิดตัวใบปิดแรกของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ที่ยังคงไว้ซึ่งคอนเซ็ปต์ ‘เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ปัง’ เช่นเดิม โดยโปสเตอร์นี้โชว์ให้เห็นเพียงภาพชายหนุ่มปริศนาที่ยืนท่ามกลางหมอกควันอันร้อนแรง โดยโปรย tagline ไว้ว่า ‘The World Forever Changes’ และระบุวันฉาย 7 21 23 หรือ 21 กรกฎาคม ปี 2023 เท่านั้น

แม้จะยังคงไว้ซึ่ง ‘ความลับระดับท็อปซีเครต’ ตามสไตล์หนังโนแลนเช่นเดิม แต่เว็บไซต์ Indie Wire ก็ได้เก็บเล็กผสมน้อยรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่กระจัดกระจายเอาไว้ เรามาดูกันว่า Oppenheimer น่าสนใจแค่ไหน และทำไมถึงเป็นหนังเรือธงแถวหน้าของปี 2023

  • ครั้งแรกที่โนแลนทำหนัง Biopic

ถึงแม้โนแลน จะเคยทำหนังประวัติศาสตร์สงครามอย่าง Dunkirk (2017) แต่ก็เป็นหนังที่ ‘ใช้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริง’ มาขับเคลื่อน หรือในหนัง The Prestige (2006) จะมีคาแรคเตอร์อย่าง นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) วิศวกรผู้พยายามผลักดันนวัตกรรมเทเลพอร์ต ที่รับบทโดย เดวิด โบวี (David Bowie) แต่ก็เป็นเพียงแค่เรื่องผิวเผินเท่านั้น

ในความเป็นจริง โนแลนอยากทำหนังอัตชีวประวัติ (Biographical) มานานแสนนานแล้ว นับตั้งแต่เขาได้ทำหนังระบบสตูดิโอเรื่อง Insomnia (2002) โดยเขาซุ่มเขียนบทเพื่อทำหนังชีวประวัติของมหาเศรษฐีผู้บ้าคลั่งอย่าง โฮเวิร์ด ฮิวจ์ส (Howard Hughes) โดยคาดหวังจะให้ จิม แคร์รีย์ (Jim Carrey) มารับบทบาทนี้ โดยโนแลนกล่าวถึงบทนี้ในช่วงเวลานั้นว่า “เป็นบทหนังที่ดีที่สุดที่ผมเคยเขียนมา”

แต่น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้สุดท้ายก็ไม่ได้สร้าง เพราะโดนปู่ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) ปาดหน้าเค้ก ทำหนังเรื่อง The Aviator (2004) ไปเสียก่อน 

Oppenheimer จึงเป็นหนังอัตชีวประวัติฝีมือโนแลนเรื่องแรก โดยที่เขาเลือกเล่าเรื่องราวของ เจ. โรเบิร์ต ออพเพ็นไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “พระบิดาแห่งระเบิดปรมาณู” แทน

  • เรื่องราวเกี่ยวกับระเบิดปรมาณู

แม้เรื่องราวจะยังคงมืดดำ แต่โนแลนก็ประกาศว่า หนังเรื่องนี้ ดัดแปลงจากหนังสือ ‘American Prometheus: The Triumph and Tragedy of J. Robert Oppenheimer’ โดย ไค เบิร์ด (Kai Bird) และ มาร์ติน เจ. เชอร์วิน (Martin J. Sherwin) ซึ่งหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในปี 2005 ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ในปีต่อมา โดยผู้เขียนใช้เวลากว่า 2 ทศวรรษในการค้นคว้าชีวิตของ ออพเพ็นไฮเมอร์

โดยคาดเดาจากเรื่องย่อของหนังสือเล่มนี้ที่เขียนไว้ใน Amazon ว่า “เจ.โรเบิร์ต ออพเพ็นไฮเมอร์ เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญแห่งศตวรรษที่ 20 เป็นนักฟิสิกส์ที่เก่งกาจ ที่พยายามจะสร้างระเบิดปรมาณูในช่วงภาวะสงคราม แม้ว่าเขาจะเป็นเทพแห่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่ในด้านศีลธรรมแล้วเขาคือปีศาจดีๆ นี่เอง หนังสือเล่มนี้คือชีวประวัติที่ครอบคลุมตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นจนถึงยุคสงครามเย็น ที่ดีที่สุด โลดโผน และให้ข้อมูลอย่างลึกทุกแง่มุม”

แน่นอนว่าวิสัยทัศน์นี้ท้าทายมากสำหรับตัวโนแลนเอง โดยโนแลนตั้งใจวางวันฉายไว้ที่ 21 กรกฎาคม ซึ่งใกล้เคียงกับวันที่อเมริกาทิ้งบอมบ์นิวเคลียร์ฮิโรชิม่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นคือวันที่ 6 สิงหาคม 1945 นั่นเอง  

  • เป็นหนังทุนต่ำของโนแลน

แม้จะเรียกว่าหนังทุนต่ำ แต่มันก็เป็นหนังทุนร้อยล้านเหรียญสำหรับโนแลนอยู่ดี เนื่องจากที่ผ่านมานับจากการทำหนังระบบสตูดิโอ โนแลนทำแต่หนังสเกลใหญ่มาโดยตลอด หนังทุนสูงที่สุดของเขาคือ Tenet (2020) ที่ผลาญงบสร้างไปถึง 225 ล้านเหรียญสหรัฐ (ในงบนั้นคือการเอาเครื่องบินจริงๆ มาระเบิด) รองลงมาก็คือ The Dark Knight Rises (2012) ที่ผลิตในงบ 200 ล้านเหรียญ 

ส่วนหนังเรื่องอื่นๆ ของเขา ก็ถัวเฉลี่ยอยู่ที่ 150-180 ล้านเหรียญ จะมีก็แต่ Dunkirk ที่โนแลนทำอยู่ในงบ 100 ล้าน Oppenheimer จึงอยู่ในดิวิชั่นของหนังทุนต่ำของเขาในบัดดล แต่ต่ำยังไง คนทำหนังอินดี้ทั้งหลายก็ยังคงมองเขาด้วยสายตาริษยาอาฆาตเช่นเคย

  • รวมนักแสดงไว้ล้นจอเช่นเดิม

อัตลักษณ์สำคัญของหนังโนแลน คือการระดมดาราระดับ A-List ไว้มากมาย แต่ Oppenheimer ถือได้ว่า ‘มากเป็นพิเศษ’ เพราะนอกจาก คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) นักแสดงคู่บุญ ที่มาแสดงให้กับหนังโนแลนมาตั้งแต่ Batman Begins (2005) เมอร์ฟีก็มารับเชิญให้โนแลนเสมอ และใน Oppenheimer ถือว่าความพยายามของเมอร์ฟีสัมฤทธิ์ผลจนได้ เพราะหนังเรื่องนี้ (ที่เขาได้มาแสดงให้โนแลนเป็นเรื่องที่ 6) เมอร์ฟีได้รับบทนำ โดยเขาได้รับบท เจ. โรเบิร์ต ออพเพ็นไฮเมอร์ นั่นเอง

และนอกจากนั้น รายชื่อนักแสดงในหนัง Oppenheimer ก็มีตั้งแต่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.), แมตต์ เดมอน (Matt Damon), เอมิลี บลันต์ (Emily Blunt), ฟลอเรนซ์ พิวจ์ (Florence Pugh), เรมี มาเล็ค (Rami Malek), เคนเน็ธ บรานาห์ (Kenneth Branagh) ไปจนถึง แกรี โอลด์แมน (Gary Oldman) และนักแสดงหน้าใหม่อีกเพียบ

โดยนักแสดงอย่าง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์, แมตต์ เดมอน และ เอมิลี บลันต์ ถึงกับยอมรับค่าตัวในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐาน นั่นคือ 4 ล้านเหรียญ เพื่อให้ได้รับบทในหนังเรื่องนี้ และไปเก็งกับกำไรในยามที่หนังออกฉายทีหลังเอง 

  • การทำงานภายใต้บ้านใหม่ Universal

เป็นอันรู้กันว่า ตั้งแต่โนแลนทำหนัง Batman Begins กับ Warner Bros. เขาก็ไม่เคยย้ายไปทำหนังที่สตูดิโอค่ายอื่นอีกเลย แต่ Oppenheimer ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปีที่โนแลนทำหนังกับสตูดิโอค่ายอื่น นั่นก็คือ Universal นั่นเอง

โดยเหตุสำคัญที่โนแลนต้องเปลี่ยนค่ายย้ายซิม คือหนัง Tenet ที่โนแลนไม่พอใจอย่างมากที่ Warner ตัดสินใจฉายหนังเรื่องนี้ทั้งในระบบโรงภาพยนตร์ และระบบสตรีมมิ่งให้กับ HBO Max ไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากโนแลนยังเชื่อมั่นว่า Tenet สมควรได้รับประสบการณ์ในโรงภาพยนตร์ก่อนเท่านั้น ดังจะสังเกตได้ว่าเขาใส่ใจในการถ่ายทำในรูปแบบ IMAX แทบทุกเรื่อง

และผู้ที่รับได้ในข้อเสนอของโนแลน ก็คือ Universal ที่ยอมให้หนัง Oppenheimer ต้องยืนโรงฉายอย่างน้อยๆ 100 วัน ก่อนจะลงในระบบสตรีมมิ่ง การแถลงนี้ทำให้มั่นใจว่า Oppenheimer ต้องมีซีนยิ่งใหญ่ตูมตามมากกว่าจะเล่าแค่เรื่องราวชีวิตของ เจ. โรเบิร์ต ออพเพ็นไฮเมอร์ อย่างแน่นอน

เรียกได้ว่า Oppenheimer ยังคงเป็นหนังที่คอหนังทั่วโลกรอคอยเช่นเดิม อดใจรอหน่อย เพราะกว่าเราจะได้ดูก็ตั้ง 21 กรกฎาคม 2023 หรือในอีก 1 ปีข้างหน้านู่นเลย

อ้างอิง:

‘Oppenheimer’: All the Details to Know About Christopher Nolan’s Atom Bomb Movie   

https://www.indiewire.com/gallery/oppenheimer-release-date-cast-plot-details/oppenheimer-2/