รู้ไหม สเปนคือ ‘ผู้ผลิตฝิ่นรายใหญ่สุดในโลก’ แต่ก็มีนักท่องเที่ยว ‘ขโมยเสพฝิ่น’ ตลอด
ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรที่ ‘ฝิ่น’ นั้นเป็นพืชที่เป็นต้นตอของยาเสพติดร้ายแรงอย่างเฮโรอีน ซึ่งเมืองไทยก็พยายามจะปราบปรามสิ่งเหล่านี้มานาน และจนถึงทุกวันนี้ในยุคของ ‘เสรีกัญชา’ ก็คงแทบไม่มีใครจะออกมาสู้ให้เกิด ‘เสรีฝิ่น’ ด้วย เพราะยังยอมรับกันว่ามันเป็นพืชที่มีฤทธิ์ที่อันตรายมาก
นับแต่ International Opium Convention ในปี 1912 ที่นานาชาติตกลงกันเป็นครั้งแรกว่าจะต้องมีการจำกัดพืชบางชนิดและสารสกัดของสิ่งที่ถูกระบุว่าเป็น ‘ยาเสพติด’ (เพราะตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์ไม่เคยมีการระบุว่าอะไรคือ ‘law’) ก็ไม่มีใครเสนอให้ฝิ่นเป็นสิ่งถูกกฎหมายอีก
แต่ในความเป็นจริง สังคมมนุษย์ก็ยังต้องการฝิ่น ซึ่งไม่ได้ใช้ในสถานะของยาเสพติด แต่ในสถานะของยารักษาโรค เพราะพืชชนิดนี้เดิมทีตั้งแต่อารยธรรมโบราณมันก็คือยารักษาโรคนี่แหละ และทุกวันนี้สารสกัดจากฝิ่นที่ใช้เป็นยาระงับปวดและทำให้สบายอย่าง ‘มอร์ฟีน’ ก็ยังไม่มีอะไรมาทดแทนได้
พูดอีกแบบคือในขณะที่ฝิ่นในฐานะยาเสพติดต้องตายไป แต่ฝิ่นในฐานะยารักษาโรคก็ยังต้องอยู่ต่อ และก็ต้องมีคนปลูก เพียงแต่การปลูกนี้ต้องมีหลักประกันว่ามันจะกลายเป็นยารักษาโรคจริงๆ ไม่ใช่ถูกใช้เป็นยาเสพติด
หลายคนคงสงสัยว่าชาติไหนปลูกฝิ่นแบบถูกกฎหมายเพื่อมาสกัดเป็นยามากที่สุด คำตอบก็คือ ‘สเปน’
สเปนเป็นชาติเดียวในโลกที่ผลิตฝิ่นเกินปีละ 100 ตัน ซึ่งฝิ่นที่ปลูกนั้นก็มีการควบคุมอย่างเข้มงวดว่าจะต้องนำไปทำยาทั้งหมด การทำแบบนี้ก็ไม่ยากเลย เพราะรัฐให้สิทธิผูกขาดกับบริษัทเดียวในการปลูก บริษัทที่ว่าคือบริษัท ‘Alcaliber’
ถามว่าบริษัทนี้ได้สิทธิผูกขาดนี้มาได้ยังไง อธิบายสั้นๆ ก็คือ เพราะคนก่อตั้งบริษัทเป็นถึง ‘พระสหาย’ ของ ฆวน การ์โลส อดีตกษัตริย์ของสเปน คำอธิบายดังกล่าวก็น่าจะเพียงพอแล้วว่าทำไมบริษัทนี้ถึงผูกขาดการปลูกฝิ่นได้ ทำไมคนก่อตั้งบริษัทถึงรวยติดอันดับ 6 ของสเปนในปัจจุบัน
Alcaliber มีที่ดินเยอะมากในแคว้นกัสตีญาลามันชา (Castilla-La Mancha) ของสเปน บริษัทก็ใช้ที่ดินเหล่านี้ในการปลูกฝิ่นเพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมยา และแน่นอนว่าต้องมีคนเฝ้าและดูแลไร่ฝิ่น แต่ลองนึกภาพว่าบริษัทเดียวที่ผลิตฝิ่นมากที่สุดในโลก มันต้องดูแลพื้นที่ขนาดไหน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พื้นที่ปลูกฝิ่นนั้นไม่ได้มีรั้วรอบขอบชิดอะไร ยังไม่นับว่าพื้นที่เดียวกันนี้จะมีการปลูกพืชหมุนเวียนกันไป ไม่ได้ปลูกฝิ่นอย่างเดียว
นี่เป็น ‘ข้อเท็จจริง’ ที่พวกนักท่องเที่ยวในยุโรปรู้ และคนพวกนี้ก็ชอบที่จะไปท่องตระเวนในแคว้นกัสตีญาลามันชา เพื่อค้นหาว่าที่ไหนมีไร่ฝิ่นและก็จะลักลอบเดินเข้าไปรีดน้ำยางจากฝิ่นมาเสพ (การเสพแบบพื้นฐานสุดคือกินเข้าไปตรงๆ เลย)
ฟังดูไม่ถูกกฎหมายเอาเสียเลย แต่สำหรับสเปน นี่เป็นปัญหาที่บริษัทเอกชนต้องจัดการเอง เพราะในทางปฏิบัติก็เหมือนการแอบเข้าไปกินผลไม้ในไร่ มันไม่ใช่เรื่องของรัฐ แต่เป็นการทำลายทรัพย์สินเอกชน
ปัญหาที่รัฐเป็นห่วงไม่ใช่ปัญหายาเสพติดด้วยซ้ำ เพราะในฐานะนักท่องเที่ยว การเสพยางฝิ่นในระยะสั้นๆ ไม่ได้ทำให้ติดงอมแงมระดับลงแดงได้อยู่แล้ว แต่ที่รัฐกลัวจริงๆ ก็คือความมักมากของพวกนักท่องเที่ยวที่แอบมากรีดยางฝิ่นพวกนี้ โดยที่ไม่รู้โดสในการเสพ พอเสพมากก็เลยโอเวอร์โดสตายคาที่มากกว่า เพราะสารในฝิ่นมีฤทธิ์แรงมากๆ (อธิบายง่ายๆ คือ มอร์ฟีนเน้นๆ แค่ 1 มิลลิกรัมนี่ก็ฆ่าคนได้แล้ว) ซึ่งถ้ามีคนตายขึ้นมาไม่ใช่สิ่งที่ดูดีเลยสำหรับการท่องเที่ยว และสเปนก็เป็นชาติที่หากินกับการท่องเที่ยวเสียด้วย (รายได้เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของสเปนมาจากการท่องเที่ยว)
แต่ทั้งนี้ ธุรกิจปลูกฝิ่นถูกกฎหมายมันก็ไม่ได้ราบรื่น เพราะช่วงหลังอัตราผลกำไรลดลงเยอะ และคนที่รับจ้างปลูกไม่น้อยก็เริ่มย้ายไปปลูกกัญชากันแล้ว เพราะกัญชาเป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนต่อไร่ดีกว่าไปแล้วในปัจจุบัน
อ้างอิง
- El Pais. The opium vampires: Touring Spain’s poppy fields in search of a high. https://bit.ly/3zWDW1U