6 Min

สู่ยุคใหม่ของมวยไทยที่ดียิ่งขึ้น คุยกับ จิติณัฐ อัษฎามงคล และ อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์ ถึงความมุ่งมั่นของ ONE Championship ที่จะยกระดับมวยไทย

6 Min
423 Views
18 Aug 2023

เชื่อว่า นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘One Championship’ (ONE) ทัวร์นาเมนต์ศิลปะการต่อสู้ ที่ไม่ว่าคุณจะอยากดู MMA คิกบ็อกซิ่ง หรือมวยไทย ONE คือรายการที่รวบรวมสารพัดศิลปะการต่อสู้ไว้
ในที่เดียวมันจึงไม่แปลกที่ ONEจะกลายเป็นสังเวียนที่ดึงดูดสายตาของบรรดาผู้หลงใหลศิลปะการต่อสู้ทั่วโลกให้จับจ้องมายังเวทีของ ONE

แน่นอนว่า ความหลากหลายของศิลปะการต่อสู้คือจุดเด่นสำคัญ ทว่าควบคู่ไปด้วยกัน สิ่งที่ ONE มุ่งมั่นผลักดันคือการบอกเล่าเรื่องราวของเหล่านักสู้บนสังเวียนที่เชิดชูในคุณค่าของความนอบน้อม ความกล้าหาญ และการให้เกียรติซึ่งกัน คุณค่าที่หากว่ากันตรงๆ อาจดูแปลกแยกอยู่บ้าง โดยเฉพาะในวงการการต่อสู้ที่เรามักจะเห็นภาพของการดูถูกเหยียดหยามเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ของอีกฝั่งอยู่เป็นประจำ

แต่เพราะ ONE ไม่เชื่อในการปลุกปั่นเหล่านั้น ไม่เชื่อว่าการลดทอนความเป็นมนุษย์ผ่านวาจาหรือการกระทำจะนำไปสู่ปลายทางที่สร้างสรรค์ต่อวงการศิลปะการต่อสู้ นั่นเองจึงเป็นเหตุผลที่ ONE มุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับศิลปะการต่อสู้ เปลี่ยนภาพจำจากกีฬาที่มักจะถูกจดจำในเรื่องความรุนแรง ไปสู่ภาพลักษณ์ใหม่ที่เป็นมิตรกับคนทุกเพศทุกวัย หากถามว่า ความเชื่อมั่นนี้ประสบความสำเร็จแค่ไหน

ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ONE Lumpinee ศึกการต่อสู้ที่จะจัดขึ้นทุกค่ำวันศุกร์ที่สนามมวยเวทีลุมพินีและถ่ายทอดสดไปยัง 190 ประเทศทั่วโลก ไม่เพียงจะนำมาซึ่งยอดวิวมหาศาลที่สะท้อนให้เห็นฐานคนดูของ ONE ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ตัวเลขคนดู ONE Lumpinee ระหว่างเพศชายกับเพศหญิงยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน รวมถึงเรตติงของ ONE Lumpinee ที่สูงกว่าละครหลังข่าวก็ยิ่งจะตอกย้ำให้เห็นว่า ONE ได้กลายเป็นเวทีการต่อสู้ที่เข้าถึงผู้คนทุกเพศทุกวัยได้อย่างที่ตั้งใจ

คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใดหากจะเรียก ONE ว่าเป็น ‘ปรากฏการณ์’ เพียงแต่เรื่องราวข้างต้นก็เป็นเพียงแค่การสรุปคร่าวๆ ต่อก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่ของ ONE เท่านั้น แต่ ONE จะเดินทางไปไกลกว่านั้น ซึ่งก็เป็นโชคดีของเราที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ปลาย-จิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน ONE ประเทศไทย และ เปรม-อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์ กรรมการผู้จัดการ วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย ที่ได้มาบอกเล่าทิศทางการเติบโตของ ONE ที่ไม่ได้มีแค่เรื่องของตัวเลขธุรกิจ แต่ยังรวมถึงการผลักดันมวยไทยและกีฬาให้กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์อีกด้วย

ONE Championship ในฐานะสื่อบันเทิงกีฬาระดับโลก

จิติณัฐเริ่มต้นเล่าว่า ONE เป็นบริษัทสื่อบันเทิงกีฬาที่มีอายุกว่าสิบปี ก่อตั้งโดย ชาตรี ศิษย์ยอดธง นักมวยไทยที่ย้ายไปเติบโตที่สหรัฐอเมริกา จนสามารถผันตัวเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ดี ความฝันที่ชาตรีมีเสมอคือ ‘การสร้างสื่อกีฬาสัญชาติเอเชียในระดับโลก’

“เมื่อพูดถึงสื่อกีฬาเพื่อความบันเทิง เรามักจะนึกถึง English Premier League, F1, NBA หรือ NFL ซึ่งมันไม่มีแบรนด์ไหนเลยที่มีต้นกำเนิดจากเอเชีย ส่วนใหญ่จะมาจากสหรัฐฯ หรือยุโรปแทบทั้งนั้น เพราะตลาดที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมกีฬาอยู่ที่นั่น ส่วนประเทศในเอเชียก็จะซื้อลิขสิทธิ์มาโดยตลอด ในตลาดคอนเทนต์กีฬาโลก คอนเทนต์กีฬาจากเอเชียมักจะถูกมองว่าเป็นคอนเทนต์ low grade ไม่มีมูลค่าในการซื้อลิขสิทธิ์ไปฉาย นี่เองจึงเป็นเหตุผลให้คุณชาตรีและกลุ่มผู้ก่อตั้ง ONE Championship ตั้งความหวังว่า มันต้องมีสื่อกีฬาเอเชียที่สามารถไปสู่ระดับโลกได้” จิติณัฐ เล่า

แต่ท่ามกลางกีฬามากมายบนโลกนี้ กีฬาอะไรล่ะที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของเอเชียและเข้าใจง่ายที่สุด คำตอบคือ ‘กีฬาต่อสู้’ นั่นเอง

จิติณัฐอธิบายว่า หลายประเทศในโซนเอเซีย ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย จีน เกาหลี หรือ ญี่ปุ่น ต่างก็มีวัฒธรรมที่ผูกพันกับศิลปะการต่อสู้มาเป็นเวลานับพันปี ซึ่งหากเทียบกับอเมริกันฟุตบอล หรือบาสเกตบอล กีฬาเหล่านี้ต่างก็มีกฎกติกาที่เราต้องเข้าใจก่อนถึงจะดูได้อย่างเข้าใจ แตกต่างกับการต่อสู้ที่การแพ้-ชนะสามารถรับรู้ได้ทันที

“เราสามารถดูแล้วเข้าใจได้เลยว่า นี่คือการต่อสู้ของคนสองคน มันเลยเป็นคอนเทนต์กีฬาจากทวีปเอเชียที่มีศักยภาพและสามารถขายคนทั่วโลกได้ง่าย แต่ที่ผ่านมาเราแทบไม่มี promoter เอเชียที่ไปสู่ระดับโลกได้เลย จนกระทั่งมี One Championship”

อย่างที่รู้กัน ONE ประสบความสำเร็จในระดับถล่มทลาย เพราะไม่เพียง ONE จะกลายเป็นสื่อกีฬาการต่อสู้อันดับหนึ่งของโลกที่มียอดผู้ชมสูงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ ออนไลน์ และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ แต่ในบรรดาสื่อกีฬาทั่วโลกทั้งหมด ONE จัดอยู่ใน Top 5 ที่สามารถเบียดไล่กับสื่อกีฬาอื่นๆ อย่างฟุตบอลและบาสเกตบอลได้เลยทีเดียว

“หลายคนอาจไม่รู้ว่า ONE จะสามารถไปแข่งขันกับสื่อกีฬาใหญ่ๆ อย่าง Premier League, NBA และ NFL ได้ บวกกับที่เราได้สร้างพันธมิตรกับสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มทั่วโลกอย่าง Tencent, iQIYI, Amazon Prime และ beIN SPORTS ซึ่งเพียงแค่พาร์ตเนอร์สตรีมมิ่งของเราก็มีฐานสมาชิกภายใต้แพลตฟอร์มกว่า 650 ล้านคนแล้ว เรียกได้ว่ายอดการเข้าถึงของ ONE Championship อยู่ในระดับ Global และมีปริมาณเยอะกว่ามากเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกับเรา ซึ่งในปัจจุบัน ONE ได้เผยแพร่ไปแล้วกว่า 190 ประเทศทั่วโลก” จิติณัฐ อธิบาย

มวยไทยในฐานะ Soft Power ที่ทรงพลัง

แน่นอนว่า ONE ประสบความสำเร็จในฐานะธุรกิจกีฬาเพื่อความบันเทิง แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ ONE ให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ ความเชื่อมั่นที่ว่า แพลตฟอร์มกีฬามีพลังที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คนและโลกนี้ได้

“เราเชื่อว่า กีฬาการต่อสู้มีพลังในการ ‘สร้างแรงบันดาลใจ’ ได้จริงๆ อย่างทุกวันนี้เรามักจะพูดถึงมวยไทยในฐานะซอฟต์พาวเวอร์กัน เพียงแต่มันก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการนำเสนอหมัด เท้า เข่า ศอก หรือพิธีกรรมเพียงอย่างเดียว แต่มันคือ ‘แก่นแท้’ (essence) ของมวยไทยที่สามารถเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณของผู้คนได้ต่างหาก ที่เรามองว่าเป็นมูลค่ามหาศาลที่ไม่ควรมองข้าม”

จิติณัฐเล่าว่า 3 คีย์เวิร์ดสำคัญที่เป็นหัวใจของ ONE ได้แก่ Values, Heroes และ Stories นั่นคือ ‘การสร้างวีรบุรุษของอุตสาหกรรมกีฬาที่มีคุณค่าและเรื่องราวน่าสนใจ’

“เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศไทย คนไทย และมวยไทยมีศักยภาพเป็นอย่างมากที่จะเป็นได้อย่าง มูฮัมหมัด อาลี, ไมเคิล จอร์แดน หรือ คริสเตียโน โรนัลโด ซึ่งด้วยความสำเร็จของ ONE ในปัจจุบัน สเต็ปนี้ก็ได้เริ่มต้นไปแล้ว นั่นคือการพาอุตสาหกรรมสื่อกีฬา มวยไทยและฮีโร่ของไทยไปสู่ในระดับโลก

“ONE ไม่ได้มองว่า นักกีฬาของเราเป็นเพียงแค่นักสู้ เพราะเราต้องการผลักดันเขาจาก local hero ไปสู่การเป็น global super star นั่นคือ การเป็นนักกีฬาสู่การเป็นสตาร์ระดับโลก เพราะฉะนั้นเราจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับการสร้างบุคลิกภาพ เพราะเรามองว่า นักกีฬาสามารถเป็นเสมือนกับวีรบุรุษของมนุษยชาติได้ คอนเทนต์กีฬาถือเป็นคอนเทนต์เดียวที่สามารถ ‘รวม’ คนจากทั่วโลกได้ เราดูกีฬาเพื่อเชียร์ฮีโร่ของประเทศ ไม่ว่าในบ้านเมืองนั้นจะแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา หรือมีความคิดเห็นทางการเมืองต่างกันอย่างไร เรามองว่า จุดนี้มีพลังมากๆ ONE จึงให้ความสำคัญกับนักกีฬาของเรามาตลอดว่า ต้องสามารถเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริงของพวกเราได้”

มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์มวยไทยให้ดียิ่งขึ้น

อีกหนึ่งโจทย์สำคัญของ ONE คือการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของมวยไทยซึ่งมักจะยึดโยงอยู่กับการพนันและวงการสีเทาให้กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยซึ่งพร้อมจะเปิดรับทุกคน จุดนี้เองจึงได้นำมาซึ่งการร่วมมือกันระหว่าง ONE และกองทัพบก สนามมวยลุมพินี

“ด้วยภาพลักษณ์ของมวยไทยที่มักจะเกี่ยวกับการพนัน ไม่กล้าเข้าสนามมวยเพราะกลัวมาเฟีย จนส่งผลให้หลายคนไม่อยากดูมวยไทย นี่เองจึงเป็นจุดที่ทำให้ ONE เข้ามาร่วมมือกับทางสนามมวยเวทีลุมพินี ช่อง 7HD และ TERO Entertainment เพราะเป้าหมายของลุมพินีคือ ถ้าจะจัดมวยไทยที่สนามแห่งนี้ก็ต้องทำให้มั่นใจว่า จะไม่มีการพนันในสนามมวยจริงๆ” อริยะวัฏ เล่าถึงความท้าทายของ ONE Lumpinee

“เราอยากจะช่วยให้ระบบและภาพพจน์ของมวยไทยกลับมาดีขึ้น หลายคนอาจยังมองว่า มวยไทยเป็นกีฬาของคนยากจน เข้าไปในสนามก็เจอแต่ความสกปรกกับคนมารยาทไม่ดี แต่เราอยากจะแสดงให้เห็นว่า มวยไทยเดี๋ยวนี้เปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ถ้าใครไปที่สนามมวยลุมพินีทุกวันนี้จะเห็นว่า คนดูเปลี่ยนไปแล้ว มีชาวต่างชาติ มีแฟนคลับนักมวย กลุ่มคน Gen Y และ Gen Z แถมยังมีบรรยากาศของการตะโกนเชียร์นักมวยที่ชื่นชอบ เหมือนบรรยากาศของการดูฟุตบอลที่ต่างประเทศไม่มีผิด”

นอกจากนี้ ONE ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนามวยไทยให้เป็นกีฬาอาชีพจริงๆ ที่นักมวยจะสามารถเลี้ยงดูตัวเอง เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาและคนในครอบครัวให้ดีขึ้นได้

“โจทย์ของเราคือ เราจะช่วยนักกีฬาคนไทยอย่างไร แน่นอนว่าอย่างที่บอก เรื่องผลตอบแทนกับค่าตัวที่เราให้ เราสามารถเปลี่ยนความคิดได้แล้วว่ากีฬามวยไทยเป็นกีฬาอาชีพจริงๆ แล้ว ไม่ใช่กีฬาคนจนที่ต่อยเพื่อหาเงินไปวันๆ แต่มันต่อยเพื่อสามารถที่จะมีอนาคตและต่อยอดได้

“เราก็เข้าใจว่ากว่าที่นักมวยจะมาถึงจุดนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ทั้งโปรโมเตอร์และเจ้าของค่ายปั้นนักมวยขึ้นมา และต้องใช้เงินและแรงกว่าที่จะปั้นขึ้นมาได้มันนานมาก เราก็ได้มีการแบ่งเปอร์เซ็นต์เพื่อเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาทำมามันไม่เสียผลประโยชน์ ไปจนถึงค่ายมวยต่างจังหวัดจะได้มีกำลังใจสร้างนักมวยรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาได้

“เราอยากให้ทุกคนมองเห็นภาพใหม่ของมวยไทย ให้โอกาสมวยได้เจริญเติบโต ได้เข้าไปดู ได้สนับสนุน มันถึงเวลาแล้วครับ ที่เราทุกคนต้องช่วยให้มวยไทยเจริญเติบโต ผมมองว่า มวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ดีที่สุดของคนไทย เพราะฉะนั้นเราควรให้โอกาสมวยไทย นี่เป็นยุคใหม่ที่เราจะต้องทำมวยไทยให้ดีขึ้น” อริยะวัฏ ทิ้งท้าย